Logo
  • โปรไฟล์มืออาชีพ
  • งาน
  • อาชีพ
    เส้นทางอาชีพ
    การเติบโต
    การศึกษา
    แรงบันดาลใจ
    บุคลิกภาพ
    งานและอุตสาหกรรม
    การค้นหางาน
    ประวัติ & ผลงาน
    เงินเดือน
    ความเป็นอยู่ที่ดี
  • การศึกษา
    หลักสูตร
    โปรแกรม
  • เครื่องมือสร้างเรซูเม่
  • สำหรับผู้ใช้งานองค์กร



  • Jobcadu Logo

    แพลตฟอร์มอาชีพที่ดีที่สุดสำหรับการหางาน, การสรรหาบุคลากร, ค้นหาอาชีพ และค้นพบแหล่งการศึกษา

    10,000+

    หน้าหางาน

    งานตามหมวดหมู่

    การบริหารและสำนักงาน

    การตลาด

    บริการลูกค้า

    เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)

    บัญชีและการเงิน

    ทรัพยากรบุคคลและการจัดการคน

    การผลิตและห่วงโซ่อุปทาน

    วิศวกรรม

    สำหรับผู้หางาน

    หน้าหางาน

    เครื่องมือสร้างเรซูเม่

    ทรัพยากรด้านการศึกษา

    ทรัพยากรเรซูเม่

    สำหรับผู้ใช้งานองค์กร

    ประกาศงาน

    ราคา

    แหล่งข้อมูล

    เกี่ยวกับเรา

    ข้อกำหนดการใช้งาน

    นโยบายความเป็นส่วนตัว


    © 2025 Jobcadu. สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

    Careerist EP 18: มาทำความรู้จักกับ Management trainee คืออาชีพอะไร ทำไมรายได้สูงและเป็นที่นิยม

    Jobs & Industries
    1. Home

    2. Careers

    3. Careerist EP 18: มาทำความรู้จักกับ Management trainee คืออาชีพอะไร ทำไมรายได้สูงและเป็นที่นิยม

    Careerist EP 18: มาทำความรู้จักกับ Management trainee คืออาชีพอะไร ทำไมรายได้สูงและเป็นที่นิยม

    Posted May 23, 2025

    Career Path

    Management Trainee
    ผู้จัดการฝึกหัด
    Careerist EP 18: มาทำความรู้จักกับ Management trainee คืออาชีพอะไร ทำไมรายได้สูงและเป็นที่นิยม
    Career Path Description



    Management Trainee หรือผู้จัดการฝึกหัด เป็นตำแหน่งที่เปิดรับในหลาย ๆ บริษัท โดยตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่รับนักศึกษาจบใหม่และมีฐานเงินเดือนที่สูง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นตำแหน่งงานที่นิยมในหมู่เด็ก Gen Z แต่ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมาย ซึ่งจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน


    Management Trainee คืออาชีพอะไร

    Management Trainee หรือ ผู้จัดการฝึกหัด คือบุคลากรที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อเข้าโปรแกรมฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ ขององค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาให้กลายเป็นผู้นำหรือผู้บริหารในอนาคต โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจทุกแผนก ทุกทีมในบริษัท ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงการวางกลยุทธ์ เพื่อให้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


    Management Trainee เงินเดือนเท่าไหร่

    หนึ่งในเหตุผลที่หลายคนให้ความสนใจตำแหน่งนี้คือ รายได้เริ่มต้นที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับตำแหน่งอื่นสำหรับเด็กจบใหม่ โดยเฉลี่ยเงินเดือนของ Management Trainee อยู่ที่ประมาณ 25,000 – 35,000 บาทต่อเดือน หรืออาจมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับบริษัทและอุตสาหกรรม เช่น ในบริษัทข้ามชาติหรือสายการเงิน อาจให้เงินเดือนเริ่มต้นมากถึง 40,000 – 60,000 บาท


    Management Trainee หรือผู้จัดการฝึกหัดต้องทำอะไรบ้าง

    หน้าที่ของ Management Trainee ครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่

    • เรียนรู้งานในแต่ละแผนก: หมุนเวียนไปปฏิบัติงานจริงในแผนกต่าง ๆ ของบริษัท เช่น ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายการเงิน หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคล เพื่อทำความเข้าใจภาพรวมของธุรกิจ
    • เข้าร่วมการฝึกอบรมและสัมมนา: พัฒนาทักษะและความรู้ที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้บริหาร ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมภายในและภายนอกองค์กร
    • ทำโปรเจกต์พิเศษ: รับผิดชอบโปรเจกต์ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงกระบวนการทำงาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการวางแผนกลยุทธ์
    • นำเสนอผลงาน: สื่อสารความคืบหน้าและผลลัพธ์ของงานที่ได้รับมอบหมายต่อหัวหน้างานและผู้บริหาร
    • สร้าง Connection: สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานและผู้บริหารในแผนกต่างๆ


    Management Trainee ต้องจบอะไร มีคุณสมบัติอะไรบ้าง?

    โดยทั่วไปแล้ว บริษัทที่เปิดรับ Management Trainee มักจะไม่ได้จำกัดสาขาวิชาที่จบมาตายตัว แต่จะมองหาผู้ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้:


    • วุฒิการศึกษา: ส่วนใหญ่มักจะรับผู้ที่จบปริญญาตรีขึ้นไป ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น บริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ การตลาด การเงิน วิศวกรรม หรือสาขาอื่น ๆ ที่บริษัทนั้น ๆ ให้ความสำคัญ
    • ทักษะพื้นฐาน: มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานเป็นทีมที่ดี
    • ความเป็นผู้นำ: มีศักยภาพในการเป็นผู้นำ มีความกล้าแสดงออก และสามารถโน้มน้าวผู้อื่นได้
    • ความกระตือรือร้นและชอบเรียนรู้: มีความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
    • ทัศนคติเชิงบวก: มีมุมมองที่เป็นบวก สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง และพร้อมรับมือกับความท้าทาย


    ต้องรู้ภาษาอังกฤษไหม

    ภาษาอังกฤษถือเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับตำแหน่งนี้ โดยเฉพาะในบริษัทข้ามชาติหรือบริษัทที่ต้องสื่อสารกับลูกค้าต่างประเทศ ผู้สมัครมักต้องผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษ เช่น TOEIC, IELTS หรือการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ เพราะตำแหน่งนี้เกี่ยวข้องกับการประชุมและการเขียนรายงาน


    ตัวอย่างบริษัทที่มี Management Trainee

    หลายบริษัททั้งในและต่างประเทศเปิดรับตำแหน่งนี้ เช่น:


    • บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) - Management Trainee (Future Leader Program)
    • Charoen Pokphand Produce Company Limited - Management Trainee
    • UNHCR (United Nations High Commissioner for Refugees) - Sales and Fundraising Management Trainee
    • Rosewood Bangkok - Management Trainee (Food & Beverage)
    • Minor Food - Marketing Management Trainee (2-Year Program)
    • บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด - Store Manager Trainee (Tops Foodhall) 
    • บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) - Management Trainee
    • Aura Wellness Co., Ltd. - Aura Management Trainee (Marketing)


    ความท้าทายในตำแหน่ง Management Trainee


    • การแข่งขันสูง: การสมัครเข้าโครงการ MT นั้นมีการแข่งขันสูงมาก ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติที่โดดเด่น
    • ภาระงานและความรับผิดชอบ: MT มักจะได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายและต้องรับผิดชอบสูง
    • การปรับตัว: ต้องพร้อมที่จะปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในการหมุนเวียนงานและวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างกันในแต่ละแผนก
    • แรงกดดัน: อาจต้องทำงานภายใต้แรงกดดันและมีกำหนดเวลาที่เข้มงวด
    • การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: ต้องมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ


    Management Trainee เป็นอาชีพที่น่าสนใจและมีโอกาสเติบโตสูงสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และพร้อมที่จะเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง แม้ว่าเงินเดือนที่สูงจะเป็นแรงจูงใจสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือโอกาสในการพัฒนาตนเอง สั่งสมประสบการณ์ และก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารขององค์กรในอนาคต หากคุณเป็นคนที่มีคุณสมบัติตามที่กล่าวมา และพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทาย อาชีพ Management Trainee อาจเป็นบันไดที่นำคุณไปสู่ความสำเร็จในเส้นทางอาชีพก็เป็นได้

    หากสนใจสมัครงานตำเเหน่ง Management Trainee หรือตำเเหน่งอื่นๆที่ใกล้เคียง สามารถเข้าไปสมัครได้ที่ Job Portal


    Related Skills & Areas
    Management Trainee
    ผู้จัดการฝึกหัด


    อาชีพที่เกี่ยวข้อง
    Thumbnail for 10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายงานการตลาด
    Jobs & Industries

    10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายงานการตลาด

    อาชีพที่ให้ค่าตอบแทนสูงเป็นเป้าหมายของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในสายงานการตลาดที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ ยิ่งในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจจึงต้องพึ่งพานักการตลาดที่มีทักษะเฉพาะทางเพื่อสร้างยอดขายและขยายตลาด อาชีพบางสายสามารถให้ค่าตอบแทนหลักแสนบาทต่อเดือนเลยทีเดียว มาดูกันว่าอาชีพไหนบ้างที่อยู่ในลิสต์นี้ 1. ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer-CMO) CMO เป็นผู้บริหารระดับสูงที่รับผิดชอบกลยุทธ์ทางการตลาดขององค์กร ทำหน้าที่กำหนดทิศทาง สร้างแบรนด์ วางแผนกลยุทธ์การตลาด และควบคุมงบประมาณด้านการตลาดทั้งหมดของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทักษะที่จำเป็น: กลยุทธ์การตลาด, การบริหารงบประมาณ, การวิเคราะห์ข้อมูล, การสร้างแบรนด์ เรตเงินเดือน: 90,000 - 300,000+ บาท 2. ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเชิงประสิทธิภาพ (Performance Marketing Manager) ตำแหน่งนี้เน้นการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Marketing) โดยเน้นการเพิ่ม ROI (Return on Investment) ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Google Ads, Facebook Ads และ SEO เพื่อเพิ่มยอดขายและลดต้นทุนในการทำการตลาด ทักษะที่จำเป็น: การวิเคราะห์ข้อมูล, Google Analytics, การตลาดดิจิทัล, การจัดการโฆษณาออนไลน์ เรตเงินเดือน: 70,000 - 95,000+ บาท 3. ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Director) ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้มีหน้าที่กำหนดกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ดูแลการใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Social Media, SEO, SEM และ Content Marketing ให้สามารถสร้างการมีส่วนร่วมและเพิ่มยอดขายของธุรกิจ ทักษะที่จำเป็น: การตลาดดิจิทัล การวางแผนกลยุทธ์ การจัดการทีม เรตเงินเดือน: 70,000 - 200,000+ บาท 4. ผู้จัดการแบรนด์ (Brand Manager) Brand Manager มีหน้าที่ดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และบริหารผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของบริษัท พวกเขาต้องวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและพัฒนาแนวทางการสื่อสารแบรนด์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทักษะที่จำเป็น: การสร้างแบรนด์ การบริหารผลิตภัณฑ์ การวิจัยตลาด เรตเงินเดือน: 70,000 - 150,000+ บาท 5. นักวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด (Data Analyst) นักวิเคราะห์ข้อมูลมีหน้าที่รวบรวม วิเคราะห์ และตีความข้อมูลการตลาดเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำขึ้น โดยใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics, SQL และ Power BI ทักษะที่จำเป็น: การวิเคราะห์ข้อมูล, Data Science, เครื่องมือ BI เรตเงินเดือน: 50,000 - 180,000+ บาท 6. ผู้จัดการสื่อโซเชียลมีเดีย (Social Media Manager) Social Media Manager ดูแลและบริหารช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์ เช่น Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok โดยต้องสร้างคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและใช้กลยุทธ์เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) ทักษะที่จำเป็น: การตลาดบนโซเชียลมีเดีย, การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค, การสร้างสรรค์คอนเทนต์ เรตเงินเดือน: 50,000 - 150,000+ บาท 7. ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO (SEO Specialist) SEO Specialist มีหน้าที่เพิ่มอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ เพื่อให้เว็บไซต์ได้รับ Traffic แบบ Organic โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา พวกเขาต้องใช้เทคนิค On-page และ Off-page SEO รวมถึงวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับที่ดีที่สุด ทักษะที่จำเป็น: SEO, Google Analytics, การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด เรตเงินเดือน: 40,000 - 180,000+ บาท 8. ผู้จัดการด้านการตลาดเนื้อหา (Content Marketing Manager) Content Marketing Manager มีหน้าที่วางกลยุทธ์และสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดใจผู้บริโภค เช่น บทความ วิดีโอ อินโฟกราฟิก หรือพอดแคสต์ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ทักษะที่จำเป็น: การเขียนคอนเทนต์, Storytelling, กลยุทธ์การตลาด เรตเงินเดือน: 40,000 - 170,000+ บาท 9. ผู้จัดการฝ่ายอีคอมเมิร์ซ (E-commerce Manager) E-commerce Manager ดูแลการขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada และเว็บไซต์ของแบรนด์ โดยต้องบริหารสต็อกสินค้า วางแผนโปรโมชั่น และพัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ของลูกค้า ทักษะที่จำเป็น: การบริหารแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ UX/UI การตลาดออนไลน์ เรตเงินเดือน: 50,000 - 200,000+ บาท 10.  ผู้จัดการด้านการตลาดอินฟลูเอนเซอร์เเละ KOL  (Influencer & KOL Marketing Manager) ตำแหน่งนี้รับผิดชอบการวางแผนและจัดการแคมเปญการตลาดที่ใช้ Influencer หรือ KOLs (Key Opinion Leaders) เพื่อโปรโมตสินค้าและบริการ โดยต้องเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสม วัดผลลัพธ์ และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด ทักษะที่จำเป็น: Relationship management, กลยุทธ์การตลาด, การวิเคราะห์ผลลัพธ์ เรตเงินเดือน: 40,000 - 180,000+ บาท งานสายการตลาดเป็นหนึ่งในสายงานที่มีความต้องการสูงและให้ค่าตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการตลาดดิจิทัลและการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ การพัฒนาทักษะและความสามารถในด้านต่าง ๆ จะช่วยให้สามารถก้าวหน้าในอาชีพและได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น เเละ​​หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    Digital marketing
    High-Paying Careers
    อาชีพมาแรง
    Mar 28, 2025
    2 min
    Thumbnail for 10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายวิศวะ
    Jobs & Industries

    10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายวิศวะ

    การมีรายได้สูงเป็นหนึ่งในเป้าหมายของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในสายงานวิศวกรรม ซึ่งต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางและทักษะที่ซับซ้อน อาชีพบางสายสามารถให้ค่าตอบแทนหลักแสนบาทต่อเดือนได้ หากมีประสบการณ์และความสามารถที่เหมาะสม มาดูกันว่า 10 อาชีพวิศวกรรมที่ให้ค่าตอบแทนสูงมีอะไรบ้าง 1. วิศวกรปิโตรเลียม (Petroleum Engineer) วิศวกรปิโตรเลียมทำหน้าที่ศึกษา ออกแบบ และพัฒนาเทคนิคในการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากแหล่งใต้ดินอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเพิ่มผลผลิตจากแหล่งพลังงานเดิมให้มากขึ้น พวกเขายังต้องวิเคราะห์ข้อมูลทางธรณีวิทยาและเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต ทักษะที่จำเป็น: วิศวกรรมปิโตรเลียม, ธรณีวิทยา, การจำลองแหล่งพลังงาน เรตเงินเดือน: 80,000 - 300,000 บาท 2. วิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Engineer) วิศวกรซอฟต์แวร์มีหน้าที่ออกแบบ พัฒนา และปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของผู้ใช้ งานของพวกเขาครอบคลุมตั้งแต่การเขียนโปรแกรม การออกแบบโครงสร้างระบบ ไปจนถึงการแก้ไขข้อบกพร่องของซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ ทักษะที่จำเป็น: การเขียนโปรแกรม (Python, Java, C++), การออกแบบระบบ, การจัดการฐานข้อมูล เรตเงินเดือน: 40,000 - 200,000 บาท 3. วิศวกรหุ่นยนต์ (Robotics Engineer) วิศวกรหุ่นยนต์ทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมและงานวิจัย เช่น หุ่นยนต์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หุ่นยนต์ทางการแพทย์ หรือหุ่นยนต์ช่วยเหลือในงานเฉพาะทาง โดยต้องพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อให้หุ่นยนต์ทำงานได้อย่างแม่นยำ ทักษะที่จำเป็น: วิศวกรรมเครื่องกล, อิเล็กทรอนิกส์ AI และการควบคุมอัตโนมัติ เรตเงินเดือน: 40,000 - 250,000 บาท 4. วิศวกรปัญญาประดิษฐ์ (AI Engineer) วิศวกรปัญญาประดิษฐ์มีหน้าที่พัฒนาโมเดล AI และ Machine Learning เพื่อนำไปใช้ในระบบอัจฉริยะ เช่น ระบบแนะนำสินค้า ระบบวิเคราะห์ข้อมูล และรถยนต์ไร้คนขับ พวกเขาต้องวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ สร้างอัลกอริธึมที่สามารถเรียนรู้ได้ และปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ AI อย่างต่อเนื่อง ทักษะที่จำเป็น: การเขียนโปรแกรม, Data Science, อัลกอริธึม AI เรตเงินเดือน: 70,000 - 250,000 บาท 5. วิศวกรความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Engineer) วิศวกรความปลอดภัยทางไซเบอร์ทำหน้าที่ปกป้องระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่าย และข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น การโจมตีของแฮกเกอร์หรือมัลแวร์ โดยต้องออกแบบระบบความปลอดภัย ตรวจสอบช่องโหว่ และพัฒนาโซลูชันเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล ทักษะที่จำเป็น: การเจาะระบบ, Ethical Hacking, ความปลอดภัยเครือข่าย เรตเงินเดือน: 60,000 - 220,000 บาท 6. วิศวกรระบบคลาวด์ (Cloud Engineer) วิศวกรระบบคลาวด์มีหน้าที่ออกแบบ ดูแล และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน Cloud Computing เช่น AWS, Azure และ Google Cloud พวกเขาต้องบริหารทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์และเครือข่ายให้รองรับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะที่จำเป็น: DevOps, Cloud Infrastructure เรตเงินเดือน: 50,000 - 200,000 บาท 7. วิศวกรเหมืองแร่ (Mining Engineer) วิศวกรเหมืองแร่ทำหน้าที่ออกแบบ วางแผน และควบคุมการขุดเจาะแร่ให้อยู่ในมาตรฐานความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการวิเคราะห์คุณภาพแร่และกำหนดวิธีการสกัดแร่ที่มีประสิทธิภาพ ทักษะที่จำเป็น: ธรณีวิทยา, วิศวกรรมเหมืองแร่, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เรตเงินเดือน: 50,000 - 250,000 บาท 8. วิศวกรอากาศยาน (Aerospace Engineer) วิศวกรอากาศยานมีหน้าที่ออกแบบ พัฒนา และทดสอบเครื่องบิน อวกาศยาน และระบบที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบขับเคลื่อน อากาศพลศาสตร์ และโครงสร้างของเครื่องบิน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทักษะที่จำเป็น: วิศวกรรมเครื่องกล, Aerodynamics, การคำนวณโครงสร้าง เรตเงินเดือน: 50,000 - 300,000 บาท 9. วิศวกรพลังงาน (Energy Engineer) วิศวกรพลังงานทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาโซลูชันด้านพลังงาน เช่น พลังงานหมุนเวียน (โซลาร์เซลล์ พลังงานลม) หรือระบบผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทักษะที่จำเป็น: ไฟฟ้า, กลศาสตร์, พลังงานหมุนเวียน เรตเงินเดือน: 65,000 - 180,000 บาท 10. วิศวกรชีวการแพทย์ (Biomedical Engineer) วิศวกรชีวการแพทย์มีหน้าที่ออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ แขนขาเทียม และระบบวินิจฉัยโรค เพื่อให้แพทย์สามารถใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะที่จำเป็น: วิศวกรรมไฟฟ้า, ชีววิทยา, การออกแบบอุปกรณ์การแพทย์ เรตเงินเดือน: 35,000 - 200,000 บาท อาชีพในสายวิศวกรรมยังคงมีค่าตอบแทนสูง โดยเฉพาะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี พลังงาน และอุตสาหกรรมเฉพาะทาง การพัฒนาทักษะและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เรามีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพและได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น เเละ​​หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    Engineering
    วิศวะ
    หางาน
    Mar 28, 2025
    2 min
    Thumbnail for รวม 10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายศิลป์และสายภาษา
    Jobs & Industries

    รวม 10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายศิลป์และสายภาษา

    ในยุคที่เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญของสายศิลป์และสายภาษา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทักษะเหล่านี้ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงาน และมีอาชีพจำนวนไม่น้อยที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถด้านศิลป์ภาษาได้รับผลตอบแทนที่สูงหากมีทักษะที่เหมาะสมและความสามารถที่โดดเด่น มาดูกันว่ามีอาชีพใดบ้างที่ให้ค่าตอบแทนสูงสำหรับคนที่มีพื้นฐานด้านศิลป์และภาษา 1. นักแปลและล่าม (Translator/Interpreter) นักแปลและล่ามทำหน้าที่แปลเอกสารหรือสื่อต่างๆ จากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง หรือแปลภาษาพูดในการประชุมหรือการสนทนา ทักษะที่จำเป็น: ความเชี่ยวชาญในภาษาต้นนั้น ๆ ภาษาเป้าหมาย เเละทักษะการสื่อสารที่ดี เรตเงินเดือน: 30,000 - 100,000 บาท (ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ) 2. นักเขียนคำโฆษณา (Copywriter) Copywriter ทำหน้าที่สร้างสรรค์ข้อความที่น่าสนใจและดึงดูดใจเพื่อใช้ในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ทักษะที่จำเป็น: ความคิดสร้างสรรค์, ทักษะการเขียน, ความเข้าใจในหลักการตลาด เรตเงินเดือน: 25,000 - 40,000 บาทขึ้นไป 3. บรรณาธิการ (Editor) บรรณาธิการทำหน้าที่ตรวจสอบและแก้ไขเนื้อหาต่างๆ ให้ถูกต้องตามหลักภาษาและมีความน่าสนใจ ทักษะที่จำเป็น: ความรู้ด้านภาษานั้น ๆ อย่างเชี่ยวชาญ, ความใส่ใจในรายละเอียด, ทักษะการสื่อสารที่ดี เรตเงินเดือน: 25,000 - 70,000 บาทขึ้นไป 4. นักออกแบบกราฟิก (Graphic Designer) นักออกแบบกราฟิกทำหน้าที่ในการสร้างสรรค์งานออกแบบต่างๆ เช่น โลโก้ โปสเตอร์ เว็บไซต์ เพื่อสื่อสารข้อมูลและสร้างความประทับใจ นักออกแบบที่มีเอกลักษณ์และสามารถสร้างสรรค์งานที่ดึงดูดใจตลาดสามารถสร้างรายได้ที่สูงได้ ทักษะที่จำเป็น: ความคิดสร้างสรรค์, ความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมออกแบบ, ทักษะการสื่อสารด้วยภาพ เรตเงินเดือน: 20,000 - 60,000 บาทขึ้นไป 5. UX/UI Designer อาชีพนี้เป็นที่ต้องการสูงในยุคดิจิทัล UX/UI Designer มีหน้าที่ออกแบบประสบการณ์และอินเทอร์เฟซผู้ใช้สำหรับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพื่อให้ใช้งานง่ายและดึงดูดใจ ทักษะที่จำเป็นคือการออกแบบกราฟิก การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ และความสามารถในการใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบเช่น Figma หรือ Adobe XD ทักษะที่จำเป็น: UX/UI Design (Figma, Adobe XD) ,User Research & Usability Testing ,Wireframing และ Prototyping เรตเงินเดือน: 30,000 - 80,000 บาทขึ้นไป 6. ผู้กำกับศิลป์ (Art Director) ผู้กำกับศิลป์ทำหน้าที่ดูแลและควบคุมทิศทางด้านศิลปะในการผลิตสื่อต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ โฆษณา นิตยสาร ทักษะที่จำเป็น: ความคิดสร้างสรรค์, ทักษะการบริหารจัดการ, ทักษะการสื่อสารที่ดี เรตเงินเดือน: 30,000 - 60,000 บาทขึ้นไป 7. ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ (Creative Director) ครีเอทีฟไดเรกเตอร์มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมโฆษณาและสื่อสร้างสรรค์ เป็นผู้กำหนดแนวคิดหลักและควบคุมงานสร้างสรรค์ทั้งหมดของทีม ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญโฆษณา แบรนด์ดิ้ง หรือการผลิตเนื้อหาเพื่อสร้างอิทธิพลต่อผู้บริโภค ทักษะที่จำเป็น: การสื่อสาร การคิดเชิงกลยุทธ์ และความสามารถในการนำทีม เรตเงินเดือน: 35,000 - 80,000 บาทขึ้นไป 8.ผู้กำกับภาพยนตร์/โปรดิวเซอร์ (Director/Producer) ผู้กำกับภาพยนตร์และโปรดิวเซอร์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ภาพยนตร์และโฆษณา พวกเขาต้องบริหารทีมงาน กำกับการถ่ายทำ และตัดสินใจเกี่ยวกับงานศิลป์และเนื้อหาเพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์แบบ ทักษะที่จำเป็น: Storytelling, การจัดการทีม, ความคิดสร้างสรรค์, และการบริหารงบประมาณ เรตเงินเดือน: รายได้ขึ้นอยู่กับโปรเจกต์ โดยอาจเริ่มต้นที่ 100,000 บาท และสูงถึง 300,000 บาท 9. นักเขียนบทภาพยนตร์ (Screenwriter) นักเขียนบทภาพยนตร์มีหน้าที่หลักในการสร้างสรรค์เรื่องราวและบทสนทนาสำหรับภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ โดยต้องพัฒนาโครงเรื่อง เขียนบทสนทนา สร้างตัวละคร และเขียนบทบรรยาย รวมถึงแก้ไขบทให้สมบูรณ์พร้อมสำหรับการถ่ายทำ ทักษะที่จำเป็น: ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการเขียนบทสนทนาและการเล่าเรื่อง ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น เรตเงินเดือน: ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสำเร็จของผลงาน 10. อาจารย์หรือติวเตอร์ภาษา (Language Professor/Tutor) อาจารย์หรือติวเตอร์ภาษาต้องมีความรู้เชิงลึกและสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับนักศึกษาได้ดี ทักษะที่จำเป็น: ความรู้ด้านภาษานั้น ๆ อย่างเชี่ยวชาญ, ทักษะการสอน, ทักษะการสื่อสาร เรตเงินเดือน: 20,000 - 60,000 บาทขึ้นไป (หรือมากกว่านั้นสำหรับติวเตอร์อิสระ) อาชีพเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของสายงานที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถในสายศิลป์ภาษาได้รับผลตอบแทนที่สูง หากมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทักษะของตนเองก็สามารถประสบความสำเร็จในสายอาชีพเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน เเละ​​หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    Career
    งานสายภาษา
    ครีเอทีฟ
    Mar 28, 2025
    1 min
    Thumbnail for รวม 10 อาชีพเงินเดือนสูงที่รับเด็กจบใหม่
    Jobs & Industries

    รวม 10 อาชีพเงินเดือนสูงที่รับเด็กจบใหม่

    ในยุคปัจจุบัน การเลือกอาชีพที่มีเงินเดือนสูงเป็นเป้าหมายของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นอาชีพด้วยรายได้ที่มั่นคงและมีโอกาสเติบโตในสายงานที่ตนเองสนใจ อาชีพที่ให้เงินเดือนสูงมักเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การเงิน และการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเป็นทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการสูง มาดูกันว่า 10 อาชีพที่ให้ค่าตอบแทนสูงและเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่มีอะไรบ้าง 1. นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer) นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมต่าง ๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาต้องมีทักษะในการเขียนโค้ดด้วยภาษาโปรแกรม เช่น Python, Java หรือ JavaScript รวมถึงสามารถวิเคราะห์และแก้ไขข้อผิดพลาดในซอฟต์แวร์ได้ อาชีพนี้มีความต้องการสูงในตลาดแรงงาน และสามารถเติบโตไปเป็น Software Engineer หรือ CTO (Chief Technology Officer) ได้ในอนาคต ทักษะที่จำเป็น: Programming (Python, Java, JavaScript) , Database Management (SQL, NoSQL) , Git และ Version Control เรตเงินเดือน: 30,000 - 80,000 บาท 2. นักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Specialist) นักการตลาดดิจิทัลมีหน้าที่ในการวางกลยุทธ์และดำเนินการตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Google Ads หรือ SEO พวกเขาต้องสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและใช้ข้อมูลเชิงสถิติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา การตลาดดิจิทัลเป็นสายงานที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสก้าวหน้าและมีรายได้ที่ดี ทักษะที่จำเป็น: SEO, SEM , Google Analytics และ Facebook Ads Manager , การสร้าง Content และ Copywriting , Data Analysis และ Marketing Strategy เรตเงินเดือน: 25,000 - 60,000 บาท 3. นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) นักวิเคราะห์ข้อมูลต้องมีความสามารถในการรวบรวม วิเคราะห์ และแปลผลข้อมูลเพื่อช่วยองค์กรในการตัดสินใจ พวกเขาต้องมีทักษะในการใช้เครื่องมือเช่น SQL, Python หรือ Power BI อาชีพนี้มีค่าตอบแทนสูง เนื่องจากความต้องการใช้งานข้อมูลในธุรกิจมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทักษะที่จำเป็น: SQL, Python, R ,Data Visualization (Tableau, Power BI) เรตเงินเดือน: 35,000 - 90,000 บาท 4. วิศวกรระบบคลาวด์ (Cloud Engineer) ออกแบบและดูแลระบบ Cloud Computing เช่น AWS, Google Cloud หรือ Azure พวกเขาต้องมีความรู้ด้านเครือข่าย ความปลอดภัยของระบบ และสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการขยายตัวของธุรกิจได้ ทักษะที่จำเป็น: Cloud Computing (AWS, GCP, Azure) , DevOps & CI/CD Tools , Cybersecurity เรตเงินเดือน: 40,000 - 100,000  บาท 5. ที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consultant) นักวิเคราะห์และที่ปรึกษาทางธุรกิจช่วยองค์กรในการวางแผนกลยุทธ์ ปรับปรุงกระบวนการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ทักษะที่จำเป็นได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ การสื่อสาร และการนำเสนอข้อมูล ทักษะที่จำเป็น: Business Analysis , Microsoft Office Suite, การเจรจาต่อรองและการสื่อสาร เรตเงินเดือน: 30,000 - 90,000  บาท 6. UX/UI Designer UX/UI Designer ทำหน้าที่ออกแบบอินเทอร์เฟซของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่ายและมีประสบการณ์ที่ดีต่อผู้ใช้ พวกเขาต้องมีความเชี่ยวชาญในเครื่องมือออกแบบ เช่น Figma หรือ Adobe XD และมีความเข้าใจด้านจิตวิทยาผู้ใช้งาน ทักษะที่จำเป็น: UX/UI Design (Figma, Adobe XD) ,User Research & Usability Testing ,Wireframing และ Prototyping เรตเงินเดือน: 30,000 - 80,000  บาท 7. นักวิเคราะห์การเงิน (Financial Analyst) นักวิเคราะห์การเงินมีหน้าที่วิเคราะห์งบการเงินและคาดการณ์แนวโน้มทางธุรกิจ พวกเขาต้องมีทักษะด้านการเงินและการใช้โปรแกรม Microsoft Excel อย่างเชี่ยวชาญ ทักษะที่จำเป็น: การวิเคราะห์งบการเงิน , Financial Modeling & Valuation , ความรู้ด้านตลาดทุนและเศรษฐศาสตร์ เรตเงินเดือน: 35,000 - 85,000  บาท 8. เจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ (Business Development Executive) Business Development Executive ทำหน้าที่หาลูกค้าใหม่ เจรจาต่อรอง และวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อขยายตลาด นักพัฒนาธุรกิจต้องมีทักษะการขายและการสื่อสารที่ดี ทักษะที่จำเป็น: Sales & Negotiation Skills , CRM Software (Salesforce, HubSpot) ,การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Client Relationship Management) เรตเงินเดือน: 25,000 - 70,000 บาท ยังไม่รวมค่าคอมมิชชั่น (ถ้ามี) 9. นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลต้องใช้ Machine Learning และ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ ทักษะที่จำเป็น: Python, Machine Learning, Deep Learning ,Big Data Processing เรตเงินเดือน: 50,000 - 120,000  บาท 10. วิศวกรหุ่นยนต์ (Robotics Engineer) วิศวกรหุ่นยนต์ทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาระบบหุ่นยนต์สำหรับงานอุตสาหกรรม ทักษะที่จำเป็น: Robotics Programming (Python, C++) ,ระบบควบคุมอัตโนมัติ (ROS, Embedded Systems), AI & Computer Vision เรตเงินเดือน: 40,000 - 100,000  บาท อาชีพที่มีเงินเดือนสูงมักต้องการทักษะเฉพาะทางและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากเด็กจบใหม่สามารถพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องและเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ก็จะมีโอกาสก้าวหน้าในสายงานและได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน เเละ​​หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    High-Paying Careers
    หางาน
    เลือกอาชีพ
    Mar 28, 2025
    2 min
    Thumbnail for รวม 10 อาชีพจ่ายหนัก ที่มีเงินเดือนแตะแสน!
    Jobs & Industries

    รวม 10 อาชีพจ่ายหนัก ที่มีเงินเดือนแตะแสน!

    การมีรายได้สูงถือเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน เพราะนอกจากจะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังสามารถสร้างความมั่นคงให้กับอนาคตอีกด้วย อย่างไรก็ตาม งานที่ให้เงินเดือนหลักแสนขึ้นไปมักมาพร้อมความรับผิดชอบ ทักษะ และประสบการณ์ที่สูงตามไปด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนไปดู 10 อาชีพที่มีเงินเดือนสูงแตะแสน และรายละเอียดเกี่ยวกับแต่ละอาชีพว่าต้องทำอะไร ต้องมีทักษะอะไรบ้าง พร้อมทั้งช่วงเงินเดือนคร่าว ๆ ที่ได้รับ 1. แพทย์เฉพาะทาง แพทย์เฉพาะทางทำหน้าที่วินิจฉัย รักษา และให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น ศัลยแพทย์ แพทย์โรคหัวใจ หรือแพทย์ผิวหนัง เป็นต้น ทักษะที่ต้องมี: ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ความละเอียดรอบคอบ การตัดสินใจที่รวดเร็ว ความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เรตเงินเดือน: 100,000 - 500,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์) 2. วิศวกรปิโตรเลียม วิศวกรปิโตรเลียมมีหน้าที่ในการวางแผน ควบคุม และดูแลกระบวนการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล ทักษะที่ต้องมี: ความรู้ด้านธรณีวิทยา วิศวกรรมปิโตรเลียม การวิเคราะห์ข้อมูล การบริหารจัดการโครงการ เรตเงินเดือน: 100,000 - 300,000 บาท 3. นักบินพาณิชย์ นักบินพาณิชย์ทำหน้าที่บังคับเครื่องบินโดยสาร ดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือ รวมถึงการจัดการเที่ยวบินให้เป็นไปตามแผนการบิน ทักษะที่ต้องมี: ทักษะการบิน ความแม่นยำในการคำนวณ การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การสื่อสารที่ดี เรตเงินเดือน: 150,000 - 500,000 บาท 4. ผู้บริหารระดับสูง (CEO, CFO, CTO) ผู้บริหารระดับสูงทำหน้าที่กำหนดทิศทางองค์กร วางแผนกลยุทธ์ และตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของบริษัท ทักษะที่ต้องมี: ภาวะความเป็นผู้นำ การบริหารองค์กร การวางกลยุทธ์ ทักษะการเจรจาต่อรอง เรตเงินเดือน: 200,000 - 1,000,000 บาท 5. Data Scientist นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะที่ต้องมี: การวิเคราะห์ข้อมูล การเขียนโปรแกรม Python/R ความรู้ด้าน Machine Learning เรตเงินเดือน: 100,000 - 300,000 บาท 6. ทนายความด้านธุรกิจและการเงิน ทนายความที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจและการเงิน มีหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายเกี่ยวกับสัญญาทางธุรกิจ การควบรวมกิจการ และการลงทุน ทักษะที่ต้องมี: ความรู้ด้านกฎหมายธุรกิจ ความสามารถในการเจรจาต่อรอง การวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา เรตเงินเดือน: 100,000 - 400,000 บาท 7. นักวิเคราะห์การเงิน (Financial Analyst) นักวิเคราะห์การเงินมีหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของบริษัท หรือให้คำแนะนำด้านการลงทุนและการบริหารสินทรัพย์ ทักษะที่ต้องมี: การวิเคราะห์ทางการเงิน ความเชี่ยวชาญด้าน Excel และซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล การทำงบประมาณ เรตเงินเดือน: 100,000 - 300,000 บาท 8. นักเทรดหุ้น (Stock Trader) นักเทรดหุ้นทำหน้าที่ซื้อขายหุ้น พันธบัตร และสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ เพื่อสร้างผลกำไรสูงสุด ทักษะที่ต้องมี: ความรู้ด้านตลาดทุน ทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิค ความสามารถในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เรตเงินเดือน: 100,000 - 500,000 บาท (ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และผลประกอบการ) 9. ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning มีหน้าที่พัฒนาและออกแบบระบบอัจฉริยะที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะที่ต้องมี: ความรู้ด้าน AI, Python, Deep Learning, Data Science เรตเงินเดือน: 120,000 - 400,000 บาท 10. วิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Engineer) วิศวกรซอฟต์แวร์พัฒนา ออกแบบ และดูแลระบบซอฟต์แวร์ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะที่ต้องมี: การเขียนโปรแกรม (Java, Python, C++) การพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ การแก้ไขข้อผิดพลาด (Debugging) เรตเงินเดือน: 100,000 - 300,000 บาท นี่เป็นเพียงตัวอย่างของ 10 อาชีพที่ให้เงินเดือนสูงระดับแสนบาทขึ้นไป ซึ่งแต่ละอาชีพล้วนต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ที่เฉพาะทาง หากคุณกำลังมองหาแนวทางในการพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวเข้าสู่อาชีพเหล่านี้ ก็สามารถเริ่มต้นจากการศึกษาหาความรู้และฝึกฝนทักษะที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วันนี้ เเละ​​หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    อาชีพ
    เลือกอาชีพ
    เงินเดือน
    Mar 28, 2025
    1 min
    Thumbnail for อยากทำงานที่ได้เงินเดือนหลักแสน?  เช็กเลย! 10 อาชีพรายได้สูงสุดในกรุงเทพฯ ปี 2025
    Jobs & Industries

    อยากทำงานที่ได้เงินเดือนหลักแสน? เช็กเลย! 10 อาชีพรายได้สูงสุดในกรุงเทพฯ ปี 2025

    กรุงเทพฯ ยังคงเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เต็มไปด้วยโอกาสทางอาชีพ โดยอ้างอิงจากข้อมูลตลาดและรายงานอุตสาหกรรม นี่คือ 10 อาชีพที่มีรายได้สูงสุดในปี 2025 สำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ครอบคลุมทั้งระดับเริ่มต้นและระดับอาวุโส 1. ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) – ระดับอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿250,000 – ฿500,000/เดือน ทักษะสำคัญ: ภาวะผู้นำ, การวางกลยุทธ์, การพัฒนาธุรกิจ 2. นักวาณิชธนกิจ (Investment Banker) – ระดับเริ่มต้นและอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿80,000 – ฿400,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การวิเคราะห์ทางการเงิน, การบริหารความเสี่ยง, การจัดการลูกค้า 3. ผู้อำนวยการฝ่ายไอที / ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี (IT Director / CTO) – ระดับอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿200,000 – ฿350,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การพัฒนาซอฟต์แวร์, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, กลยุทธ์ไอที 4. แพทย์เฉพาะทาง (ศัลยแพทย์, วิสัญญีแพทย์) – ระดับอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿180,000 – ฿300,000/เดือน ทักษะสำคัญ: ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์, การดูแลผู้ป่วย, การผ่าตัด 5. นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล / วิศวกร AI (Data Scientist / AI Engineer) – ระดับเริ่มต้นและอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿60,000 – ฿250,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การเรียนรู้ของเครื่อง, การวิเคราะห์ข้อมูล, การเขียนโปรแกรม Python/R 6. ที่ปรึกษากฎหมาย / ทนายความองค์กร (Legal Counsel / Corporate Lawyer) – ระดับอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿150,000 – ฿280,000/เดือน ทักษะสำคัญ: กฎหมายองค์กร, การเจรจาสัญญา, การปฏิบัติตามกฎระเบียบ 7. ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (Marketing Director) – ระดับเริ่มต้นและอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿60,000 – ฿250,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การตลาดดิจิทัล, การสร้างแบรนด์, การวิจัยตลาด 8. นักบิน(Airline Pilot) – ระดับอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿150,000 – ฿300,000/เดือน ทักษะสำคัญ: ความปลอดภัยการบิน, การปฏิบัติการบิน, การนำทาง 9. นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Developer) – ระดับเริ่มต้นและอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿70,000 – ฿250,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การลงทุนอสังหาริมทรัพย์, การวางแผนเมือง, การขาย 10. วิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโส / นักพัฒนา Blockchain (Senior Software Engineer / Blockchain Developer) – ระดับเริ่มต้นและอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿80,000 – ฿220,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การพัฒนาระบบแบบ Full-Stack, Smart Contracts, การเข้ารหัสข้อมูล อาชีพที่มีรายได้สูงในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่อยู่ในสาขาการบริหารระดับสูง, การเงิน, เทคโนโลยี และการแพทย์ โอกาสเปิดรับทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยมีตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ในสาขาเทคโนโลยี, การเงิน และการตลาด หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    High-Paying Jobs in Bangkok
    High-Paying Careers
    หางาน
    Mar 26, 2025
    1 min
    Thumbnail for Careerist EP17: Digital Strategist ผู้วางกลยุทธ์ในการตลาดต้องทำอะไรบ้าง เงินเดือนดีไหม มาดู!
    Jobs & Industries

    Careerist EP17: Digital Strategist ผู้วางกลยุทธ์ในการตลาดต้องทำอะไรบ้าง เงินเดือนดีไหม มาดู!

    การที่แบรนด์หนึ่งจะมีแคมเปญหรือกลยุทธ์การตลาดแต่ละครั้ง ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ทั้งแรงและเวลาเป็นอย่างมาก หนึ่งในตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญในงานนี้ก็คือ Digital Strategist โดยตำแหน่งนี้มีหน้าที่หลักในการกำหนดทิศทางทางการตลาดดิจิทัลของแบรนด์ วันนี้ Jobcadu จะพามาทำความรู้จักกับอาชีพนี้ให้มากขึ้น Digital Strategist คืออะไร? Digital Strategist เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดในช่องทางดิจิทัล เช่น Social Media, SEO, SEM, Content Marketing, Email Marketing และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์ เป้าหมายคือการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ ขยายฐานลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย Digital Strategist ต้องทำอะไรบ้าง? วิเคราะห์ตลาดและคู่แข่ง: ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค แนวโน้มทางการตลาด และกลยุทธ์ของคู่แข่ง กำหนดเป้าหมายทางการตลาด: วางแผนกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจ เช่น การเพิ่ม Brand Awareness หรือเพิ่มยอดขาย ออกแบบแคมเปญการตลาดดิจิทัล: กำหนดวิธีใช้ Social Media, Content Marketing, Email Marketing และ SEO ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประสานงานกับทีมอื่น ๆ: ทำงานร่วมกับทีมคอนเทนต์ กราฟิก และโฆษณาเพื่อให้แคมเปญมีความต่อเนื่อง วัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์: ใช้เครื่องมือ Analytics เช่น Google Analytics, Facebook Insights และ SEO tools เพื่อติดตามผลลัพธ์และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม Soft Skill และ Hard Skill ที่ Digital Strategist ต้องมี Soft Skills Critical Thinking: สามารถวิเคราะห์และแก้ปัญหาทางการตลาดได้อย่างมีเหตุผล Creativity: มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบกลยุทธ์และแคมเปญ Communication: สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกับทีมได้ดี Adaptability: ปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีและแนวโน้มการตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Hard Skills SEO & SEM: มีความเข้าใจเกี่ยวกับการทำอันดับบน Search Engine Social Media Marketing: สามารถจัดการและวางกลยุทธ์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ Data Analytics: ใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและประสิทธิภาพของแคมเปญ Content Strategy: วางแผนและบริหารคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย Digital Strategist เงินเดือนดีไหม? เงินเดือนของ Digital Strategist ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และขนาดของบริษัท โดยเฉลี่ยแล้ว ระดับเริ่มต้น (Entry-Level): 25,000 - 40,000 บาทต่อเดือน ระดับกลาง (Mid-Level): 45,000 - 70,000 บาทต่อเดือน ระดับสูง (Senior-Level / Manager): 80,000 - 150,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ เงินเดือนอาจสูงขึ้นหากมีทักษะเฉพาะทาง เช่น ความเชี่ยวชาญใน Data Analytics หรือ Performance Marketing อยากเป็น Digital Strategist ต้องทำยังไง? เรียนรู้พื้นฐานด้าน Digital Marketing: ศึกษาเกี่ยวกับ SEO, Social Media, Content Marketing และ Data Analytics ฝึกฝนและสร้าง Portfolio: ลองทำแคมเปญการตลาดดิจิทัล และเก็บตัวอย่างงานเพื่อแสดงทักษะของตนเอง เรียนคอร์สออนไลน์: มีหลายแพลตฟอร์มที่มีคอร์สเรียนเกี่ยวกับ Digital Strategy เช่น HubSpot Academy , Coursera หรืออื่นๆ ทำงานในสายการตลาดดิจิทัล: เริ่มต้นจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง เช่น Social Media Executive หรือ Digital Marketing พัฒนาทักษะและเรียนรู้ตลอดเวลา: โลกของดิจิทัลเปลี่ยนแปลงเร็ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็น Digital Strategist เป็นตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญในยุคดิจิทัล โดยต้องมีทั้งความคิดเชิงกลยุทธ์และทักษะทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง สำหรับใครที่สนใจงานในสายนี้ ต้องศึกษาและฝึกฝนทักษะต่าง ๆ และปรับตัวเข้ากับโลกดิจิทัลให้ดี เนื่องจากโลกดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานประเภทนี้เลย หากคุณสนใจงานด้าน Digital Marketing หรืออยากเป็น Digital Strategist อย่าลืมฝากเรซูเม่ของคุณไว้กับเรา ที่ Job Portal

    social media
    Career planning
    Digital marketing
    Feb 17, 2025
    1 min
    Thumbnail for Careerist EP 16: อาชีพ ‘นักพยากรณ์อากาศ’ หมอดูสายภูมิศาสตร์ นักคาดเดา ที่ไม่เคยใช้การคาดเดาที่ปราศจากหลักฐาน
    Jobs & Industries

    Careerist EP 16: อาชีพ ‘นักพยากรณ์อากาศ’ หมอดูสายภูมิศาสตร์ นักคาดเดา ที่ไม่เคยใช้การคาดเดาที่ปราศจากหลักฐาน

    สภาพอากาศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กำหนดกิจวัตรประจำวันของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดาหรือวันไปทำงาน ซึ่งถ้าสภาพอากาศไม่เป็นใจก็อาจจะทำให้การเดินทางไปทำงานของเราไม่เป็นอย่างที่คิดได้ เราจึงต้องเช็กพยากรณ์อากาศก่อนเริ่มออกจากบ้านเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะจากการโดยสารรถยนต์ส่วนตัว รถไฟฟ้าและวินมอเตอร์ไซต์ แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเราสามารถรู้อากาศล่วงหน้าได้ ใครเป็นคนทำหน้าที่นี้ แล้วเขาทำอย่างไร วันนี้จะมาทำความรู้จักกับอาชีพ ‘นักพยากรณ์อากาศ’ หรือ ‘อุตุนิยมวิทยา’กันว่า กว่าจะมีผลการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำเหมือนตาเห็นมาก่อน ต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง นักพยากรณ์อากาศ คือใคร นักพยากรณ์อากาศ คือผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศเพื่อนำมาใช้ในการพยากรณ์ลักษณะอากาศในอนาคต โดยอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียม เรดาร์ และสถานีตรวจวัดอากาศ เพื่อช่วยให้ประชาชน หน่วยงานต่าง ๆ และธุรกิจสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม เป็นนักพยากรณ์อากาศ หรือ อุตุนิยมวิทยา ต้องทำอะไรบ้าง? โดยทั่วไปเจ้าหน้าที่ฝ่ายอุตุนิยมวิทยา ต้องทำงานร่วมกับหลาย ๆ ฝ่าย เช่น นักภูมิศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์ เป็นต้น เพื่อการประเมินสภาพอากาศที่แม่นยำมากขึ้น จากความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและรอบด้านครบมิติของภูมิศาสตร์ โดยหน้าที่หลักๆเฉพาะของฝ่ายอุตุนิยมวิทยาต้องทำมีดังนี้ รวบรวมข้อมูลอุตุนิยมวิทยา เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ ที่ได้จากตรวจด้วยเครื่องมือตรวจอากาศชนิดต่าง ๆ เช่น ดาวเทียม เรดาห์ หรือ เครื่องตรวจอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น และเขียนออกมาเป็นแผนที่อากาศ ตรวจสอบ ศึกษา วิเคราะห์ และประมวลผลทางข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยา เพื่อติดตามและพยากรณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทั้งในระยะสั้น ระยะปานกลาง และ ระยะยาว เพื่อประโยชน์ในการขนส่ง การเกษตร การอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว ออกคำเตือนและพยากรณ์ลักษณะอากาศร้ายอันเนื่องมาจากธรรมชาติ เพื่อความปลอยภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ศึกษาค้นคว้า และวิจัยด้านอุตุนิยมวิทยา ภูมิฟิสิกส์ แผ่นดินไหว รังสีโอโซนและมลภาวะ ติดตามความก้าวหน้า พัฒนาเทคนิค และรูปแบบใหม่ ๆ ในการพยากรณ์อากาศ ให้คำปรึกษา แนะนำ เป็นวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยา และข้อมูลสถิติอื่น ๆ เครื่องมือที่นักพยากรณ์อากาศใช้ในการวัดค่าเพื่อประเมินสภาพอากาศได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเครื่องมือที่นักพยากรณ์ใช้วัดผลโดยหลักๆมีดังนี้ เทอร์โมมิเตอร์ (Thermometer): เครื่องมือใช้วัดอุณหภูมิสภาพอากาศโดยตรง มีหน่วยวัดที่ใช้กันทั่วไป คือ เซลเซียส(C) ฟาเรนไฮต์(F) และ เคลวิน(K ไฮโกรมิเตอร์ (Hygrometer): เครื่องมือที่ใช้วัดปริมาณของไอน้ำที่อยู่ในอากาศ สามารถวัดความชื้นสัมพัทธ์ในช่วง 0 ถึง 100% RH แต่เครื่องมือวัดส่วนใหญ่ช่วงการวัดจะขึ้นกับชนิดของเซ็นเซอร์ ความชื้นสัมพัทธ์จะแสดงเป็นอัตราส่วนของปริมาณของไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศหรือก๊าซปริมาณที่ถึงจุดอิ่มตัว 100% เครื่องวัดปริมาณน้ำฝน (Rain gauge): เครื่องมือวัดที่ถูกใช้โดยนักอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาเพื่อวัดปริมาณน้ำฝน มักจะมีหน่วยเป็นมิลลิเมตรหรือนิ้ว เครื่องวัดปริมาณน้ำฝนเป็นเครื่องมืออุตุนิยมวิทยสำหรับวัดความลึก ของน้ำฝนในพื้นที่หนึ่งตารางเมตร การวัดน้ำฝน1 มิลลิเมตร จะเทียบเท่าปริมาณน้ำฝน 1 ลิตรต่อตารางเมตร อุปกรณ์วัดทิศทางลม (Wind vane): เครื่องมือที่ใช้วัดและระบุความเร็วหรือความเร็วของลม เป็นเครื่องมือสำคัญในด้านอุตุนิยมวิทยา ภูมิอากาศวิทยา การตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ความเร็วลมมีบทบาทสำคัญ เครื่องวัดลมมักใช้ในสถานีตรวจอากาศ สนามบิน เรือเดินทะเล สถานวิจัย และการใช้พลังงานหมุนเวียน เครื่องวัดความเร็วลม (Anemometer): เครื่องมือที่ใช้ในการวัดความเร็วของลมหรือความเร็วของก๊าซเช่นการไหลของอากาศในท่อหรือในการไหลที่ไม่มีทิศทางเช่นลมในบรรยากาศ เครื่องมือวัดนี้ใช้ในการวัดความเร็วของลมและการไหลของลม CFM CMM และ CMS เรดาร์ตรวจอากาศ: เครื่องมือชนิดหนึ่งใช้สำหรับตรวจวัดฝน ฝนฟ้าคะนอง หิมะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถตรวจ และแสดงตำแหน่งศูนย์กลางของพายุหมุนเขตร้อนได้อีกด้วย บอลลูนตรวจอากาศ: อุปกรณ์ทางอุตมวิทยา ใช้ในการตรวจอากาศชั้นบน มีลักษณะเป็นบอลลูนสีขาวหรือแดง บรรจุแก๊สไฮโดรเจนหรือฮีเลียม โดยมีกล่องเครื่องมือซึ่งเป็นเครื่องส่งวิทยุส่งติดตามไปขึ้นไปด้วย โดยจะส่งสัญญาณคลื่นวิทยุรายงานสารประกอบต่างๆ ลงมายังสถานีภาคพื้นดิ ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา (Meteorological satellites): อุปกรณ์ถ่ายภาพบรรยากาศโลกจากมุมสูงระยะทางไกล ทำให้มองเห็นภาพรวมของสภาพอากาศซึ่งปกคลุมเหนือพื้นผิว ตลอดจนทิศทางการเปลี่ยนแปลง ทำให้สามารถช่วยเตือนภัยและพยากรณ์สภาพอากาศล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี ได้แก่ ดาวเทียม NOAA GMS และ GOES เป็นต้น จะเป็นนักพยากรณ์อากาศ ต้องเรียนอะไรบ้าง? สาขาวิชาที่นำไปสู่การเป็นนักพยากรณ์อากาศ จะต้องเรียนจบมัธยมสายวิทย์-คณิตศาสตร์ เพื่อมาต่อปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ โดยมีสาขาที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ สาขาวิชาอุตุนิยมวิทยา คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ สาขาคณิตศาสตร์ สถิติ สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ ธรณีฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ภูมิศาสตร์ เงินเดือน ของอาชีพนักพยากรณ์อากาศ อัปเดตล่าสุด โดยทั่วไป เงินเดือนของนักพยากรณ์อากาศจะเริ่มต้นที่ 15,000 บาท เป็นต้นไป ตามความสามารถ และทักษะประสบการณ์ ความสำคัญของนักพยากรณ์อากาศก็ไม่น้อยเลย เพราะการที่เราสามารถรู้สภาพอากาศได้ล่วงหน้า ช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้สะดวกสบายขึ้น และลดการเกิดอุบัติเหตุหรือความติดขัดทางจราจรได้ และหากสนใจบทความให้ความรู้ที่น่าสนใจ หรือบทความอื่น ๆ ก็สามารถติดตามได้ที่ Career Portal ได้เลย อ้างอิง 1.Mycareer-th 2.Hydro-1 3.Tools.in.th 4.Ponpe.com 5.Comcube.co.th 6.neonics.co.th 7.Tmd-dev 8.Thaipbs 9.Cartrack 10.Ednet 11.Personnel

    อาชีพนอกกระแส
    นักพยากรณ์อากาศ
    อาชีพ
    Feb 7, 2025
    2 min
    Thumbnail for Careerist EP 15: ครีเอทีฟ หนึ่งในนักคิดสุดสร้างสรรค์ที่สื่อออกมาเป็นผลงาน คืออาชีพอะไร ทำไมทุกวงการต้องมี
    Jobs & Industries

    Careerist EP 15: ครีเอทีฟ หนึ่งในนักคิดสุดสร้างสรรค์ที่สื่อออกมาเป็นผลงาน คืออาชีพอะไร ทำไมทุกวงการต้องมี

    ครีเอทีฟ (Creative) คือตำแหน่งงานที่เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของหลาย ๆ องค์กร ไม่ว่าจะเป็นเอเจนซี่ บริษัทโฆษณา หรือแม้กระทั่งบริษัททั่วไปที่ต้องการสร้างความแตกต่างและน่าจดจำให้กับแบรนด์ของตนเอง ครีเอทีฟคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความคิดสร้างสรรค์ที่นำไปสู่ผลงานที่น่าสนใจและโดนใจกลุ่มเป้าหมาย ครีเอทีฟ คืออะไร? ครีเอทีฟคือผู้ที่มีความสามารถในการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหรือองค์กร โดยผลงานนั้นอาจอยู่ในรูปแบบของไอเดีย ข้อความ ภาพ เสียง หรือวิดีโอ ครีเอทีฟต้องทำอะไรบ้าง? หน้าที่ของครีเอทีฟมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและประเภทขององค์กร โดยทั่วไปแล้ว ครีเอทีฟต้องทำหน้าที่: คิดค้นไอเดียและพัฒนาแนวคิดสร้างสรรค์ วางแผนและออกแบบผลงาน ประสานงานกับทีมงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กราฟิกดีไซเนอร์ ผู้กำกับ หรือผู้ผลิต นำเสนอผลงานต่อลูกค้าหรือผู้บริหาร ปรับปรุงและพัฒนาผลงานตามความเหมาะสม ครีเอทีฟต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง? ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity): สามารถนำเสนอไอเดียที่แตกต่างและน่าสนใจ ความสามารถในการเล่าเรื่อง (Storytelling): สามารถถ่ายทอดไอเดียออกมาให้เข้าใจง่ายและน่าสนใจ ความสามารถในการวิเคราะห์ (Analytical skills): ตีโจทย์และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ความสามารถด้านการสื่อสาร (Effective Communication): ทำงานร่วมกับทีมได้ดี และนำเสนอไอเดียให้ชัดเจน ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability): สามารถปรับเปลี่ยนไอเดียตามข้อจำกัดของโปรเจกต์หรือความคิดเห็นจากลูกค้า นอกจากนี้ ครีเอทีฟยังต้องเป็นคนที่ชอบเสพสื่อหลากหลายรูปแบบ เพื่อนำมาเป็นแรงบันดาลใจและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง ครีเอทีฟเงินเดือนเยอะไหม? อัตราเงินเดือนของครีเอทีฟขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประสบการณ์ ความสามารถ และขนาดขององค์กร โดยทั่วไปแล้ว ครีเอทีฟที่มีประสบการณ์และมีความสามารถสูงมักจะได้รับเงินเดือนที่สูง ระดับเริ่มต้น: 20,000 - 30,000 บาทต่อเดือน ระดับกลาง: 40,000 - 70,000 บาทต่อเดือน ระดับสูง (Creative Director): 80,000 - 150,000 บาทขึ้นไป ครีเอทีฟไม่ได้มีแค่ตำแหน่งเดียว หลายคนอาจคิดว่าครีเอทีฟมีหน้าที่เพียงแค่คิดไอเดีย แต่จริง ๆ แล้ว ครีเอทีฟยังต้องเข้าใจเรื่อง Guideline ของแบรนด์ วางแผน Copywriting และออกแบบองค์ประกอบภาพ เช่น Thumbnail หรือโครงสร้างคอนเทนต์ เพื่อให้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ครีเอทีฟยังแบ่งออกเป็นหลายสายงาน เช่น Art Director, Copywriter, Content Creator และอื่น ๆ ครีเอทีฟ vs ครีเอเตอร์ ต่างกันยังไง? ครีเอทีฟ (Creative): เน้นการคิดและพัฒนาไอเดีย สร้างคอนเซปต์งานเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของแบรนด์หรือแคมเปญ ครีเอเตอร์ (Creator): เน้นการผลิตคอนเทนต์จริง เช่น ถ่ายวิดีโอ ตัดต่อ หรือออกแบบโพสต์ให้ตรงกับแนวคิดที่ครีเอทีฟวางไว้ หรือสรุปง่าย ๆ คือ ครีเอทีฟเป็นผู้กำหนดแนวทาง ส่วนครีเอเตอร์เป็นผู้ลงมือทำให้งานออกมาเป็นผลงาน หากใครที่กำลังมองหางานสายครีเอทีฟ ไม่ว่าจะเป็นเอเจนซี่หรือ In-House ก็สามารถหางานได้ที่ Job Portal

    ครีเอทีฟ
    creative
    creativejob
    Jan 30, 2025
    1 min
    Thumbnail for Careerist EP 14: อยากเป็นนักแปลภาษา ต้องทำยังไงบ้าง เรียนอะไร ได้เงินเดือนเท่าไหร่
    Jobs & Industries

    Careerist EP 14: อยากเป็นนักแปลภาษา ต้องทำยังไงบ้าง เรียนอะไร ได้เงินเดือนเท่าไหร่

    เคยสงสัยไหมว่าเวลาที่เราอ่านหนังสือภาษาไทย ไม่ว่าจะเป็นนิยาย หนังสือวิชาการ หรือคู่มือการใช้งานต่าง ๆ หลายเล่มอาจจะมีต้นฉบับที่เขียนเป็นภาษาอื่น เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน หรือภาษาอื่น ๆ แล้วใครกันที่ช่วยให้หนังสือหรือสื่อเหล่านี้เข้าถึงคนไทย? คำตอบก็คือ “นักแปลภาษา” นั่นเอง นักแปลภาษาเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับความรู้และเรื่องราวจากทั่วโลกได้ แม้ว่าเราจะพูดหรืออ่านภาษานั้น ๆ ไม่ได้เลยก็ตาม การแปลภาษาไม่ได้เป็นเพียงแค่การแปลงคำจากภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่งเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยทักษะ ความเข้าใจในวัฒนธรรม และความสามารถในการถ่ายทอดเนื้อหาอย่างลื่นไหลอีกด้วย ซึ่งไม่ง่ายเลย ในวันนี้ Jobcadu จะพาทุกคนมารู้จักกับอาชีพนักแปลภาษา ว่าต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะก้าวเข้าสู่วงการนี้ ต้องเรียนอะไร และที่สำคัญ อาชีพนี้สามารถสร้างรายได้ให้เราได้เท่าไหร่ เส้นทางอาชีพของนักแปลภาษา นักแปลคืออะไร นักแปลภาษาเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยทักษะทางภาษาขั้นสูงในการทำงาน โดยบทบาทของนักแปลจะแตกต่างจากล่ามอย่างชัดเจนในแง่ของรูปแบบการทำงานและทักษะที่ใช้ นักแปลภาษา คือผู้ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดข้อความหรือเนื้อหาจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่งผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือ เอกสาร หรือแม้กระทั่งการแปลซับไตเติ้ลในภาพยนตร์และซีรีส์ ขณะที่ ล่าม เป็นผู้ที่แปลภาษาผ่านการพูด เพื่อช่วยให้การสื่อสารระหว่างบุคคลที่พูดคนละภาษา นักแปลภาษาต้องเรียนอะไรมา ต้องจบนอกไหม การเป็นนักแปลภาษานั้นไม่จำเป็นต้องเรียนจบจากต่างประเทศเสมอไป แต่การมีพื้นฐานความรู้ด้านภาษาศาสตร์หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น อักษรศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วรรณกรรม การแปลหรือล่าม จะช่วยให้เข้าใจโครงสร้างและบริบทของภาษาได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การเรียนรู้ภาษาที่สาม เช่น ภาษาจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส หรือสเปน จะเพิ่มโอกาสในการทำงานในตลาดที่มีการแข่งขันสูง หรือหากสนใจเรียนต่อต่างประเทศที่เป็นเจ้าของภาษาที่เราสนใจ เพื่อเปิดประสบการณ์ รับวัฒนธรรมใหม่ๆ หรือเพิ่มฐานเงินเดือนในการทำงานในอนาคตก็สามารถเข้าไปดูคอร์สเรียนภาษาเพิ่มเติมได้ที่ Education Portal ทักษะที่จำเป็นในการเป็นนักแปลภาษา Hard Skills ความเชี่ยวชาญด้านภาษา (Language Proficiency): ต้องมีความรู้ลึกซึ้งในภาษาแหล่งที่มา (Source Language) และภาษาปลายทาง (Target Language) รวมถึงความสามารถในการแปลคำศัพท์เฉพาะทาง เช่น กฎหมาย แพทยศาสตร์ หรือเทคโนโลยี และด้านอื่น ๆ หากในเรื่องที่ยากมาก ๆ ก็มีโอกาสที่จะได้เงินเดือนสูงขึ้น การใช้ซอฟต์แวร์ช่วยแปล (CAT Tools): เช่น Trados Studio, MemoQ, Wordfast หรือ Google Translate Toolkit ความสามารถในการเขียน (Writing Skills): ทักษะการเขียนที่ดีจะช่วยให้เนื้อหาแปลดูเป็นธรรมชาติและน่าอ่าน Soft Skills ความละเอียดรอบคอบ (Attention to Detail): การตรวจสอบงานแปลให้ถูกต้องตามต้นฉบับ การบริหารเวลา (Time Management): เนื่องจากงานแปลมักมีการกำหนดเวลาอย่างเคร่งครัด การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking): เพื่อแปลความหมายที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย และยังคงความหมายเดิม มีความยืดหยุ่น (Flexibility): นักแปลต้องสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น คำศัพท์ที่หาความหมายไม่ได้ในพจนานุกรม หรือการจัดการกับคำแปลที่ไม่ตรงบริบท นักแปลภาษาได้เงินเดือนเท่าไหร่ อาจจะเทียบจากอาชีพต่าง ๆ เช่น นักแปลหนังสือ นักแปลล่าม นักแปลใด ๆ รายได้ของนักแปลภาษาขึ้นอยู่กับประเภทของงานและประสบการณ์ เช่น นักแปลหนังสือ: รายได้อาจเริ่มต้นที่ 300–500 บาทต่อหน้า หรืออาจได้รับค่าตอบแทนแบบเหมาเป็นเล่ม โดยเล่มหนึ่งอาจมีค่าจ้างตั้งแต่ 10,000–50,000 บาทขึ้นไป นักแปลเอกสารทางธุรกิจ: ค่าจ้างเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 500–1,000 บาทต่อหน้า นักแปลซับไตเติ้ล: ค่าจ้างมักอยู่ที่ประมาณ 30–50 บาทต่อนาทีของเนื้อหา ล่ามแปลภาษา (Interpreter): รายได้ของล่ามมีแนวโน้มสูงกว่านักแปลเอกสาร โดยเฉพาะล่ามในงานประชุมระดับนานาชาติ ซึ่งอาจได้รับค่าจ้างตั้งแต่ 5,000–20,000 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับภาษาและความเชี่ยวชาญ นักแปลภาษาไม่ได้มีแค่ภาษาอังกฤษนะ มีภาษาอื่น ๆ อีกมากมาย แม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ตลาดนักแปลยังต้องการผู้เชี่ยวชาญในภาษาอื่น ๆ เช่น ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน เป็นนักแปลภาษา จะหางานแปลภาษาได้ที่ไหนบ้าง อาชีพนักแปลภาษาเหมาะสำหรับคนที่รักในภาษาและวัฒนธรรม ชอบการถ่ายทอดเรื่องราว และมีความละเอียดอ่อนในงานเขียน แม้จะต้องใช้ความพยายามในการพัฒนาทักษะและประสบการณ์ แต่อาชีพนี้สามารถมอบทั้งความท้าทาย ความหลากหลาย และรายได้ที่น่าพอใจ สำหรับใครที่สนใจอยากเป็นนักเเปลภาษา สามารถเข้าไปหางานได้ที่ Job Portal

    translator
    นักเเปลภาษา
    Language Proficiency
    Jan 23, 2025
    1 min