Logo
  • โปรไฟล์มืออาชีพ
  • งาน
  • อาชีพ
    เส้นทางอาชีพ
    การเติบโต
    การศึกษา
    แรงบันดาลใจ
    บุคลิกภาพ
    งานและอุตสาหกรรม
    การค้นหางาน
    ประวัติ & ผลงาน
    เงินเดือน
    ความเป็นอยู่ที่ดี
  • การศึกษา
    หลักสูตร
    โปรแกรม
  • เครื่องมือสร้างเรซูเม่
  • สำหรับผู้ใช้งานองค์กร



  • Jobcadu Logo

    แพลตฟอร์มอาชีพที่ดีที่สุดสำหรับการหางาน, การสรรหาบุคลากร, ค้นหาอาชีพ และค้นพบแหล่งการศึกษา

    10,000+

    หน้าหางาน

    งานตามหมวดหมู่

    การบริหารและสำนักงาน

    การตลาด

    บริการลูกค้า

    เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)

    บัญชีและการเงิน

    ทรัพยากรบุคคลและการจัดการคน

    การผลิตและห่วงโซ่อุปทาน

    วิศวกรรม

    สำหรับผู้หางาน

    หน้าหางาน

    เครื่องมือสร้างเรซูเม่

    ทรัพยากรด้านการศึกษา

    ทรัพยากรเรซูเม่

    สำหรับผู้ใช้งานองค์กร

    ประกาศงาน

    ราคา

    แหล่งข้อมูล

    เกี่ยวกับเรา

    ข้อกำหนดการใช้งาน

    นโยบายความเป็นส่วนตัว


    © 2025 Jobcadu. สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

    กร PROXIE จากความฝันวัยเด็กสู่ความสำเร็จบนเวทีศิลปิน | คำนี้ดี

    Inspiration
    1. Home

    2. Careers

    3. กร PROXIE จากความฝันวัยเด็กสู่ความสำเร็จบนเวทีศิลปิน | คำนี้ดี

    กร PROXIE จากความฝันวัยเด็กสู่ความสำเร็จบนเวทีศิลปิน | คำนี้ดี

    Posted January 3, 2024

    Career Path

    Be Inspired
    Motivation
    Success
    PROXIE
    Gorn Proxie
    วิดีโอแนะแนวอาชีพ

    กร PROXIE จากความฝันวัยเด็กสู่ความสำเร็จบนเวทีศิลปิน | คำนี้ดี

    ดูวิดีโอเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอาชีพนี้

    Career Path Description

    "กร PROXIE" หนึ่งในสมาชิกบอยเเบนด์วง Proxie ที่มีกระเเสในตอนนี้

    เขาจะมาบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองก่อนจะมาเป็น กร Proxie ในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตในวัยเด็ก ความฝัน รวมถึงทัศนคติต่างๆที่เป็นเเบบอย่างที่ดีให้กับเด็กรุ่นใหม่


    Highlight : อดีตของเราไม่มีอะไรให้เสียดาย


    กรณ์แบ่งปันว่าทุกคนเคยทำผิดพลาด เพราะความผิดพลาดเหล่านั้นเป็นบทเรียนสำคัญในการดำเนินชีวิตต่อไป มากกว่าการมานึกย้อนเสียดาย


    โดยกรได้แนะนำประวัติของตัวเขาจากประสบการณ์ในรูปแบบที่เรียกว่า "Acronym Interview" ซึ่งเริ่มจากชื่อเล่นของกอร์น


    G: Gorn 

    กรเล่าเรื่องชีวิตก่อนจะมาเป็นไอดอล เขาบอกว่าเป็นเพียงวัยรุ่นธรรมดา ๆ คนนึง สนิทกับครอบครัว กรไม่ใช่นักเรียนที่ตั้งใจเรียน ชอบทำกิจกรรมมากกว่า เป็นเด็กหลังห้อง คุยเก่ง เป็นมิตร อยู่ด้วยแล้วเพื่อนสนิทด้วยง่าย


    O: Obsession

    ความหลงใหลล่าสุดของกอร์นคือ นาฬิกาข้อมือ โดยเฉพาะนาฬิกาผู้หญิง เขาชอบการออกแบบที่ดูนุ่มนวลและแฟชั่นแบบ Unisex ที่ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ใส่ได้หมด นาฬิกาและสร้อยข้อมือช่วยเพิ่มความเท่ให้กับลุคเรียบๆ


    R: Regret

    เมื่อพูดถึงเรื่องที่เคยเสียใจ กรบอกว่าเขาไม่มีเรื่องอะไรเสียใจ เพราะเขามองความผิดพลาดในอดีตเป็นบทเรียน เขาเชื่อใน "ทฤษฎีผีเสื้อ" ที่บอกว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆในอดีต อาจส่งผลใหญ่ในอนาคต ทำให้กรรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต


    N: Niva

    กรเรียนที่โรงเรียนนานาชาติ Niva ในกรุงเทพฯ ที่โรงเรียนเขาเป็นนักบาสเก็ตบอลและชอบร่วมกิจกรรมต่าง ๆ หนึ่งในความทรงจำที่ภูมิใจที่สุด คือ เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งได้ติดทีมชาติบาสเก็ตบอล อยากให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้การยอมรับความพ่ายแพ้ในชีวิต ทำให้เต็มที่ อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นแต่ให้พัฒนาตัวเอง


    ถัดมาคือชื่อย่อวง "PROXIE" และเรื่องราวของวงนี้ รวมถึงมุมมองของกอร์น


    P: PROXIE  

    ชื่อ PROXIE มาจากกรที่เสนอให้ใช้คำว่า "Proxy" ซึ่งเดิมเขียนว่า "P-R-O-X-Y" แต่พอมีสมาชิก 6 คน ก็ปรับเป็น "P-R-O-X-I-E" เพื่อให้สื่อถึงสมาชิก 6 คน คำว่า "Proxy" มาจากโลกเทคโนโลยีที่หมายถึงตัวกลาง ซึ่งสื่อถึงบทบาทของวงที่เป็นตัวกลางเชื่อมกับแฟน ๆ โดยแฟนด้อมของวงเรียกว่า "User"


    R: Ritual

    ก่อนขึ้นแสดง วงมีธรรมเนียมที่ช่วยสร้างพลังใจและลดความตื่นเต้นก่อนแสดง โดยตะโกนว่า "1, 2, 3 PROXIE!" โดยเริ่มจากสมาชิกพี่คนโตอย่าง คิม หรือ กัน


    O: Obstetrician

    Obstetrician คือ สูตินรีแพทย์ กอร์นมีความสนใจด้านนี้เพราะประสบการณ์ส่วนตัวตอนแม่เขาป่วยเป็นมะเร็ง กรรู้สึกชื่นชมแพทย์ที่ดูแลแม่ของเขาในเวลานั้น และเห็นความละเอียดอ่อนในการทำงานกับผู้หญิงและเด็ก


    X: X-ray (สแกนสมาชิกวง)

      - Victor เป็น "หนังสือ" สื่อถึงความรักในการเรียนรู้และความสนใจในเรื่องการถ่ายภาพ นาฬิกา และการออกแบบภายใน  

      - Onglee เป็น "รูปถ่ายครอบครัว" เพราะเขารักครอบครัวมากและเป็นเสาหลักของครอบครัว  

      - Chokun เป็น "ตุ๊กตาหมี" เพราะความอ่อนไหวและความเปราะบาง แม้ภายนอกจะดูน่ารักสดใส  

      - Kim เป็น "แท็บเล็ต" เพราะชอบเทคโนโลยีและดูหนังอยู่ตลอดเวลาที่มีเวลาว่าง

      - Gun เป็น "นาฬิกา" เพราะความตรงต่อเวลาและมีวินัยในชีวิตประจำวัน


    I: Idol

    กรได้แรงบันดาลใจจากคุณพ่อของเขา ที่สอนเรื่องการทำธุรกิจและการลงทุนตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาเป็นคนที่วิสัยทัศน์กว้างไกลและสนับสนุนเขาโดยไม่กดดัน


    E: English

    กรพูดภาษาอังกฤษเก่งเพราะเรียนในโรงเรียนนานาชาติ และฝึกใช้ภาษาในชีวิตประจำวันโดยการดูรายการทีวีภาษาอังกฤษ ฟังพอดแคสต์ ซึ่งทำให้การเรียนภาษาไม่น่าเบื่อ


    ─────────────────────────────────────────────────────────────────────


    Gorn is one of the members of the currently popular boy band "PROXIE"


    Highlight: “We have nothing to regret about our past. Everyone has made mistakes. Those mistakes are important lessons for life, rather than looking back and regretting them.”


    The show คำนี้ดี featuring Gorn from PROXIE, he shared his experiences and personal insights follows a new format called "acronym interview”


    Begins with the acronym of his nickname


    G: Gorn 

    Gorn shared about his life before becoming a public figure. He described himself as a typical teenager, close to his family. He wasn’t a particularly studious student, being more involved in activities and known for being a back row student, often disruptive but friendly with his peers.


    O: Obsession 

    Gorn's current obsession is watches, especially women's watches. He appreciates their softer, more delicate design. Gorn believes in unisex fashion and enjoys wearing accessories like bracelets and watches to enhance his simple outfits.


    R: Regret 

    Reflecting on regrets, Gorn mentioned he has no major regrets as he views past mistakes as valuable learning experiences. He subscribes to the concept of the "Butterfly Effect," believing that even small changes in the past could have a significant impact on future, and thus, he is grateful for where he is today.


    N: Niva 

    Gorn attended Niva International School in Bangkok, where he played basketball and participated in school events. One of his proudest memories is of a teammate who made it to Thailand's national basketball team. Gorn also discussed the importance of accepting losses, both in basketball and life, and advised younger people not to compare themselves to others, but instead to focus on self-improvement.


    Next is the acronym of his band "PROXIE" , how the band came together, and personal reflections from Gorn. 

    The Name PROXIE : Gorn, a band member, came up with the name "PROXIE." Originally, it was spelled "P-R-O-X-Y," but they adjusted the spelling to "P-R-O-X-I-E" to represent the six members. The word "Proxy" (from the tech world) symbolizes being a medium, which fits the band’s role in connecting with their fans. Their fandom is called "User."


    P: PROXIE

    The six members already knew each other from the show "The Brothers Thailand," and while they had different skills (e.g., singing, dancing), they blended well after training together for a year or two. One challenge was the age gap, as the youngest member is 18 and the oldest is 26.


    R: Ritual

    Before going on stage, they have a cheer-up ritual where they chant "1, 2, 3 PROXIE!" initiated by the older members like Kim or Gun. This helps them overcome nervousness before performances.


    O: Obstetrician

    An obstetrician is a type of doctor specializing in childbirth and women's health, often referred to in connection with OB-GYN (obstetrician-gynecologist). Gorn's interest in becoming an obstetrician stems from his personal experience when his mother was battling cancer. During this time, he admired the OB-GYN who cared for his mother, noting the sensitivity and care required to work with women and children.


    X: X-ray

    X-ray of Band Members

      - Victor: Symbolized by a "book," representing his passion for learning and obsession with topics like photography, watches, and interior design.

      - Onglee: Symbolized by a "family photo" as he's very family-oriented, being the head of his family.

      - Chokun: Symbolized by a "teddy bear" due to his sensitivity and vulnerability despite appearing positive and cute.

      - Kim: Symbolized by a "tablet" because of his love for gadgets and technology, often seen watching movies on it.

      - Gun: Symbolized by a "clock" for his punctuality and discipline, even in daily routines.


    I: Idol

    Gorn's biggest inspiration is his father, who taught him about business and investments from a young age, shaping his work ethic and life outlook. Gorn admires his father's ability to see the bigger picture and his supportiveness without applying pressure.


    E: English

    Gorn’s fluency in English was achieved by attending international school and immersing himself in the language through everyday use. Pairing language learning with interests, such as watching English shows and listening to podcasts, which makes the process more enjoyable.


    Related Skills & Areas
    Be Inspired
    Motivation
    Success
    PROXIE
    Gorn Proxie


    อาชีพที่เกี่ยวข้อง
    Thumbnail for ไขความลับการเรียนรู้แบบเจาะลึกสไตล์ Barbara Oakley: เคล็ดลับจากผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ ทอย DataRockie
    Inspiration

    ไขความลับการเรียนรู้แบบเจาะลึกสไตล์ Barbara Oakley: เคล็ดลับจากผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ ทอย DataRockie

    ในรายการ The Master ได้เชิญ คุณทอย เจ้าของเพจ DataRockie และผู้เชี่ยวชาญด้าน Data Analytics มาร่วมพูดคุยถึงแรงบันดาลใจและทักษะการเรียนรู้ที่สำคัญ โดยเฉพาะจากเรื่องราวของ บาบาร่า โอ๊คลี่ (Barbara Oakley) ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ มิชิแกน ซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์คอร์สชื่อดัง Learning How to Learn ที่มีผู้เรียนทั่วโลกกว่า 3 ล้านคน เรื่องราวชีวิตของบาบาร่า โอ๊คลี่ 1.ความล้มเหลวในวัยเด็ก บาบาร่าเคยเป็นคนที่ไม่ถนัดวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในช่วงประถมถึงมัธยมต้น เนื่องจากวิชาเหล่านี้มีลักษณะการเรียนแบบ Sequential ซึ่งต้องเข้าใจพื้นฐานก่อนจึงจะต่อยอดได้ ทำให้เธอรู้สึกว่า “ตัวเองไม่เหมาะกับการเรียนวิชานี้” 2.การค้นพบตัวเองในวัยผู้ใหญ่ แม้ชีวิตเริ่มต้นจากความสนใจด้านภาษาและวัฒนธรรม (เรียนภาษารัสเซียและทำงานเป็นนักแปลในกองทัพ) แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อเธอได้สัมผัสกับงานด้านวิศวกรรม เธอรู้สึกว่าถ้าเธอเข้าใจคณิตศาสตร์ได้ ชีวิตจะมีโอกาสและความหลากหลายมากขึ้น 3.ก้าวข้ามขีดจำกัด บาบาร่าตัดสินใจกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้งในวัย 26 ปี เพื่อศึกษาวิศวกรรมศาสตร์จนจบปริญญาเอก และปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ที่เชี่ยวชาญในสายงานที่เธอเคยล้มเหลวมาก่อน เคล็ดลับการเรียนรู้ของบาบาร่า โอ๊คลี่ บาบาร่าพัฒนาแนวคิด “เรียนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ” โดยมีหลักสำคัญที่ช่วยเพิ่มพลังการเรียนรู้ 1.เข้าใจระบบสมอง สมองคนเรามีโหมดการคิด 2 แบบ • Focused Mode: ใช้สมาธิอย่างหนักเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า • Diffuse Mode: ปล่อยให้สมองผ่อนคลายและทำงานในเบื้องหลัง หากคุณติดปัญหาการเรียน ให้พักสมองด้วยการทำกิจกรรมอื่น เช่น เดินเล่นหรือฟังเพลง ซึ่งช่วยให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.การออกจาก Comfort Zone การเรียนรู้เรื่องยากและการเผชิญสิ่งใหม่เป็นการพัฒนาตัวเองที่แท้จริง บาบาร่าเป็นตัวอย่างที่ดีในการพาตัวเองออกจากความคุ้นชิน เช่น การทำงานในสถานที่ห่างไกลอย่างแอนตาร์กติกา 3.เรียนรู้ผ่านการสอน บาบาร่าเน้นว่า “การสอนคือวิธีเรียนรู้ที่ดีที่สุด” การถ่ายทอดความรู้ให้คนอื่นเป็นการฝึกกระบวนการคิดและทำให้เข้าใจเนื้อหาลึกซึ้งยิ่งขึ้น บทเรียนจากคุณทอย คุณทอยเล่าว่าเขาได้แรงบันดาลใจจากบาบาร่ามากมาย และนำแนวคิดเหล่านี้มาปรับใช้ในชีวิตการทำงาน เช่น: • การพักผ่อนอย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (นอนเมื่อเหนื่อยและกินเมื่อหิว) • การตั้งคำถามสำคัญเวลาเรียน: เราเรียนรู้อย่างไร และจะถ่ายทอดต่ออย่างไร? • การหาโอกาสออกจาก Comfort Zone เช่น การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ในสายงาน ความสำเร็จของบาบาร่าและแรงบันดาลใจระดับโลก คอร์ส Learning How to Learn ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เรียนทั่วโลก แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การศึกษาเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เรื่องราวของบาบาร่า โอลี่ เป็นเครื่องเตือนใจว่า “ความล้มเหลวในอดีตไม่ใช่อุปสรรค หากเราเปิดใจเรียนรู้และกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง”

    Be Inspired
    Development
    Success
    Dec 19, 2024
    1 min
    Thumbnail for ชาร์คประพล ผ่านพ้นวิกฤตมาได้อย่างไร และกลายมาเป็นนักลงทุนพันล้าน? มาเรียนรู้กลยุทธ์การมองวิกฤตให้เป็นโอกาส
    Inspiration

    ชาร์คประพล ผ่านพ้นวิกฤตมาได้อย่างไร และกลายมาเป็นนักลงทุนพันล้าน? มาเรียนรู้กลยุทธ์การมองวิกฤตให้เป็นโอกาส

    เปิดใจเศรษฐี Shark Tank: เบื้องหลังความสำเร็จและมุมมองเศรษฐกิจ ในวงการการลงทุนระดับประเทศ ชื่อของ ประพล พิรินจินดา ไม่ใช่ชื่อที่ใครจะมองข้ามได้ง่ายๆ ด้วยการทุ่มทุนกว่า 200 ล้านบาท ในโครงการ Shark Tank ทำให้เขากลายเป็นนักลงทุนที่ถูกจับตามองที่สุดในซีซันที่ผ่านมา แต่คำถามที่ทุกคนอยากรู้คือ “เขาทำได้อย่างไร?” และ “เราจะสร้างความมั่งคั่งเหมือนเขาได้หรือไม่?” ในบทสัมภาษณ์สุดพิเศษนี้ ประพลเผยถึงจุดเริ่มต้นจากวัยเด็กที่ไม่มีความฝันเป็นเศรษฐี แต่มีหัวใจรักการเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ๆ จนก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และกลายเป็นผู้นำด้านการเงินที่เชื่อมั่นในพลังของ Long-Term Mindset ความลับของเศรษฐีพันล้าน “ถ้าคุณมี 10 บาท คุณต้องกล้าลงทุนทั้ง 10 บาท ถ้าคุณมั่นใจว่ามันไม่แพ้” ประพลเผยถึงปรัชญาในการลงทุนที่ช่วยให้เขาเปลี่ยนเงินหลักล้านเป็นหลักพันล้าน ด้วยการเลือกลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืน (sustainable) ซึ่งแม้ในภาวะตลาดผันผวน เขาก็ยังคงมั่นใจว่า “เงินที่อยู่เฉยๆ เท่ากับเงินที่เสียโอกาส” ตลาดหุ้นไทย: ศูนย์กลางที่น่าจับตามอง ในมุมมองของประพล ตลาดหลักทรัพย์ในไทยยังคงมีศักยภาพสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน แม้จะมีความท้าทายจากดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก แต่โครงสร้างของตลาดไทยยังคงแข็งแรง โดยเฉพาะในด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุนระดับสากล อย่างไรก็ตาม เขาเตือนนักลงทุนว่า “อย่าตามกระแสมากเกินไป” และย้ำถึงความสำคัญของวินัยในการลงทุน ว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน Money Mastery: หนังสือแห่งความมั่งคั่ง เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์กว่า 5 ปีในการลงทุน ประพลได้เขียนหนังสือ Money Mastery ที่เขาเปรียบเสมือน “ยาสามัญประจำบ้าน” สำหรับทุกคนที่อยากมีอิสรภาพทางการเงิน พร้อมเคล็ดลับการสร้างรายได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว “หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ช่วยแค่ให้คุณรวยเงิน แต่ยังช่วยให้คุณมั่งคั่งในชีวิต ทั้งด้านสุขภาพ เวลา และความสุข” เขากล่าว นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต: ความเห็นที่ไม่ธรรมดา เมื่อถามถึงนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ประพลให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “การใส่เงินในระบบเปรียบเสมือนการปล่อยน้ำเข้าสู่เขื่อนใหญ่ ถ้าจัดการให้ดี เงินนี้จะหมุนเวียนกลับมาเป็นประโยชน์ แต่ถ้าไม่ ก็เหมือนน้ำที่ไหลลงทะเล” ประสบการณ์ชีวิตและวิกฤติที่หนักที่สุด ประพลเคยประสบวิกฤติทางธุรกิจครั้งใหญ่เมื่อลงทุนในหุ้นกู้ของรัฐวิสาหกิจ (การบินไทย) ด้วยความเชื่อมั่นในเครดิตและความปลอดภัย แต่ผลกลับไม่เป็นไปตามคาด เงินทุนกว่า 400 ล้านบาทสูญหาย ธุรกิจจึงอยู่ในภาวะล้มละลายและถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้แก้ปัญหาภายใน 7 วัน ด้วยความร่วมมือของครอบครัว เพื่อน และพันธมิตร ทำให้สามารถระดมทุนได้และกอบกู้ธุรกิจกลับมาได้สำเร็จ บทเรียนสำคัญจากการลงทุน วินัยและการบริหารการเงิน: ธุรกิจ SME หรือ Startup ต้องมีวินัยในเรื่องการจัดการรายได้และการเสียภาษี อย่าหลงระเริงใช้จ่ายเกินตัว หรือกระจายการลงทุนเร็วเกินไปจนสูญเสียโฟกัส การบริหารภาษี: แนะนำให้บริหารภาษีอย่างถูกต้อง ไม่หลบเลี่ยง เพราะการทำบัญชีให้โปร่งใสจะช่วยเพิ่มมูลค่าของธุรกิจในระยะยาวและเปิดโอกาสให้สามารถดึงดูดนักลงทุนได้ง่ายขึ้น ความยั่งยืนในธุรกิจ: อย่ารีบขยายหรือแตกไลน์ธุรกิจจนกว่าธุรกิจหลักจะแข็งแรงเพียงพอ มุมมองการลงทุนใน Startup • เวลาประเมินธุรกิจใหม่ ๆ จะดูปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความเติบโต ศักยภาพเทคโนโลยี เทรนด์อนาคต และความยั่งยืน • พิจารณาทั้งตัวธุรกิจและทีมผู้ก่อตั้ง เช่น บุคลิก ความกระตือรือร้น และความตั้งใจ • บางครั้งอาจใช้กลยุทธ์การ “จิตวิทยา” ในการต่อรองราคา เพื่อสร้างโอกาสให้ตนเองได้ดีลที่ดีที่สุด ข้อเสนอแนะและแรงบันดาลใจสำหรับ SME ไทย • ควรเลิกมองตนเองเป็น SME แต่ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้นเหมือน Startup ที่ไร้ขีดจำกัด • ประเทศไทยมีศักยภาพสูงทั้งในด้านเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และคนรุ่นใหม่ พร้อมเข้าสู่เวทีโลกอย่าง Globalization • การใช้เทคโนโลยี เช่น AI และข้อมูลจำนวนมาก สามารถช่วยให้ธุรกิจเติบโตและแข่งขันได้อย่างรวดเร็ว บทสัมภาษณ์ของชาร์กประพลในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่บทสัมภาษณ์ แต่เป็นการเปิดประตูสู่ความคิดของนักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของไทย สำหรับใครที่ฝันอยากจะมีอิสรภาพทางการเงิน การเริ่มต้นที่ “ล้านแรก” อาจยากที่สุด แต่ประพลยืนยันว่า เมื่อคุณมีวินัย รู้จักเรียนรู้ และมีความกล้า คุณจะสามารถสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนได้อย่างแน่นอน _____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ In Thailand’s investment world, the name Prapol Pirinjinda is hard to overlook. With an investment of over 200 million baht in Shark Tank, he has become one of the most talked-about investors in recent seasons. But the big questions are: “How did he do it?” and “Can we achieve wealth like him?” In this exclusive interview, Prapol shares his journey from a childhood without dreams of becoming rich to his love for learning and trying new things. This eventually led him into the stock market and made him a financial leader with a strong belief in the power of a long-term mindset. The Secrets of a Billionaire “If you have 10 baht, you must be willing to invest all 10 if you’re confident it won’t fail,” Prapol shares his philosophy. He turned millions into billions by investing in sustainable businesses. Even in uncertain market conditions, he believes, “Money left idle is money losing opportunities.” Thailand’s Stock Market: A Hub to Watch According to Prapol, the Thai stock market remains one of the strongest in Southeast Asia, despite challenges like U.S. interest rates and global economic trends. He emphasizes the importance of discipline in investing, warning against blindly following trends, and sees this as a cornerstone of sustainable wealth. Money Mastery: A Guide to Financial Freedom To share his five-plus years of investment experience, Prapol wrote Money Mastery, which he calls a “household necessity” for anyone seeking financial independence. The book offers tips for building both short-term and long-term wealth. “This book isn’t just about money; it’s about wealth in all aspects of life—health, time, and happiness,” he says. Digital Wallet Policy: A Unique Perspective When asked about the government’s digital wallet initiative, Prapol compares it to “pouring water into a large dam.” If well-managed, it can bring benefits to the economy. If not, it risks becoming wasted potential. Lessons from Life’s Biggest Challenges Prapol once faced a major business crisis after investing 400 million baht in state enterprise bonds (Thai Airways) due to overconfidence in their credit rating. When things didn’t go as planned, his business was on the brink of bankruptcy. He had just seven days to recover, as ordered by regulators. With the help of family, friends, and partners, he managed to raise funds and revive his business successfully. Key Lessons in Investment 1. Discipline and Money Management: SMEs and startups must manage income and taxes responsibly. Avoid overspending or diversifying investments too quickly. 2. Tax Management: Keep transparent accounts and pay taxes properly. This can increase the long-term value of your business and attract investors. 3. Business Sustainability: Strengthen your core business before expanding or diversifying. Insights into Investing in Startups • Evaluate factors like growth potential, technology, future trends, and sustainability. • Assess both the business and the founding team’s passion and commitment. • Use negotiation tactics, sometimes psychological, to secure the best deals. Advice and Inspiration for Thai SMEs • Stop seeing yourself as just an SME—think big, like startups without limits. • Thailand has high potential in technology, infrastructure, and young talent to compete globally. • Utilize technology like AI and big data to grow and thrive in the competitive landscape. This interview with Shark Prapol opens a window into the mind of one of Thailand’s most successful investors. For those dreaming of financial freedom, he reminds us that the hardest part is earning your first million. With discipline, learning, and courage, he assures that sustainable wealth is within reach.

    Key successes
    SMEs
    Be Inspired
    Dec 19, 2024
    4 min
    Thumbnail for คำสารภาพจากยูนิคอร์น: ท๊อป จิรายุส คมสันต์ ลี ตอนที่ 1 – ความประมาทที่เกือบทำให้ทุกอย่างพัง | The Secret Sauce
    Inspiration

    คำสารภาพจากยูนิคอร์น: ท๊อป จิรายุส คมสันต์ ลี ตอนที่ 1 – ความประมาทที่เกือบทำให้ทุกอย่างพัง | The Secret Sauce

    การเติบโตของธุรกิจในยุคดิจิทัล: บทเรียนจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ การเติบโตของธุรกิจในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ประกอบการรุ่นใหม่หลายรายที่สามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจยุคดิจิทัลได้มักมีการเรียนรู้จากความท้าทายที่ต้องเผชิญและการปรับตัวในสภาวะที่ไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้เราจะสรุปประสบการณ์จากการสัมภาษณ์ของสองผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่าง คุณคมสันต์ ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express และ คุณท๊อป จิรายุส ผู้ก่อตั้ง Bitkub ซึ่งทั้งสองได้แบ่งปันบทเรียนจากการเติบโตของธุรกิจในช่วงเวลาที่รวดเร็วและท้าทาย 1. ความท้าทายในการเติบโตของธุรกิจในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทั้ง Flash Express และ Bitkub ต่างก็เผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายระหว่างการขยายตัวของธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจต้องเติบโตในช่วงเวลาที่สั้นมาก เช่น ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกด้านทั้งด้านต้นทุนและการดำเนินงาน คุณคมสันต์ ลี กล่าวถึงความท้าทายที่ Flash Express ต้องเผชิญเมื่อการขนส่งและบริการโลจิสติกส์กลายเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงการระบาดของโควิด-19 การต้องรับมือกับ ต้นทุนที่สูงขึ้น เช่น ค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทต้องหากลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้า ในขณะที่คุณท๊อปได้พูดถึงวิกฤตที่ Bitkub ต้องเผชิญในช่วงที่ตลาดคริปโตได้รับความนิยมอย่างมากในไทย ซึ่งทำให้เกิดความท้าทายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำธุรกรรมที่มีความซับซ้อนและต้องรับมือกับการปรับตัวทางกฎหมาย และปัญหาทางการเงินต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาดคริปโต 2. การปรับตัวในช่วงวิกฤตและบทเรียนจากการเรียนรู้ ทั้งสองผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการปรับตัวอย่างรวดเร็วและการเรียนรู้จากความท้าทายที่เกิดขึ้น คุณคมสันต์เล่าว่า ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 เขาต้องตัดสินใจที่สำคัญหลายครั้ง เช่น การ ปิดคลังสินค้า เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ซึ่งแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ได้รับการสนับสนุนจากทีมงานและลูกค้า ทำให้ธุรกิจยังคงสามารถดำเนินไปได้ ในด้านของคุณท๊อป การที่ Bitkub ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากภาวะตลาดที่ผันผวนและความไม่แน่นอนของกฎหมายในบางประเทศ เป็นการทดสอบความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวขององค์กร เขายอมรับว่า ความล้มเหลวและการปรับแผนในช่วงเวลาที่วิกฤตเกิดขึ้น เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถเรียนรู้และฟื้นตัวจากความผิดพลาดได้ 3. การออกแบบองค์กรและความสำคัญของการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง ทั้งสองผู้ประกอบการได้พูดถึงความสำคัญของการ ออกแบบองค์กร (Organization Design) ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับการเติบโตของบริษัทได้ดี การออกแบบองค์กรไม่ใช่เพียงแค่การสร้างโครงสร้างของทีมงานหรือการแบ่งแยกหน้าที่ให้ชัดเจนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความยืดหยุ่นและส่งเสริมการทำงานร่วมกัน คุณคมสันต์เน้นย้ำถึงการสร้างทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายด้านเพื่อให้สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และมองเห็นปัญหาจากมุมมองที่หลากหลาย คุณท๊อปก็พูดถึงการบริหารทีมว่าในการขยายธุรกิจ ต้องเน้นการสร้างทีมที่มีความเข้าใจร่วมกันและสามารถทำงานได้ดีภายใต้ความกดดัน เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กับการปรับตัวต่อสถานการณ์ใหม่ ๆ 4. การกระจายอำนาจและการสร้างการตัดสินใจที่รวดเร็ว อีกหนึ่งบทเรียนที่ทั้งสองผู้ประกอบการกล่าวถึงคือการกระจายอำนาจภายในองค์กรในช่วงที่ธุรกิจเริ่มเติบโตขึ้น เมื่อบริษัทขยายตัว การตัดสินใจไม่ควรจำกัดอยู่แค่ผู้บริหารสูงสุด แต่ควรกระจายไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์กรเพื่อให้การตัดสินใจสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การสร้างโครงสร้างที่ decentralized ทำให้ทุกคนในองค์กรสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ทันที คุณคมสันต์เล่าถึงการที่ Flash Express ให้ความสำคัญกับการกระจายการตัดสินใจไปยังฝ่ายต่าง ๆ ภายในบริษัท โดยเฉพาะในการบริหารจัดการงานที่ต้องการการตัดสินใจเร็ว การกระจายอำนาจไม่เพียงแต่ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ทันท่วงที แต่ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน 5. การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการเติบโต การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ การที่ทีมงานทุกคนมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร จะช่วยให้พนักงานมีแรงจูงใจและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนให้พนักงานสามารถพัฒนาทักษะและมีความสุขในการทำงาน คุณท๊อปกล่าวว่าในช่วงที่ Bitkub เติบโตอย่างรวดเร็ว พวกเขามุ่งเน้นที่การสร้างทีมงานที่มีความเข้าใจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงาน เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างธุรกิจและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่สำคัญ 6. การพัฒนาเทคโนโลยีและการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การนำเทคโนโลยีใหม่ มาปรับใช้ในธุรกิจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณคมสันต์และคุณท๊อปต่างเห็นพ้องว่า การนำ Web 3.0, บล็อกเชน, และ AI (ปัญญาประดิษฐ์) มาใช้จะช่วยให้ธุรกิจมีความทันสมัยและสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็วขึ้น ในกรณีของ Bitkub, คุณท๊อปมองว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการกับการเงินในโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ขณะที่คุณคมสันกล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีที่มีความทันสมัยเพื่อช่วยให้ Flash Express สามารถจัดการกับข้อมูลการขนส่งได้แม่นยำและรวดเร็ว 7. การมองไปข้างหน้า: การสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ ทั้งคุณคมสันต์และคุณท๊อปเห็นว่า การเติบโตที่ยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าแค่การเติบโตในระยะสั้น โดยต้องมองไปข้างหน้าถึงการพัฒนาองค์กรในระยะยาว ทั้งในเรื่องของการ พัฒนาผลิตภัณฑ์, การปรับตัวทางเทคโนโลยี, และการสร้าง กลยุทธ์ที่รองรับการเติบโตในอนาคต _______________________________________________________________________________________________________________________________________________________ Business Growth in the Digital Era: Lessons from Successful Young Entrepreneurs Growing a business in today’s fast-changing world isn’t easy. Many young entrepreneurs who succeed in the digital age learn to adapt to challenges and uncertainties. This article highlights key lessons from two successful entrepreneurs: Khomsan Lee, founder of Flash Express, and Topp Jirayut, founder of Bitkub. They share their experiences of overcoming challenges and growing their businesses during fast-paced and difficult times. 1. Challenges in a Rapidly Changing Era Both Flash Express and Bitkub faced various challenges while expanding their businesses, especially during short and intense periods like the COVID-19 crisis. • Flash Express: Khomsan shared how logistics became essential during the pandemic. Rising costs, like fuel prices, forced the company to develop strategies to stay competitive without affecting customers. • Bitkub: Topp discussed how the rising popularity of cryptocurrency in Thailand brought challenges like complex transactions, adapting to legal changes, and managing financial risks from volatile markets. 2. Adapting During Crises and Key Lessons Quick adaptation and learning from challenges were crucial for both entrepreneurs. • Khomsan: During the pandemic, he made difficult decisions, like temporarily closing warehouses to prevent the spread of the virus. These actions, although tough, gained support from his team and customers, allowing the business to continue. • Topp: Bitkub faced uncertainty from fluctuating markets and legal changes. Topp emphasized learning from failures and adjusting plans as essential to recovering and moving forward. 3. Building a Flexible Organization and Strong Teams Both highlighted the importance of organizational design and team strength. • Khomsan: He emphasized creating teams with diverse skills to handle change and solve problems from multiple perspectives. • Topp: He focused on team management, ensuring everyone worked well under pressure and shared a common understanding, which helped the business grow and adapt to new situations. 4. Decentralizing Decision-Making As businesses grow, decision-making should not be centralized. • Flash Express: Khomsan explained that decentralizing decisions to different departments allowed faster responses to challenges and increased organizational flexibility. • Bitkub: Topp highlighted how empowering teams to make decisions helped Bitkub adapt quickly and stay competitive. 5. Creating a Positive Company Culture A strong company culture is essential for sustainable growth. • Khomsan: A positive culture motivates employees and creates an environment where they feel part of the organization, boosting efficiency and satisfaction. • Topp: During Bitkub’s rapid growth, building strong relationships within teams ensured everyone contributed to business decisions and felt valued. 6. Using Advanced Technology Adopting new technologies is critical in a fast-evolving world. • Khomsan: He highlighted using modern technologies to improve logistics, enabling accurate and fast delivery. • Topp: He saw blockchain as a tool for managing digital finance more securely and efficiently while incorporating Web 3.0 and AI to modernize their operations. 7. Focusing on Sustainable Growth Both emphasized that sustainable growth is more important than short-term gains. • Long-term strategies: Developing products, adapting to new technologies, and planning for future growth were identified as essential for lasting success. These lessons from Flash Express and Bitkub show that adaptability, teamwork, and a focus on sustainability are key to thriving in the digital era.

    Unicorn
    Bitkub
    Flash Express
    Dec 19, 2024
    4 min
    Thumbnail for "วิธีค้นหาความชอบที่แท้จริง" บทเรียนจากการท่องโลกของ ALAN BUS | We Mahidol (ALAN BUS "Discovering What You Love" by Exploring the World and Yourself)
    Inspiration

    "วิธีค้นหาความชอบที่แท้จริง" บทเรียนจากการท่องโลกของ ALAN BUS | We Mahidol (ALAN BUS "Discovering What You Love" by Exploring the World and Yourself)

    มาทำความรู้จักกับ“อลัน” กับหน้าที่ลีดเดอร์วง BUS (Because Of You I Shine) วง Boy band T-Pop ที่มาแรงมากในตอนนี้ Q: อลันคือใคร และมีความสามารถหรือทักษะอะไรบ้าง? A: อลันเป็นหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีทักษะโดดเด่นด้านภาษาและเทคโนโลยี สามารถพูดได้หลายภาษา ได้แก่ อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และไทย ปัจจุบันกำลังศึกษาในสาขา Creative Technology ที่มหาวิทยาลัย MUIC ซึ่งเลือกเพราะความสนใจในเทคโนโลยีและการออกแบบ ทักษะด้านภาษานี้ช่วยให้อลันปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมต่างๆ และเข้าถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง Q: ชีวิตของอลันในสิงคโปร์มีผลอย่างไร? A: อลันใช้ชีวิตในสิงคโปร์ประมาณ 3 ปี ในช่วงแรกรู้สึกคิดถึงบ้านและไม่กล้าคุยกับเพื่อนใหม่ แต่ก็พยายามปรับตัวโดยเริ่มต้นบทสนทนาด้วยคำถามเล็กๆ อย่างการถามถึงเมนูโปรด จากนั้นจึงค่อยๆ สร้างมิตรภาพที่แน่นแฟ้นกับเพื่อนๆ ประสบการณ์นี้ทำให้เติบโตในด้านการใช้ชีวิตและการเข้าสังคม โดยมองเพื่อนที่สิงคโปร์เป็น “ครอบครัวที่เขาเลือกเอง” Q: เพราะอะไรอลันถึงตัดสินใจหยุดเรียนเพื่อทำ Gap Year? A: อลันต้องการสำรวจความสนใจของตัวเอง เขาจึงหยุดเรียนเพื่อทำ Gap Year ช่วงนี้ได้ลองสอนเด็กที่อยากไปเรียนต่อสิงคโปร์ และติววิชาเลขกับภาษาอังกฤษซึ่งช่วยให้เข้าใจบทบาทของครู นอกจากนี้ยังได้ทำงานเบื้องหลังในกองถ่ายโฆษณาและ MV ซึ่งทำให้เขาค้นพบความสนใจในงานศิลปะการถ่ายภาพและวิดีโอมากขึ้น Q: มุมมองต่อการทำ Gap Year? A: อลันรู้สึกสบายใจกับการไม่ต้องเดินตามเส้นทางที่คนอื่นมักเดิน เขาเชื่อว่าเส้นทางของแต่ละคนแตกต่างกัน ช่วงพักนี้ทำให้มีโอกาสสำรวจโลกและตัวเองมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าสิ่งที่เลือกเรียนคือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ เป็นเวลาที่เขาได้เรียนรู้และรู้จักตัวเองอย่างเต็มที่ Q: อะไรทำให้อลันก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง? A: หลังจาก Gap Year อลันเริ่มต้นทำงานเบื้องหลังก่อนจะมีโอกาสได้เข้าร่วมการแคสซีรีส์และโครงการ “789 Survival” ที่ต้องเรียนรู้ทั้งการแสดง ร้องเพลง และเต้น แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์มาก่อน การเข้าวงการนี้ทำให้เขาได้พัฒนาทักษะใหม่ๆ และได้ทำงานร่วมกับทีมมืออาชีพซึ่งช่วยให้เขาปรับตัวและเรียนรู้ได้มากขึ้น Q: อลันมีบทบาทอย่างไรในฐานะ Leader ของกลุ่ม? A: ในการเป็น Leader อลันเน้นการนำพาทุกคนไปในทิศทางเดียวกันโดยใช้การสื่อสารและการสนับสนุนแทนการใช้อำนาจ ปรับวิธีสื่อสารให้เหมาะสมกับบุคลิกและความต้องการของแต่ละคน พร้อมเปิดใจคุยกับเพื่อนๆ เพื่อสร้างความเป็นทีม โดยมีเพื่อนๆ คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือเมื่อเผชิญความท้าทาย Q: วิธีรับมือกับคำวิจารณ์เชิงลบในโลกออนไลน์อย่างไร? A: อลันมองคำวิจารณ์เชิงลบเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเอง เชื่อว่าคำวิจารณ์เหล่านี้สามารถทำให้เขาเรียนรู้และปรับปรุงตัวได้ดีขึ้น จัดสรรเวลาเพื่อบริหารทั้งการเรียนและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกด้าน Q: ประสบการณ์ทั้งหมดนี้มีผลอย่างไรต่อการพัฒนาตัวเอง? A: จากการใช้ชีวิตในต่างประเทศ การทำงานเบื้องหลัง การเป็นศิลปิน และการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ทำให้อลันเติบโตและค้นพบเส้นทางที่ต้องการเดิน ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้เขามีความเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิตและมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองในทุกๆ ด้าน _______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ Talking with “Alan” and his role as the leader of the popular T-Pop boy band BUS (Because Of You I Shine) Q: Who is Alan, and what skills does he have? A: Alan is a young man with strong language and technology skills. He speaks English, Chinese, Japanese, and Thai. Currently, he’s studying Creative Technology at MUIC because of his interest in technology and design. His language abilities help him adapt to different environments and deeply understand diverse cultures. Q: How did Alan’s life in Singapore impact him? A: Alan lived in Singapore for about three years. At first, he felt homesick and shy around new friends, but he started adjusting by beginning conversations with small questions, like asking about favorite foods. Over time, he built close friendships, seeing his friends in Singapore as “the family he chose.” This experience helped him grow in life and social skills. Q: Why did Alan decide to take a gap year? A: Alan wanted to explore his interests, so he took a gap year. During this time, he taught students who wanted to study in Singapore and tutored math and English, which helped him understand the role of a teacher. He also worked behind the scenes in ads and music videos, which sparked his interest in photography and video art. Q: What’s Alan’s perspective on taking a gap year? A: Alan feels comfortable not following the usual path and believes that everyone has their own unique journey. The gap year gave him time to explore the world and himself, helping him be sure about what he really wants to study. It was a time for him to fully learn about and understand himself. Q: How did Alan enter the entertainment industry? A: After his gap year, Alan began working behind the scenes before getting a chance to join casting for a series and the “789 Survival” project, where he learned acting, singing, and dancing. Despite having no prior experience, working in this industry helped him develop new skills and work with a professional team, which taught him how to adapt and learn. Q: What is Alan’s role as the leader of the group? A: As the leader, Alan focuses on guiding everyone in the same direction through communication and support rather than authority. He adjusts his communication style to fit each member’s personality and needs, and he’s open to conversations with his teammates to build a strong team spirit. His friends provide encouragement and support whenever challenges arise. Q: How does Alan handle negative comments online? A: Alan views negative comments as motivation to improve. He believes these comments help him learn and become better. He manages his time to balance studying and working, aiming to achieve the best results in everything he does. Q: How have these experiences affected his personal growth? A: Living abroad, working behind the scenes, being an artist, and handling challenges have all helped Alan grow and find his path. These experiences made him a lifelong learner with a commitment to developing himself in every aspect.

    Career planning
    พัฒนาตัวเอง
    Development
    Nov 13, 2024
    3 min
    Thumbnail for เงินสด หุ้นและอสังหา : สรุปเวทีดีเบตงาน Bitkub Summit 2024
    Inspiration

    เงินสด หุ้นและอสังหา : สรุปเวทีดีเบตงาน Bitkub Summit 2024

    สรุปเนื้อหาสดจากเวทีดีเบตสุดเข้มข้นในงาน Bitkub Summit 2024 ภายใต้หัวข้อ "Cash vs Stock vs Real Estate Investments เปิดแผนที่ขุมทรัพย์การลงทุนแห่งอนาคต" เพื่อให้คนไทยได้รับชมความรู้ด้านสินทรัพย์ แง่มุมและตกผลึกด้วยตนเองจากประสบการณ์ของตัวจริงในการลงทุน โดยวันนี้ทางทีม Jobcadu ขอสรุปสาระสำคัญความเห็นต่าง ข้อเท็จจริงและจุดเหมือนของ Speaker แต่ละท่าน โดยขอละความมันส์ ความสนุก อารมณ์ก่อนและหลังเกมไว้ยูทูปช่องหลักของ Bitkub Exchange สรุปสาระสำคัญและหมัดเด็ดจากการดีเบต ดร.โสภณ - อสังหาริมทรัพย์ > ลูกจ้าง,การประกอบกิจการ > การเทรดหุ้นและคริปโต ดร.โสภณมองว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวเลือกที่สร้างความมั่นคงในระยะยาว มูลค่าทรัพย์สินมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถต่อยอดไปสู่การสร้างแบรนด์ส่วนตัวได้ การเริ่มต้นลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนสูง สามารถศึกษาที่ดิน ตลาดและโครงการ หรือเริ่มจากกองทุน REIT กับเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ก่อนได้ ดร.โสภณเตือนให้ "ค่อยๆ สะสมทุน" และ "ไม่ลงทุนแบบหวัง Easy Money" ซึ่งอาจเสี่ยงสูงและไม่ยั่งยืน การซื้อบ้านไม่ควรมองว่าเป็นหนี้สิน ควรมองว่าเป็นการลงทุนโดยการปล่อยเช่าให้ตัวเองได้ อีกทั้งยังสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการปล่อยเช่าโดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ แม้จะยังไม่ปิดกั้นโอกาสในการลงทุน Bitcoin แต่แนะนำให้พิจารณาการลงทุนที่สอดคล้องกับบุคลิกของตนเองมากกว่า คุณดิว - กระแสเงินสด > หุ้น > อสังหาริมทรัพย์ คุณดิวไม่ได้แนะนำที่สินทรัพย์ใดเป็นพิเศษ แต่เขาเน้นความสำคัญของการมีกระแสเงินสดที่ดี ซึ่งช่วยให้มีอิสระในการเลือกลงทุนโดยไม่กดดันเรื่องผลตอบแทนระยะสั้น เขาเชื่อว่าควรลงทุนในสินทรัพย์ที่คุณถนัด เขาเห็นด้วยว่าคนรวยไม่ถือเงินสด แต่เก็บไว้ใช้ช้อนโอกาส เขาเริ่มต้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยซื้ออพาร์ทเม้นท์ใกล้มหาวิทยาลัยและนำรายได้ไปต่อยอดการลงทุนในหุ้น ต่อมาจึงศึกษาและลงทุนในหุ้นปันผลที่สร้างกระแสเงินสด 5-7% โดยไม่ต้องรับมือกับปัญหาด้านการจัดการคน เน้นว่าการซื้อบ้านควรสอดคล้องกับความมั่นคงในชีวิตและไม่ควรรีบตัดสินใจถ้ายังไม่พร้อม เคยลงทุนในคริปโต แต่ปัจจุบันยังไม่มีความเห็นต่อ Bitcoin คุณ CK - ตราสารหนี้ > หุ้น, บิทคอยน์ > อสังหาฯ และเงินสด CK มองว่าตราสารหนี้ของสหรัฐฯ เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและให้ผลตอบแทนสูงที่ 4.75% และอาจพิจารณาการลงทุนในหนี้ธนาคารซึ่งดีกว่าการถือเงินสด เขาลงทุนในหุ้นตั้งแต่อายุ 14 ผ่าน Bull และ Bear market ตลาดหุ้นสหรัฐ ฯ มีการเติบโตสูง โดย S&P โต 500% และ NASDAQ โต 800% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่เตือนให้ศึกษาโมเดลธุรกิจและ P/E ratio ของหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม AI และกลุ่มนางฟ้า ซึ่งยังอยู่ในช่วงการเติบโตแบบ S-Curve และยังไม่สามารถสร้างรายได้จาก AI CK ชี้เห็นว่าอสังหาริมทรัพย์มีจุดอ่อนคือสภาพคล่องต่ำและกำลังเผชิญกับเทรนด์จากไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในเมืองมากขึ้น เขายกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ซึ่งมีบ้านร้างจำนวนมาก CK มองว่าบ้านเป็นหนี้สิน เพราะการผ่อนบ้านทำให้เราเสพติดเงินเดือนและอาจไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับโอกาสในการสร้างธุรกิจหรือทำตามความฝัน Bitcoin ไม่ใช่ผู้ร้าย ขณะที่เงินสดคือหนี้ของรัฐบาลและสะท้อนความน่าเชื่อถือและความสามารถในการใช้หนี้ของรัฐฯ ------------------------------------------ สรุปเงินสด หุ้น และอสังหาริมทรัพย์ ลงทุนอะไรดี (แบบไทม์ไลน์) ก่อนเริ่มช่วงดีเบต คุณ CK และคุณหนุ่ยกล่าวชมความกล้าของดร.โสภณที่ตอบรับคำเชิญ โดยเจ้าตัวกล่าวว่าต้องการนำเสนอมุมมองที่แตกต่างในงานที่คาดว่าคนกว่า 99% ค่อนข้างเอียงไปทางการลงทุนในหุ้นและคริปโตฯ ยกที่ 1 : ของดร.โสภณ - ดร.โสภณ มองว่าทำธุรกิจที่ตัวเองสนใจ น่าจะมีความสุขมากกว่าการนั่งมองกราฟ ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างการเทรดหุ้น หรือคริปโต - ดร.โสภณนำเสนอว่า การเป็นลูกจ้างก็สามารถมีความสุขได้เหมือนกัน หลายคนอยากมีอิสรภาพทางการเงิน การหวัง Easy money อาจทำให้เราใจร้อน และเผชิญกับความเสี่ยงและโอกาสที่จะล้มเหลวสูงขึ้น - เขาหยิบยกผลสำรวจมาอ้างอิงว่าคนเล่นบิทคอยน์ 70% มองว่าตัวเองล้มเหลวในตลาดลงทุน 20% เสมอตัว และ 10% สามารถเอาชนะตลาด - หลายคนยอมเสี่ยงเพราะมองว่าตัวเองไม่มีอะไรสูญเสีย อยากรู้สึกทันสมัย ยิ่งมีกูรูมาแนะนำ ยิ่งทำให้เราฮึกเหิมอยากลงทุน เขามองว่า "ค่อย ๆ สะสมทุน" และ "รอคอยโอกาส" อย่าไปลงทุนโฉ่งฉ่างอาจไม่ใช่สิ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จ - การลงทุนในอสังหา ฯ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี มีแต้มต่อและสร้างแบรนด์ดิ้งของตัวเองได้ - เขายังบอกอีกว่า การลงทุนในอสังหาฯ ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากทุนสูง สามารถเริ่มจากการศึกษา เรียนรู้ตลาดก่อน หรือเป็นนายหน้าอสังหา ฯ ธุรกิจรีโนเวท ทำอพาร์ทเม้นต์ หรือหากอยากลงทุน สามารถเลือกจากกองทุน REIT หรือโทเค่น ยกที่ 1 : ของคุณดิว "ผมลงทุนในสิ่งที่ตัวเองถนัด แต่ผมเป็นพ่อค้าที่คอยมองโอกาสตลอดเวลา" คุณดิวกล่าว - คุณดิวเคยเล่นคริปโต ฯ ยอมรับว่าหากเข้าถูกจังหวะมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยเฉพาะคนทุนน้อย แต่เมื่อเทียบข้อดีและข้อเสีย เขามองว่าหุ้นยังสามารถดูปัจจัยพื้นฐาน การประกอบกิจการ - เขาไม่ปฏิเสธอสังหา ฯ - คุณดิว เห็นด้วยกับคุณ CK ว่า "คนรวยไม่ถือเงินสด" แต่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับ "เงินสดคือหนี้" โดยคนรวยมักเก็บเงินสดไว้รอตักตวงโอกาส - คุณดิวแชร์ว่าเขาโชคดีที่ได้พาร์ทเนอร์จากต่างประเทศในการทำธุรกิจฟาร์มปลาคาร์พ จากจุดแข็งที่เขามีวินัยและทำงานหนัก - เมื่อเขาได้เงินปันผลก้อนนึงจากธุรกิจ เขานำเงินก้อนกว่า 30 ล้านบาทไปลงทุนซื้ออพาร์ทเม้นที่ติดมหาวิทยาลัยเพื่อปล่อยเช่า อีกทั้งเขาไม่มีความรู้เรื่องหุ้น - เมื่อบริหารไปพักนึง ได้กระแสเงินสดจากค่าเช่า และ re-invest ซื้อตึก จนมีมากกว่า 1,000 units เขาเริ่มมองช่องทางอื่นที่มาหักลบข้อเสียของการต้องดีลกับปัญหาเรื่องคน การดูแลบริหารอพาร์ทเม้น - เขาเริ่มมองถึงการจัดพอร์ทโฟลิโอการลงทุน ขายอสังหาฯ ออกครึ่งนึง แล้วไปลงทุนหาหุ้นปันผล แต่เขาย้ำว่าจุดแข็งของเขาตอนนั้นคือมีกระแสเงินสดที่ดี สามารถรอได้ มองผลตอบแทนที่ 5-7% ไม่จำเป็นต้องเทรดรายวันและไม่อยากเสียเงินต้น - จนสุดท้ายเขาตกผลึกได้ว่า ลงทุนในหุ้นนั้นสบาย ไม่ต้องวุ่นวายกับคนเหมือนธุรกิจปล่อยเช่าอพาร์ทเม้น ยกที่ 1 : ของคุณ CK - CK เริ่มจากแปรญัตติโดยอธิบายความหมายของเงินในทางบัญชี คือ Cash (เงินที่อยู่ในธนาคาร) กับ Cash Equivalent (เงินที่อยู่ในตราสารหนี้ของอเมริกา) - ถ้าคุณลงทุนกับตราสารหนี้สหรัฐ คุณจะไม่เสียเงินต้น และได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.75% เป็นโอกาสที่ดีมาก - ถ้าไม่นับ Bitcoin ผู้ชนะคือหุ้น 10 ปีที่ผ่านมา S&P โตอยู่ที่ประมาณ 500% และ NASDAQ อยู่ที่ 800% - ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ CK บอกว่า Landscape นั้นเปลี่ยนไปหลังจากปี 2008 โดยเขาชี้ให้เห็นถึง 1 ข้อเสีย และ 1 เทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น นั่นคือ อสังหาริมทรัพย์นั้นมีความคล่องตัวน้อย และคนรุ่นใหม่เปลี่ยนวิถีชีวิต - คุณ CK ชวนคิดว่า พ่อแม่ของเราส่วนใหญ่มีบ้าน ขณะที่เราชอบอยู่ในเมือง ถ้าหากว่าวันนึงพ่อแม่ของเราเสียชีวิตไป เราจะกลับไปอยู่บ้านนั้นไหม - CK มองว่าเทรนด์ในอีก 50 ปีคือเราจะมีบ้านร้างจำนวนมาก ซัพพลายของบ้าน(มือสอง)จะเพิ่มขึ้น ขณะที่ดีแมนด์หรือความต้องการจะลดลง โดยเขาได้หยิบกรณีที่เกิดขึ้นแล้วในญี่ปุ่น ซึ่งข้อเสียคือมันขายไม่ได้หากไม่มีผู้ซื้อ - ตรงกันข้ามกับหุ้น ที่มี market maker ที่สร้าง Liquidity ตลอดเวลา ทำให้เราได้อิสระ สามารถ Take loss และ profit ได้คล่องตัว - บ้านเป็นหนี้สิน เนื่องจากตอนซื้อเงินผ่อน บ้านเป็นทรัพย์สินของธนาคาร หากตกงาน โดน AI disrupt เราอาจไม่สามารถผ่อนบ้านได้ และต้องขายทิ้ง - หนี้ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อเมริกา และค่าใช้จ่ายและหนี้ของรัฐมาจากการออกพันธบัตร และทุก ๆ ปีรัฐบาลมี Budget deficit หรือค่าใช้จ่ายที่มากกว่าการจัดหารายได้ของรัฐ ยิ่งทำให้ภาระการจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ถือพันธบัตรสูงขึ้น เงินสดที่เราถืออยู่นั้นจึง represent หนี้และความน่าเชื่อถือของรัฐ หากรัฐไม่สามารถจ่ายภาระดอกเบี้ย ความเชื่อมั่นจะหดหาย เงินสกุลนั้นจะไม่มูลค่าเหมือนกรณีที่อาร์เจนติน่า เป็นต้น - การที่ดร.โสภณบอกว่า Warren Buffet ถือเงินสดนั้น จริง ๆ แล้ว CK บอกว่าเขาถือ Cash Equivalent ซึ่งก็คือตราสารหนี้ หรือพันธบัตร 10 ปีของอเมริกา ยกที่ 2 : ดร.โสภณ - เงินเฟ้อที่ไทยจริง ๆ ไม่ได้สูงขนาดนั้น โดยถัวเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 0.6% - บ้านว่างที่ญี่ปุ่นมีอยู่กว่า 8 ล้านหน่วย แต่ไม่สามารถรื้อได้เนื่องจากภาษีแพง แต่มีการสร้างบ้านใหม่เกือบ 1 ล้านหน่วยทุกปี - เขายังแย้งว่า บ้านไม่ใช่หนี้สิน เพราะชื่อบนโฉนดเป็นของเรา สามารถนำไปปล่อยเช่า หากเราซื้อแล้วผ่อนก็เหมือนเช่าตัวเองอยู่ที่ 6-7% ตาม market range และอาจได้ ROI หากราคาบ้านเพิ่มขึ้น เขากล่าวอ้างตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทยว่าดัชนีราคาบ้านและที่ดินยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยกที่ 2 : คุณดิว - เขาแย้งว่า ดร.โสภณ อาจลืมคิดเรื่องดอกเบี้ย ซื้อหรือเช่า อยู่ที่ความจำเป็นในตอนนั้น หากมีเงินดาวน์มากกว่า 50% มีงานที่มั่นคง มั่นใจว่าไม่ย้ายจากตรงนี้ และพร้อมก็สามารถลงทุนได้ แต่หากเป็นเด็กจบใหม่ อาจมีการเปลี่ยนงาน บ้านจะกลายเป็นห่วงได้ - การเล่นอสังหา หากคุณเป็นคนมีเงิน สามารถเก็งที่ในเมือง แต่ที่ไกล ๆ นั้น ในไทยมีข้อเสียเนื่องจากมีที่เยอะ เก็งได้ยาก รวมทั้งชุมชนหรือถนนอาจโตไปคนละทางกับที่ที่เราไปเก็ง - สินทรัพย์ที่เขาแนะนำให้ดูมี 2 อย่างในสถานการณ์โลกปัจจุบันคือ ทองคำ กับหุ้น จากสงครามและเทรนด์ใหญ่ ยกที่ 2 : คุณ CK - คุณ CK เล่นหุ้นตั้งแต่อายุ 14 มีประสบการณ์ ความเจ็บปวดและความสำเร็จในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่เขาเสนอว่านาทีนี้ควรลงทุนในหนี้ เนื่องจาก 10 ปีก่อน ตราสารหนี้มีอัตราตอบแทนอยู่ใกล้ 0 ขณะที่ตอนนี้อยู่ที่ 4.75% แต่ที่หุ้นทุกวันนี้ขึ้นมันคือจังหวะของ S-Curve ใหม่ที่เรียกว่า AI เพียงแต่ว่า ในหุ้นกลุ่มนางฟ้าขณะนี้นอกจาก NVIDIA ยังไม่มีบริษัทใดที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้จาก AI มันจึงมีลักษณะเหมือน Bubble - ต่อไปรายได้ของ Google จาก Search Engine อาจได้รับผลกระทบจากการเข้ามา Generative AI ที่คนไม่ต้องเข้าไปค้นหาข้อมูลจาก Google อีกต่อไป - ยิ่งทำให้เขามองว่า Safe Heaven จริง ๆ คือหนี้ของรัฐและหนี้ของธนาคาร ยกที่ 3 : ดร.โสภณ - เขาไม่ถือหุ้นเลย - ที่ผ่านมาเขาค่อนข้างต่อต้าน Bitcoin แต่ก็พูดว่าไม่ปิดกั้นในอนาคต - ราคาของที่ดินและบ้านของกรุงเทพโต 10% ต่อปี ภูเก็ต 7% หากมีสงคราม ดร.ไม่แน่ใจว่า Bitcoin จะยังใช้ได้ไหม แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว ตอนที่เขมรแตกในช่วงสงครามเย็น พวกเขาเอาทองมาแลกข้าวที่ชายแดน ทองสามารถถูกแลกเปลี่ยนในยามจำเป็น ยกที่ 3 : คุณซีเค - CK บอกว่า การชักชวนให้คนรุ่นใหม่ซื้อบ้านนั้นไม่ดี - ยกตัวอย่างจากจีนที่กำลังมีปัญหาวิกฤติจากการสร้างบ้านและคอนโดจำนวนมาก - สำหรับเขา อสังหาริมทรัพย์มีหลายเกรด Class 1: Single Family Home หรือบ้าน คอนโด นั้นไม่ดี เพราะบ้านไม่สร้างเงินให้กับเรา ไม่มีคนซื้อ เพราะคนในประเทศไม่มีคนซื้อแล้ว โดยยกตัวอย่างจากนโยบายของอดีตนายกฯ เราต้องดู Market Rate จากค่าเช่า ยิ่งสร้างขึ้น ราคาจะคงที่ การซื้อบ้านจะทำให้เรากลัว ไม่มีอิสระในการตัดสินใจและเสพติดเงินเดือน หากมีความฝันที่ไม่อยากเป็นพนักงานเงินเดือน ไม่ควรซื้อบ้าน ค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดของบ้านคือค่าเสียโอกาส Class 2: Multi-Family อย่างอพาร์ทเม้นท์ เนื่องจากสร้างกระแสเงินสดให้เรา Class 3: อสังหาฯ ที่ดีที่สุด คือที่ดินเกษตรกรรม เนื่องจากประเทศมีทรัพยากรที่จำกัด 2 อย่าง คือประชากรและที่ดิน โอกาสที่ดีที่สุดคือที่ดินเกษตรกร ไม่ใช่การสร้างบ้านและการซื้อบ้าน - เขาย้ำว่า เขาไม่ได้ห้ามซื้อบ้าน แต่อย่ารีบซื้อ ซื้อตอนพร้อมดังที่คุณดิวบอก ยกปิดท้ายกับหมัดก่อนกลับบ้าน - คุณดิวยังคง Neutral ต่อการเลือกเลือกสินทรัพย์ เพราะสำหรับเขา เขาต้องการสร้าง Passive Income และการลงทุน เขามองว่าคุณไม่มีวันมีอิสระทางการเงินจริง ๆ หากตอนนอนหลับไม่มีแต้มต่อที่สร้างกระแสเงินสดเข้ากระเป๋าคุณได้ เนื่องจากคนเรามีชั่วโมงการทำงานจำกัด 8-12 ชม ถ้าคุณสามารถหาเงินตอน work day หรือ weekend คุณชนะ คุณดิวกล่าว - Bitcoin เขาขอไม่ออกความเห็น ดร.โสภณ - ดร.โสภณ แย้งกลับว่า การซื้อบ้าน ไม่ใช่ว่าปล่อยผ่อนยาว ๆ 30 ปี ควรจะรีบปิดให้เร็วที่สุดเพื่อขยายไปหาลงทุนทำอย่างอื่นต่อ - ขณะที่ในไทยไม่มีปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัยเหมือนประเทศกำลังพัฒนา จีนมีบ้านร้าง 50 ล้านหน่วย ญี่ปุ่น 8-9 ล้านหน่วย จริงๆ สถานการณ์ในไทยไม่ได้แย่ ปีนี้ Developer ผลิตที่อยู่อาศัยออกมาใหม่ 60,000 กว่าหน่วย - ถ้าไม่มีคนเช่า เราต้องถัวเฉลี่ยคิดเป็น Occupancy rate ไม่ใช่คิดแค่ 0% หรือ 100% แบบ Binary - ดร.โสภณให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำการเกษตร นั้นไม่ดีเนื่องจากหากคุณไม่รู้วิธีดูที่ดิน และวิธีการทำการเกษตร อาจจะจมไปเลย - เขาหยิบอ้างข้อมูลของผู้ลงทุนใน Bitcoin ว่ามีเพียง 0.03% ของผู้ลงทุนที่ ถือ Bitcoin เกินจำนวนกว่า 50% อาจสามารถกำหนดราคาขึ้นลงได้ มีคนประสบความสำเร็จแค่ 10% สามารถลองเล่นเป็นประสบการณ์ ตามแฟชั่น แต่ในระยะยาวเขามองว่าไปประกอบอาชีพที่สร้างสรรค์ อาจถูกจริตคุณมากกว่า คุณ CK - คุณ CK เสนอว่า การที่ดร.โสภณกล่าวหาบิทคอยน์ โดยเฉพาะการเป็นเครื่องมือของอาชกร การฟอกเงิน เขามองว่าผู้ร้ายจริง ๆ คือเงินสด การทุจริต คอรัปชั่น การโกงนั้นใช้เงินสดซึ่งไม่สามารถจับมือใครดมได้ ร้านค้าสามารถใช้หนีภาษี เนื่องจาก track ไม่ได้ คำแนะนำส่งท้าย - คุณ CK พูดถึงการที่โลกเราเปลี่ยนเร็วมาก ๆ ขณะที่วิธีเก่า ๆ อาจจะยังใช้ได้อยู่แต่คนรุ่นใหม่ควรลองศึกษาวิธีใหม่ ๆ ที่เร็วกว่า เพราะเราอาจเป็นคนที่ถูกรั้งท้ายได้ - ขณะที่ดร.โสภณในวัย 66 ปีแนะนำคนรุ่นใหม่ว่า ต้องพยายามศึกษาเองจริง ๆ จุดอ่อนบางครั้งคือเชื่อเมนเทอร์ ใช้วิจารณญาณดี ๆ ค้นคว้าด้วยตัวเราเอง จุดเหมือนในคำแนะนำ ดูเหมือนว่า speaker ทั้ง 3 ท่านจะมีความเห็นในสินทรัพย์ที่ต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาดูเหมือนจะเห็นตรงกันคือ "การลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสด" ส่วนจะเป็นสินทรัพย์ประเภทใด ความเสี่ยงขนาดไหน ผู้ลงทุนควรศึกษาด้วยตนเอง ขอบคุณทาง Bitkub ที่จัดงานในรูปแบบดีเบตที่ช่วยให้คนไทยได้เข้าถึงแง่มุมต่าง ๆ ในด้านการลงทุนของแต่ละสินทรัพย์

    ดร.โสภณ
    Bitkubcapitalgroup
    ดิววีรวัฒน์
    Oct 22, 2024
    4 min
    Thumbnail for 7 บทเรียนจากคุณ Hein Van Gastel กับประสบการณ์ 30 ปี ใน Supply Chain เเละ Logistics ที่สายอาชีพอื่นก็ฟังได้!
    Inspiration

    7 บทเรียนจากคุณ Hein Van Gastel กับประสบการณ์ 30 ปี ใน Supply Chain เเละ Logistics ที่สายอาชีพอื่นก็ฟังได้!

    สัมภาษณ์ Hein Van Gastel: 30 ปีแห่งประสบการณ์ Supply Chain & Logistics ที่คุณต้องรู้ Hein Van Gastel ผู้เชี่ยวชาญชาวดัตช์ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม Supply Chain และ Logistics กว่า 30 ปี ครอบคลุมถึง 15 ประเทศทั่วโลก ได้เล่าถึงบทเรียนสำคัญในการทำงานและคำแนะนำที่น่าสนใจสำหรับผู้เริ่มต้นอาชีพ "ถ้ามีคนมาบอกว่าคุณจะได้ทำงานในตำแหน่งปัจจุบันเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผมคงจะไม่เชื่อ" คุณ Hein กล่าว 1. การให้ความสำคัญกับลูกค้า: กุญแจสู่ความสำเร็จ Hein เน้นว่า “ลูกค้า” คือศูนย์กลางของทุกกระบวนการ ความสำเร็จใน Supply Chain ไม่ได้มาจากการวางแผนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจและทำงานย้อนกลับจากความต้องการของลูกค้า (Reverse Engineer) เพื่อให้ทุกขั้นตอนสอดคล้องและตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ 2. การเรียนรู้ต่อเนื่อง: พัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดนิ่ง Hein เล่าว่า การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นสิ่งสำคัญในอาชีพ Supply Chain เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องทำให้เราสามารถท้าทายแนวทางการทำงานแบบเดิมๆ และปรับตัวเข้ากับนวัตกรรมใหม่ได้อยู่เสมอ เขาย้ำว่า เขามาถึงจุดนี้ได้เพราะเขาพยายามที่จะใฝ่หาองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมอยู่เสมอ 3. ความคาดหวังของลูกค้ายุคปัจจุบัน ลูกค้าในปัจจุบันมีความต้องการสูงขึ้น ไม่เพียงแต่คาดหวังการจัดส่งที่รวดเร็วและสินค้าคุณภาพ 100% แต่ยังต้องการบริการที่ดีเยี่ยมและความสะดวกสบายในการทำธุรกรรม ซึ่งการบริหารจัดการ Supply Chain ต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับความคาดหวังเหล่านี้ 4. บทเรียนจากความผิดพลาด Hein แบ่งปันประสบการณ์ความผิดพลาดในช่วงเริ่มต้นอาชีพ ซึ่งช่วยให้เขาเรียนรู้ถึงความสำคัญของการมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ นอกเหนือจากฝ่าย Supply Chain ทั้งการผลิต การเงิน เนื่องจากสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฝ่าย Supply Chain อาจไม่ใช่สิ่งที่ธุรกิจ หรือฝ่าย Finance ต้องการ 5. จุดเปลี่ยนในอาชีพ: การเลือกเส้นทาง Hein เคยเผชิญทางแยกในอาชีพ เขาแชร์ว่าเคยนั่งเรียนภาษาและใช้ SQL ในการจัดการข้อมูล หัวหน้าของเขาถามว่าจะเป็นคนเขียน ค้นหาข้อมูล หรือจะเป็นคนที่คอยดูแลโครงการ สุดท้ายเขาเลือกเส้นทางที่ทำให้เขาได้ทำงานกับผู้คน และกำหนดทิศทางการทำงานของทีมโปรแกรมเมอร์แทน เพราะเห็นว่าเป็นเส้นทางที่ตรงกับความสนใจและจุดแข็งของเขามากกว่า 6. ความกังวลบางครั้งก็เป็นเรื่องดี Hein บอกว่าเขามีความสงสัยอยู่เสมอ และความสงสัยในหลางครั้งก็เป็นเรื่องที่ดีในการคิดใหม่ การหาแผนรองรับ หรือการประเมินอีกครั้ง เขาชี้ให้เห็นว่าความไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในทุกอาชีพ เขาแนะนำให้กล้าเผชิญกับความท้าทายและลงมือทำ เพราะการกระทำจะช่วยขจัดความกลัวและความกังวลที่มากเกินไป ซึ่งถ้าเป็นไปได้คุณควรจำแนกระหว่างความกังวลกับความกลัว 7. คำแนะนำสำหรับบัณฑิตจบใหม่ สำหรับบัณฑิตจบใหม่ Hein มีคำแนะนำว่า อย่ากังวลมากเกินไปในช่วงเริ่มต้นอาชีพ ชีวิตจะมีทางออกเสมอหากคุณมีความตั้งใจที่ถูกต้อง และที่สำคัญ อย่าปล่อยให้ใครมาทำลายความฝันของคุณ

    Supply Chain
    Logistic
    Hein Van Gastel
    Oct 17, 2024
    1 min
    Thumbnail for สัมภาษณ์คุณธัญญ่า Community Lead ของ SCBX (Exclusive Interview with K.Tanya)
    Inspiration

    สัมภาษณ์คุณธัญญ่า Community Lead ของ SCBX (Exclusive Interview with K.Tanya)

    สัมภาษณ์คุณธัญญ่า Community Lead ของ SCBX (Exclusive Interview with K.Tanya)

    Tips and Tricks
    Interview tips
    How Do I Choose A Career?
    Oct 17, 2024
    0
    Thumbnail for 8 ความลับที่ชาวยิวสอนลูกหลาน สู่การเป็นมหาเศรษฐี (8 Secrets That Jews Teach Their Children to Become Billionaires) |
    Inspiration

    8 ความลับที่ชาวยิวสอนลูกหลาน สู่การเป็นมหาเศรษฐี (8 Secrets That Jews Teach Their Children to Become Billionaires) |

    ทำไมมหาเศรษฐีและคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกหลายคน เช่น Mark Zuckerberg เจ้าของ Facebook, ผู้ก่อตั้ง Google, หรือ Steven Spielberg ผู้กำกับชื่อดัง ล้วนแต่เป็นชาวยิว? The Insider ได้รวบรวมงานวิจัยจากหลายแหล่งทั่วโลก เพื่อสรุป 8 หลักคำสอนของชาวยิวที่นำไปสู่ความมั่งคั่งและประสบความสำเร็จ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาตัวเอง ธุรกิจ หรือสอนลูกๆ ได้ 1. การรักษาทรัพย์: การหาเงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่การเก็บรักษาทรัพย์ให้เป็นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า เน้นการออมและการลงทุนในทรัพย์สินที่มีมูลค่า 2. การหาเงินเป็นสิ่งสำคัญของมนุษย์: เงินสามารถใช้แลกสิ่งที่จำเป็นและสร้างความยอมรับในสังคม จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการประสบความสำเร็จ 3. สร้างกำไรจากการขายของน้อยชิ้น: เน้นขายสินค้าให้กับลูกค้าที่มีศักยภาพ และสามารถสร้างกำไรจากสินค้าน้อยชิ้นได้ 4. ลงมือทำจึงจะประสบความสำเร็จ: ต้องใช้ศักยภาพของตัวเองให้เต็มที่และอย่ากลัวที่จะเสี่ยงทำสิ่งใหม่ๆ 5. ใช้สมองมากกว่าแรงกาย: ชาวยิวเน้นใช้สติปัญญาและการคิดเพื่อสร้างมูลค่าให้กับงานและชีวิต 6. ชื่นชอบตัวเลขและคำนวณทุกอย่าง: ชาวยิวเน้นการวางแผนและคำนวณตัวเลขในทุกกระบวนการเพื่อลดความเสี่ยง 7. ให้ความสำคัญกับเพื่อนที่ดี: เลือกเพื่อนและพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี เพื่อช่วยให้ประสบความสำเร็จ 8. ไม่ทิ้งสมบัติให้ลูกหลาน แต่ทิ้งสติปัญญา: ชาวยิวสอนลูกหลานให้คิดหาโอกาสและสร้างธุรกิจด้วยตัวเองแทนการพึ่งพาทรัพย์สมบัติ ______________________________________________________________________________________________________________________________________ Why are many billionaires and world-renowned successful people, such as Mark Zuckerberg, the owner of Facebook, the founders of Google, or the famous director Steven Spielberg, all Jewish? The Insider gathered research from various sources worldwide to summarize 8 Jewish teachings that lead to wealth and success. These principles can be adapted for personal growth, business, or teaching children. 1. Preserving wealth: Earning money is important, but keeping it is even more crucial. Focus on saving and investing in valuable assets. 2. Money is important for humans: Money can be exchanged for necessities and helps gain social acceptance, making it a key factor in success. 3. Profit from selling fewer items: Focus on selling to high-potential customers and making a profit from fewer but more valuable items. 4. Success comes from action: Use your potential fully and don’t be afraid to take risks or try new things. 5. Use your brain more than your body: Jewish teachings emphasize using intelligence and thinking to add value to work and life. 6. Love numbers and calculate everything: Plan and calculate every process to reduce risks. 7. Value good friends: Choose good friends and business partners who can help you succeed. 8. Leave wisdom, not wealth, to your children: Teach children to create opportunities and businesses themselves, rather than relying on inherited wealth.

    Success
    เคล็ดลับความสำเร็จ
    สติปัญญา
    Oct 17, 2024
    2 min
    Thumbnail for ถ้าผมมีเงิน 70 บาท โดยบิล เกตต์
    Inspiration

    ถ้าผมมีเงิน 70 บาท โดยบิล เกตต์

    มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก แนะวิธีเริ่มธุรกิจง่ายๆ หากมีรายได้น้อย (จน)!! อีกหนึ่งแนวทางที่พูดถึงการแก้ปัญหาความจนโดยบิล เกตส์ (Bill Gates) อดีตมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกหลายปีซ้อน เจ้าของธุรกิจชื่อดังอย่าง Microsoft บิล เกตส์นำเสนอแก้ปัญหาความยากจนมาจากการศึกษาและวิเคราะห์ชีวิตผู้คนที่เผชิญกับความอดอยากในแถบแอฟริกาตะวันตก โดยเขาได้ใช้ความรู้พื้นฐานในเรื่องของปศุสัตว์และธุรกิจ อธิบายออกมาให้เข้าใจง่ายว่า “ถ้าผมมีเงิน 70 บาท ผมจะใช้ชีวิตยังไงน่ะเหรอ สำหรับผม ผมจะเลี้ยงไก่ครับ” เขาเขียนลงในบล็อกของตัวเอง โดยให้เหตุผลว่า 1. เลี้ยงไก่ เลี้ยงง่ายค่าใช้จ่ายไม่เยอะ หากินเองได้ หากให้อาหารดี ไก่ก็จะโตเร็วขึ้น เมื่อไก่เพิ่มขึ้นก็ทำกรงเพิ่มตามจำนวน วัคซีนของไก่ก็ราคาถูก 2. เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า เริ่มต้นจากแม่ไก่เพียง 5 ตัว และพ่อไก่ 1 ตัว เพียง 3เดือนก็สามารถเพิ่มจำนวนไก่ได้ถึง 40 ตัว เมื่อขายออกไปตัวละ 175 บาท ก็สามารถสร้างรายได้ 35,000 บาทต่อปี 3. ไข่ไก่ดีมาก มีสารอาหารดี เป็นทางออกของโรคขาดสารอาหาร และหากบางครอบครัวสามารถบริหารจัดการได้ดีก็ปล่อยให้ไข่ฟักออกมา เลี้ยงไก่ให้โตแล้วนำไปขายจากนั้นจึงนำเงินที่ได้ไปซื้ออาหารที่มีประโยชน์อย่างอื่น 4. มันช่วยส่งเสริมสตรี เนื่องจากการเลี้ยงไก่ต่างจากเลี้ยงวัวหรือแกะ ผู้หญิงสามารถเลี้ยงไก่ใกล้บ้านและพวกเขามักจะนำเงินที่ได้มาลงทุนในครอบครัวและความเป็นอยู่ บิล เกตส์เชื่อว่า ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่ได้ผลตอบแทนกลับมา การเลี้ยงไก่ก็เหมือนการสอนคนให้จับปลาแต่หากคุณไม่ได้อยู่ใกล้แม่น้ำหรือยังไม่พร้อมจะสอนใคร ก็เริ่มจากการให้ไก่กับเขาก่อน แล้วค่อยสอนให้เลี้ยงและดูแลมันให้เป็นน่าจะดีกว่า เพราะหากเหล่าคนรวยเอาแต่บริจาคเงินสักวันเงินมันก็ต้องหมดไปเหมือนทุกที ________________________________________________________________________________________________________________________________ Another great idea about solving poverty comes from Bill Gates, the former world’s richest man and the founder of Microsoft. Bill Gates got his idea to solve poverty by studying and analyzing the lives of people facing hunger in West Africa. He used basic knowledge of livestock and business to explain his ideas in a simple way. He wrote on his blog, “If I had 70 baht, how would I live? For me, I would raise chickens.” He explained why: 1. Raising chickens is easy and inexpensive. They can find food themselves, and if you feed them well, they grow faster. As you get more chickens, you can build more coops. Chicken vaccines are also cheap. 2. It’s a worthwhile investment. Starting with just five hens and one rooster, in three months, you can have up to 40 chickens. If you sell each chicken for 175 baht, you could earn about 35,000 baht per year. 3. Chicken eggs are nutritious and can help solve malnutrition. If families manage well, they can let the eggs hatch, raise the chickens, and sell them, then use the money to buy other nutritious food. 4. It empowers women because chickens are small and typically stay close to home. Women who sell chickens are likely to reinvest the profits in their families. Bill Gates believes that every investment brings returns. Raising chickens is like teaching someone to fish, but if you’re not near a river or can’t teach them yet, start by giving them chickens and then teach them how to take care of them. If rich people only donate money, that money will eventually run out as always.

    Success
    การลงทุน
    Bill Gates
    Sep 20, 2024
    2 min
    Thumbnail for ระบบสร้างคนรวย สินค้าสร้างคนชั้นกลาง ความมั่นคงทำให้รวยเร็ว โดยคุณพิชัย จาวลา
    Inspiration

    ระบบสร้างคนรวย สินค้าสร้างคนชั้นกลาง ความมั่นคงทำให้รวยเร็ว โดยคุณพิชัย จาวลา

    บทสัมภาษณ์นี้พูดถึงแนวคิดและมุมมองทางเศรษฐกิจและประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณพิชัย จาวลา การเปลี่ยนแปลงในด้านการลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุนในที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ที่ผ่านมาในช่วงเวลาต่างๆ เราอาจพบว่ามีความเข้าใจผิดในวิธีการตัดสินใจลงทุน ซึ่งในบางครั้งก็เกิดจากการตามกระแสของคนส่วนมาก เช่น การซื้อที่ดินในช่วงที่ราคากำลังบูม โดยเฉพาะในช่วงปี 2530-2533 เมื่อมีการบูมขึ้นอย่างมากในพื้นที่นอกเมือง ทำให้คนซื้อที่ดินในสวนเกษตร ที่นาหรือป่าเขาในราคาที่สูง แต่ภายหลังเมื่อเศรษฐกิจตก ราคาที่ดินในพื้นที่เหล่านั้นกลับตกลงไปอย่างมาก ในขณะที่ที่ดินในเมืองหรือย่าน CBD นั้นมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเข้าใจผิดนี้สะท้อนให้เห็นว่าการตามกระแสโดยไม่พิจารณาอย่างถี่ถ้วน อาจทำให้เราต้องเผชิญกับการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า นอกจากนี้ ในธุรกิจโรงแรมยังสะท้อนให้เห็นอีกด้วยว่าการวางแผนที่ขาดการวิเคราะห์ตลาดที่แท้จริง เช่น การสร้างโรงแรมใหญ่เกินไปในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายในการทำกำไร ความคิดเรื่อง mindset ในการลงทุนที่สำคัญในยุคปัจจุบันก็ยังถูกเน้นถึงความสำคัญของการทำให้ได้เปรียบทางต้นทุนและการแข่งกับคู่แข่งที่มีมากขึ้น ซึ่งสมัยก่อนคนยังไม่รู้มากนักในเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันถึงแม้คนส่วนมากจะรู้เรื่อง mindset แต่กลับไม่สามารถนำไปใช้ได้เต็มที่เพราะความเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่สูง ในช่วงเริ่มต้นของ B2 โรงแรม การเติบโตและขยายสาขาเป็นไปอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงและเป็นที่รู้จัก โดยเน้นการเปิดสาขาหลายแห่ง แม้จะมีข้อเสียในด้านการบริหารจัดการ เช่น งบประมาณที่สูงขึ้น หรือคุณภาพการดูแลไม่ทั่วถึง แต่ก็ยังมีกำไรมากกว่าเปิดสาขาเดียว เมื่อธุรกิจเริ่มโตขึ้น ความสำคัญของทำเลเริ่มเด่นชัดขึ้น เมื่อมีคู่แข่งมากขึ้น การเลือกทำเลที่ดีจึงส่งผลต่อรายได้ในระยะยาว ในการขยายธุรกิจ B2 ผู้ก่อตั้งให้ความสำคัญกับการสร้างมาตรฐานสูงขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน แม้ว่าต้นทุนการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 30% แต่ก็ยังยืนยันในการลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง นอกจากนี้ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเน้นให้ธุรกิจมีเสถียรภาพในด้านรายได้และรายจ่าย การใช้ leverage ทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถขยายกิจการได้โดยไม่เพิ่มความเสี่ยง _______________________________________________________________________________________________________ This interview discusses the economic views and past experiences of Mr.Pichai Chawla. It touches on changes in investment, especially in land and real estate. In the past, there have been misunderstandings in investment decisions, sometimes due to following trends. For example, people bought land when prices were booming, especially between 1987-1990, when land in rural areas skyrocketed. People bought farmland or forest land at high prices, but when the economy crashed, the land prices in those areas dropped significantly. In contrast, land in urban or CBD areas kept rising in value. This misunderstanding shows that following trends without careful consideration can lead to unwise investments. In the hotel business, planning without proper market analysis, like building a hotel too large for the location, can make it hard to earn a profit. The importance of having the right investment mindset is highlighted, especially today, where it's crucial to control costs and compete effectively. In the past, this wasn’t well understood. Even though people are more aware of the need for a good mindset now, they often struggle to fully apply it due to rapid changes and tough competition. In the early stages of B2 Hotel, growth and expansion happened quickly to build a strong brand. The company opened many branches, which helped profits despite challenges like higher budgets and inconsistent quality control. As the business grew, location became more important. With more competitors, choosing the right location had a long-term impact on revenue. When expanding B2, the founder focused on raising standards to stay competitive. Even though construction costs increased by 30%, they decided to invest more to stand out from competitors. Risk management was also important, ensuring the business remained stable in terms of income and expenses. Effective financial leverage allowed the company to grow without increasing risk.

    บริหารความเสี่ยง
    การลงทุน
    รวย
    Sep 9, 2024
    2 min