Logo
  • โปรไฟล์มืออาชีพ
  • งาน
  • อาชีพ
    เส้นทางอาชีพ
    การเติบโต
    การศึกษา
    แรงบันดาลใจ
    บุคลิกภาพ
    งานและอุตสาหกรรม
    การค้นหางาน
    ประวัติ & ผลงาน
    เงินเดือน
    ความเป็นอยู่ที่ดี
  • การศึกษา
    หลักสูตร
    โปรแกรม
  • เครื่องมือสร้างเรซูเม่
  • สำหรับผู้ใช้งานองค์กร



  • Jobcadu Logo

    แพลตฟอร์มอาชีพที่ดีที่สุดสำหรับการหางาน, การสรรหาบุคลากร, ค้นหาอาชีพ และค้นพบแหล่งการศึกษา

    10,000+

    หน้าหางาน

    งานตามหมวดหมู่

    การบริหารและสำนักงาน

    การตลาด

    บริการลูกค้า

    เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)

    บัญชีและการเงิน

    ทรัพยากรบุคคลและการจัดการคน

    การผลิตและห่วงโซ่อุปทาน

    วิศวกรรม

    สำหรับผู้หางาน

    หน้าหางาน

    เครื่องมือสร้างเรซูเม่

    ทรัพยากรด้านการศึกษา

    ทรัพยากรเรซูเม่

    สำหรับผู้ใช้งานองค์กร

    ประกาศงาน

    ราคา

    แหล่งข้อมูล

    เกี่ยวกับเรา

    ข้อกำหนดการใช้งาน

    นโยบายความเป็นส่วนตัว


    © 2025 Jobcadu. สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

    10 วิธีเติมไฟให้ชีวิตเมื่อรู้สึกหมดแรงในการทำงาน

    Wellbeing
    1. Home

    2. Careers

    3. 10 วิธีเติมไฟให้ชีวิตเมื่อรู้สึกหมดแรงในการทำงาน

    10 วิธีเติมไฟให้ชีวิตเมื่อรู้สึกหมดแรงในการทำงาน

    Posted February 17, 2025

    Career Path

    Mental Health
    burn out
    I'm Stressed and Burn Out
    ภาวะ burn out
    Work-Life Balance
    สุขภาพดี
    สุขภาพจิต
    ภาวะหมดไฟ
     10 วิธีเติมไฟให้ชีวิตเมื่อรู้สึกหมดแรงในการทำงาน
    Career Path Description

    อาการหมดไฟเป็นเรื่องปกติที่คนทำงานหลายคนต้องเจอ สาเหตุอาจจะมีหลายปัจจัย มีงานล้นมือ ทำไม่ทัน ต้องทำงานล่วงเวลาบ่อยๆ ทำงานหนักเกินไปโดยไม่มีเวลาพักผ่อน การมีสภาพเเวดล้อมในการที่งานที่มีการเเข่งขันสูงมากเกินไปจนทำให้เกิดความรู้สึกกดดัน เครียดสะสม หรือบริษัทที่ไม่มีโอกาสให้เติบโตหรือพัฒนาทักษะใหม่ๆก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หมดไฟได้เช่นเดียวกัน


    อาการหมดไฟไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่ค่อยๆ สะสมจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ การสังเกตสัญญาณเตือนตั้งแต่เนิ่นๆ และจัดการกับสาเหตุที่แท้จริงจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการหมดไฟรุนแรง


    สัญญาณอันตรายของการหมดไฟ


    • รู้สึกทรมานทุกเช้าที่ต้องตื่นไปทำงาน
    • นอนไม่หลับ ฝันร้าย และกังวลเกี่ยวกับงานตลอดเวลา
    • เหนื่อยล้าแม้จะพักผ่อนเต็มที่แล้ว
    • ขาดแรงจูงใจและความกระตือรือร้น
    • รู้สึกว่างานไม่มีความหมาย


    หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับภาวะนี้ มาดู  10  วิธีเติมไฟในการทำงานกัน!


    10 วิธีเติมไฟให้ชีวิตการทำงาน


    1.ทบทวนเป้าหมายของตัวเอง: ลองกลับไปดูว่าทำไมคุณถึงเลือกงานนี้ตั้งแต่แรก อาจช่วยให้คุณค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ ๆ

    2.ปรับมุมมองต่อการทำงาน: เปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับงานให้เป็นโอกาสในการเติบโตและพัฒนา 

    3.พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมง วางแผนวันหยุดและทำกิจกรรมที่ชื่นชอบในวันหยุด

    4.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด เพิ่มพลังงาน และช่วยให้เรานอนหลับง่ายอีกด้วย ง่ายต่อการปรับเวลานอน

    5.หาเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจ: พูดคุย ขอคำปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากเพื่อนร่วมงาน รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์และวิธีจัดการกับความเครียด 

    6.ให้รางวัลตัวเอง: ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ และให้รางวัลตัวเองเมื่อทำสำเร็จ เช่น การไปเที่ยวหรือทานอาหารที่ชอบ

    7.หาโอกาสเรียนรู้ใหม่: เข้าร่วมการฝึกอบรม เวิร์คช็อป หรือเรียนทักษะใหม่เพื่อกระตุ้นความสนใจและความท้าทาย

    8.ทำสมาธิและการหายใจ: ฝึกการหายใจลึกๆ หรือการทำสมาธิสั้นๆ ระหว่างวัน เพื่อลดความเครียดและความวิตกกังวล

    9.สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี: จัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ เพิ่มต้นไม้หรือของตกแต่งที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย

    10.พิจารณาเปลี่ยนงานหากจำเป็น: หากลองทุกวิธีแล้วไม่ดีขึ้น อย่ากลัวที่จะมองหาโอกาสใหม่ที่เหมาะกับคุณมากกว่า เพราะการเปลี่ยนงานเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เราอาจจะเหมาะกับงานที่อื่นที่ไม่ใช่ที่นี่ ไม่ได้แปลว่าเราไม่ดีนะ


    การหมดไฟไม่ใช่สิ่งที่แก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน ต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง ตระหนักรู้ถึงสัญญาณเตือน และหาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว


    เห็นได้ว่าอาการเหล่านี้เป็นอาการที่น่ากลัวมาก ๆ ใครมีเพื่อนหรือคนรอบตัวที่มีอาการเหล่านี้ ลองแชร์บทความนี้ให้คนรอบตัวได้อ่านกัน เผื่อจะช่วยเติมไฟให้กันไม่มากก็น้อย สำหรับใครที่กำลังมองหางานที่ไม่เครียด ไม่ Toxic มาลองหางานกันได้ที่ Jobcadu แพลตฟอร์มหางานที่เข้าใจความต้องการของคนทำงานยุคใหม่




    Related Skills & Areas
    Mental Health
    burn out
    I'm Stressed and Burn Out
    ภาวะ burn out
    Work-Life Balance
    สุขภาพดี
    สุขภาพจิต
    ภาวะหมดไฟ


    อาชีพที่เกี่ยวข้อง
    Thumbnail for มารู้จักกับ ขิง สมุนไพรสรรพคุณมากมาย ที่มนุษย์ออฟฟิศไม่ควรมองข้าม
    Wellbeing

    มารู้จักกับ ขิง สมุนไพรสรรพคุณมากมาย ที่มนุษย์ออฟฟิศไม่ควรมองข้าม

    มารู้จักกับ ขิง สมุนไพรสรรพคุณมากมาย ที่มนุษย์ออฟฟิศไม่ควรมองข้าม ในชีวิตของมนุษย์ออฟฟิศที่ต้องเผชิญกับความเครียด การทำงานหนัก และเวลาที่จำกัด การดูแลสุขภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ หนึ่งในสมุนไพรที่หาง่ายและได้รับความนิยมก็คือ "ขิง" ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่อยู่คู่ครัวไทยมานาน นอกจากจะช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย วันนี้เรามาทำความรู้จักกับขิงให้มากขึ้น และดูว่าขิงสามารถช่วยเราในเรื่องสุขภาพและการทำงานได้อย่างไร ขิงคืออะไร ขิง (Ginger) เป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในตระกูลเดียวกับขมิ้นและกระชาย มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกนำมาใช้ทั้งในอาหารและเป็นยาสมุนไพรมานานหลายศตวรรษ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในการช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น คลื่นไส้ ท้องอืด และอาการอักเสบ ขิงจึงเป็นที่นิยมทั้งในแพทย์แผนไทยและแผนจีน ขิงมีลักษณะอย่างไร ขิงเป็นพืชล้มลุก มีเหง้าหรือหัวอยู่ใต้ดิน มีลักษณะเปลือกเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล เนื้อในมีสีเหลืองอ่อนและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติของขิงจะเผ็ดร้อน เมื่อขิงมีอายุมากขึ้น รสชาติจะเข้มข้นขึ้นด้วย ส่วนใบของขิงมีสีเขียวเรียวยาว สามารถนำมาปรุงอาหารได้เช่นกัน ขิงมีสรรพคุณอย่างไร ขิงมีสรรพคุณมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับมนุษย์ออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน เช่น: ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ – การนั่งทำงานนาน ๆ อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่เต็มที่ ขิงสามารถช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารและลดอาการแน่นท้องได้ ช่วยลดความเครียดและทำให้รู้สึกสดชื่น – กลิ่นหอมของขิงมีส่วนช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียด ช่วยลดการอักเสบ – ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อและข้อ เหมาะสำหรับคนที่ต้องนั่งพิมพ์งานเป็นเวลานาน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – ใครที่ต้องทำงานหนักจนพักผ่อนไม่เพียงพอ ขิงสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการเป็นหวัดได้ ขิงมีโทษอย่างไร แม้ว่าขิงจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น: อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก หรือกรดไหลย้อน โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง ดังนั้นผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหลีกเลี่ยงการบริโภคขิงก่อนการผ่าตัด อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากเกินไปในผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทานยาควบคุมน้ำตาลอยู่แล้ว ใครไม่ควรดื่มน้ำขิง ถึงแม้ว่าน้ำขิงจะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะ: ผู้ที่มีโรคกระเพาะอาหาร – เนื่องจากขิงมีความเผ็ดร้อน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้ ผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวช้า – เพราะขิงมีคุณสมบัติในการทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือดได้ หญิงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสสุดท้าย – ขิงอาจกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่ม ขิงก็เหมาะกับมนุษย์ออฟฟิศนะ นอกจากประโยชน์ทางสุขภาพแล้ว ขิงยังมีแง่มุมที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำงานอีกด้วย ลองคิดดูว่า การทำงานของเราก็เหมือนกับขิง – มีความเผ็ดร้อนแต่ก็มีประโยชน์ เราอาจต้องเผชิญกับความกดดัน ความเหนื่อยล้า และความท้าทายในแต่ละวัน แต่ถ้าเรารู้จักปรับตัว ใช้พลังงานอย่างเหมาะสม และดูแลสุขภาพของตัวเอง เราก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มนุษย์ออฟฟิศหลายคนมักละเลยการดูแลสุขภาพเพราะงานยุ่ง แต่จริง ๆ แล้ว เพียงแค่เพิ่มขิงลงไปในชีวิตประจำวัน เช่น ดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ ตอนเช้า หรือเติมขิงลงไปในอาหาร ก็สามารถช่วยให้เรามีสมาธิและพลังในการทำงานมากขึ้น ดังนั้น อย่ามองขิงเป็นแค่สมุนไพรทั่วไป แต่ลองให้ขิงเป็นตัวช่วยเล็ก ๆ ในการเพิ่มคุณภาพชีวิตและการทำงานของเรา ขิงไม่ใช่แค่เครื่องปรุงหรือสมุนไพร แต่เป็นตัวแทนของพลังงานและการดูแลตัวเองในแบบที่มนุษย์ออฟฟิศควรให้ความสำคัญ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เรารู้จักและเห็นคุณค่าของขิงมากขึ้น และนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้นะ หากใครที่สนใจอ่านบทความที่น่าสนใจแบบนี้ อย่าลืมติดตาม Career Portal ที่จะมีอัปเดตข่าวสารที่น่าสนใจมาฝากทุกคน

    ขิง
    Feb 17, 2025
    1 min
    Thumbnail for รวม 17 อาชีพน่าสนใจในซีรีส์เกาหลี ที่ไม่ได้มีแค่หมอ!
    Wellbeing

    รวม 17 อาชีพน่าสนใจในซีรีส์เกาหลี ที่ไม่ได้มีแค่หมอ!

    ละครหรือซีรีส์ไทยส่วนมากที่เราดูส่วนมากจะเป็นหมอ แต่ว่าซีรีส์ในต่างประเทศก็มีอาชีพมากมายที่ถูกนำเสนอออกมาได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นมุมมอง หรือรายละเอียดของอาชีพ ซึ่งองค์ประกอบนี้ทำให้เรื่องนั้นๆน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วย วันนี้ Jobcadu จะมาบอกตัวอย่าง 17 อาชีพจากซีรี่ส์เกาหลีที่ไม่ซ้ำใคร น่าสนใจไม่แพ้กับหมอเลยล่ะ 1.ผู้ประกาศข่าว - Pinocchio (2014) เรื่องราวของ คีฮามยอง (อีจงซอก) ชายหนุ่มที่มีความเจ็บปวดจากการถูกสื่อมวลชนนำเสนอข่าวจนทำให้ครอบครัวต้องเจอโศกนาฏกรรมการสูญเสียครอบครัวในวัยเด็ก ต้องการใช้ชีวิตโดยลบอดีตตัวเองในชื่อของ ชเวดัลพโย ลูกชายของชายแก่อัลไซเมอร์ที่บังเอิญเจอเขาเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ชเวอินฮา (พัคชินเฮ) หญิงสาวเป็นโรคพินอคคิโอ ที่โกหกแล้วจะสะอึก ต้องมาอยู่ชนบทกับพ่อหลังจากที่พ่อตัดสินใจหย่าร้างกับแม่ที่เป็นนักข่าวหญิง และทำให้ชวดัลพโยกลายเป็นลุงของชเวอินฮา ทั้งที่อายุไล่เลี่ยกัน เมื่อเติบโตขึ้น ชเวอินฮา ตัดสินใจที่จะเป็นนักข่าวเพื่อหวังว่าจะได้เจอแม่ของตัวเอง และใช้อาการของโรคพินอคคิโอเป็นจุดขาย ขณะที่ ชเวดัลพโย ต้องการที่จะอยู่ให้ไกลจากสื่อและนักข่าว แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้เขาได้เจอจุดผลิกผัน เมื่อรู้ว่าแม่ของอินฮาคือนักข่าวที่นำเสนอข่าวครอบครัวของเขาในอดีต ทำให้เขาต้องกลายเป็นนักข่าวหน้าใหม่ เพื่อตามล่าหาความจริงและสะสางความเเค้นในใจ ที่ขัดกับความรักที่เขามีต่ออินฮา 2.ภัณฑารักษ์ (ดูแลพิพิธภัณฑ์) - Her Private Life (2019) ซีรีส์แนวโรแมนติก-คอมเมดี้ เรื่องราวของภัณฑารักษ์สาวมากความสามารถอย่าง ซองด็อกมี หญิงสาวผู้มีโลก 2ใบ ในชีวิตปกติเธอเป็นภัณฑารักษ์ ดูแลสิ่งของในพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งหนึ่ง ส่วนอีกโลกหนึ่งเธอเป็นติ่งตัวแม่ของนักร้องดัง กับ ไรอัน โกลด์ ผู้อำนวยการคนใหม่ที่ย่างก้าวเข้ามาในแกลลอรี่แชอุมและชีวิตของด็อกมีไปพร้อมๆกัน แต่ด้วยความบังเอิญทำให้เขาล่วงรู้ความลับของ ซองด็อกมี ว่าเธอเป็นติ่งตัวแม่ของ ชาชีอัน ทำให้เขาเริ่มสนใจในตัวเธอมากขึ้น ประกอบกับการทำงานร่วมกันหลายครั้งทำให้เขาและเธอสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความรักขึ้นมานั่นเอง ซึ่งอาชีพภัณฑารักษ์ หรือที่หลายคนคุ้นเคยกับหน้าที่ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์หรือนิทรรศการ เป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูง เพราะนอกจากจะต้องมีความชำนาญเฉพาะด้านเป็นอย่างดีแล้ว ยังต้องมีความสามารถในการจัดการ บริหาร ดูแลและออกแบบการจัดแสดงต่าง ๆ เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจอีกด้วย โดยหน้าที่ของภัณฑารักษ์จะแตกต่างกันไปตามลักษณะเฉพาะของสถานที่จัดแสดงนั่นเอง ซึ่งคนที่สนใจอยากทำอาชีพนี้ควรจบจากสาขาวิชาประวัติศาสตร์ โบราณคดี สาขาวิชาสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์ หรือสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์นั่นเอง 3.ผู้พิทักษ์ป่า - Jirisan (2021) ซอยีคัง เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอุทยานแห่งชาติ Jirisan (จีรีซาน) ซึ่งมีประสบการณ์มากมายในการนำทาง ทำให้เธอมีความรู้ความเชี่ยวชาญ ในการติดตามบุคคลที่สูญหาย อยู่มาวันหนึ่ง เธอกลายเป็นคู่หูของคังฮยอนโจ เจ้าหน้าที่น้องใหม่ ของอุทยานฯ จบการศึกษาจากโรงเรียนทหารและเป็นอดีตผู้หมวด แต่ประสบเหตุการณ์อันน่าสยดสยองกับจีรีซานที่ทำให้เขากลายมาเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่นี่ ซีรีส์ถ่ายทอดเรื่องราวความลึกลับ เป็นปริศนาที่มีอยู่รายล้อมทั่วภูเขา ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้มาเยือนมากมาย ผู้ที่มาเพื่อฆ่าและผู้ที่มาเพื่อจบชีวิตของตัวเอง 4.Web Portal Industry - Search WWW (2019) เรื่องราวจะเล่าถึงความขัดแย้ง, ชัยชนะ และการสูญเสีย จากประสบการณ์ของสาว 3 คนในการทำงาน ติดตามชีวิตของหญิงสาวในยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งเลือกที่จะไม่เป็นภรรยาหรือแม่ของลูกแต่อยากประสบความสำเร็จในการทำงาน คนแรก แบทามี (รับบทโดย อิมซูจอง) หญิงสาวในวัยเกิน 30 ซึ่งกำลังทำงานในวงการเทคโนโลยีให้กับ Unicorn องค์กรที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ แม้ว่าเธอจะชนะมามากมายแต่เธอก็ยังศีลธรรมในหัวใจ เธอมักจะให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่าการเดตมาโดยตลอด แต่ความคิดเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อ พัคโมกอน (รับบทโดย จางกียง) ซีอีโอและผู้ผลิตดนตรีประกอบในเกมส์สุดอัจฉริยะ ได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ 5.Software Developer - Start-up (2020) เรื่องราวของ ซอดัลมี (รับบทโดย แบซูจี) ที่ต้องการจะตามหานัมโดซาน เพื่อนในจดหมายสมัยเด็กที่เป็นดั่งรักแรกของเธอให้มากู้หน้าเธอในงานเลี้ยงของพี่สาววอนอินแจ (รับบทโดย คังฮันนา) ทำให้ย่าของเธอที่รู้เรื่องทั้งหมดว่าแท้จริงแล้วนัมโดซานในจดหมายคือฮันจีพยอง (รับบทโดย คิมซอนโฮ) เด็กที่เธอดูแลอยู่ช่วงนึง ทำให้เธอต้องไหว้วานให้ฮันจีพยองตามหานัมโดซานตัวจริงมาให้กับหลานสาว แต่เมื่อฮันจีพยองได้เจอกับนัมโดซานตัวจริง (รับบทโดย นัมจูฮยอก) ก็ได้แต่ปวดหัวกับความไม่ตรงปกของนัมโดซานที่เขาได้วาดฝันไว้ นัมโดซานเป็นเพียงเด็กเนิร์ดอัจฉริยะที่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง เปิดบริษัทที่ชื่อ “ซัมซานเทค” ของตัวเองเล็กๆกับเพื่อนอีก 2 คน ไม่ได้มีอะไรดีมากพอที่จะให้ดัลมีเอาไปอวดพี่สาวได้เลย แต่แล้วเมื่อโดซานได้อ่านจดหมายของดัลมีทั้งหมดแล้วเขาก็เกิดความอยากจะช่วยเธอขึ้นมา จึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองและไปเจอเธอในงานเลี้ยงของพี่สาวตามคำขอ และหลังจากนั้นการโกหกครั้งใหญ่ที่ทุกคนเป็นคนเริ่มผูกปมก็เริ่มขึ้น และเรื่องก็เหมือนจะยิ่งไปกันใหญ่เพราะพวกเขาต่างกลับมารวมตัวกันอีกครั้งใน SAND BOX เพื่อเดินตามฝันในการเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง 6.นักพยากรณ์อากาศ - Forecasting Love and Weather (2022) ซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวการทำงานของหนุ่มสาวยุคใหม่ผ่านตัวละครอย่าง จินฮาคยอง นักพยากรณ์อากาศสาวเก่งผู้ยึดติดกับกฎเกณฑ์ ที่โดน ฮันกีจุน แฟนหนุ่มที่กำลังวางแผนจะแต่งงานกันนอกใจ ทั้งสองเลิกรากันทั้งๆที่ยังต้องทำงานอยู่ที่เดียวกัน จน จินฮาคยอง ได้มาพบกับ อีชีอู นักพยากรณ์อากาศหนุ่มคนใหม่ในทีม และตกหลุมรักกัน ซึ่งนั่นเองทำให้พวกเขาต้องคบกันแบบหลบๆซ่อนๆ โดยมีการตกลงกันไว้ว่าถ้ามีคนจับได้ความสัมพันธ์นี้ต้องจบลงทันที ซีรีส์นำเสนอเรื่องราวความรักวุ่นๆคู่ไปกับสายอาชีพที่แปลกใหม่อย่างนักพยากรณ์อากาศ เรียกว่าสนุกครบรสและลงตัวจริงๆ 7.โปรแกรมเมอร์ - Memories of the Alhambra (2018) ยูจินอู (รับบทโดย ฮยอนบิน) เจ้าของบริษัทจัดการการลงทุนที่กำลังพัฒนาโปรเจกต์ผลิตคอนแทคเลนส์ที่ออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้คู่กับเทคโนโลยี AR โดยเขาได้เดินทางมายังประเทศสเปน เพื่อที่จะตามหาตัว จองเซจู (รับบทโดย ชานยอล EXO) โปรแกรมเมอร์อัจฉริยะที่เป็นนักพัฒนาเกม AR ที่ใช้ในการต่อสู้ในยุคกลาง โดยคิดว่าถ้าหากเกมที่เซจูพัฒนาสามารถนำมาต่อยอดใช้คู่กับเทคโนโลคอนแทคเลนส์ของจินอูได้ จะก่อให้เกิดรายได้มหาศาลและนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเทคโนโลยีแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แต่แล้วเซจูกลับหายตัวไปอย่างปริศนา ก่อนหน้าที่เซจูนัดหมายให้ จินอูมาพบที่โฮสเทลแห่งหนึ่งในเมืองกรานาดา ประเทศสเปน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้พบกับ จองฮีจู (รับบทโดย พัคชินฮเย) พี่สาวของเซจูผู้เป็นเจ้าของโฮสเทลแห่งนี้ 8.นักเขียน เชฟ - Temperature Of Love (2017) ละครที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของ คนสองคนที่คบและเลิกกันในระยะเวลาอันสั้นเนื่องจาก “อุณหภูมิรัก” ของพวกเขาไม่เท่ากัน และต่อมาพวกเขาได้มาพบกันอีกครั้ง และลงเอยด้วยการตกหลุมรักกัน ในจุดเหมาะสมของ “อุณหภูมิรัก” ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและเธอก่อตัวเป็นรักที่แท้จริง อีฮยอนซู (รับบทโดย ซอฮยอนจิน) เธอลาออกจากบริษัทใหญ่ออกมาทำตามความฝันของตัวเอง และกลายเป็นนักเขียนบทละคร อนจองซอน (รับบท​โดย ยังเซจง) เชฟร้านอาหารมิชลิน ผู้มีความจริงใจ และอบอุ่น เขามีอายุน้อยกว่าอีฮยอนซู 6 เขาและเธอรู้จักกันครั้งแรกบนโลกออนไลน์ และความสัมพันธ์ของพวกเขากลับไม่ดีและต่างคนต่างแยกย้ายกันไป จนกระทั่งพวกเขาได้มาพบกันอีกครั้งในชีวิตจริง และ พัคจองอู (รับบทโดย คิมแจอุค) นักธุรกิจหนุ่มที่เปิดร้านอาหารร่วมกันกับอนจองซอน ถึงแม้ว่าภายนอกเขาจะดูเย็นชา แต่ภายในเป็นคนอบอุ่น จีฮงอา (รับบทโดย โจโบอา) เธอเป็นเพื่อนสนิทและผู้ช่วยนักเขียนของอีฮยอนซู แต่ความสัมพันธ์ของเพื่อนกลับขุ่นเคือง เมื่อจีฮงอา รู้ว่า อนจองซอน ตกหลุมรัก อีฮยอนซู 9.ผู้ดูแลผู้ป่วยแผนกจิตเวช - It’s Okay to Not Be Okay (2020) เรื่องนี้นำเสนออาชีพที่น่าสนใจทั้ง 2 อาชีพเลย นั่นคือพระเอกของเราที่รับหน้าที่ผู้ดูแลผู้ป่วยแผนกจิตเวช กับนางเอกของเรื่องที่เป็นนักเขียนหนังสือนิทานเด็ก โดย It's Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจไม่ไหวอย่าฝืน บอกเล่าเรื่องราวของ มุนกังเท เจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยจิตเวช ที่อุทิศตัวเพื่อผู้อื่นและคอยดูแลพี่ชายที่ป่วยเป็นออทิสติก กับ โกมุนยอง นักเขียนหนังสือสำหรับเด็กชื่อดัง ที่มีนิสัยต่อต้านสังคม และเมื่อทั้งคู่มาเจอกัน การเยียวยาจิตใจที่แสนพิเศษก็เริ่มต้นขึ้น 10.นักโภชนาการอาหาร - My Secret Romance (2017) เรื่องราวของนักโภชนาการสาวที่ต้องมาหัวหมุนกับมหกรรมความชุลมุนจากเรื่องเข้าใจผิดระหว่างเธอและเจ้านายใหม่ระดับมหาเศรษฐี ที่เคยมีความสัมพันธ์แบบ One Night Stand มาก่อน เวลาผ่านไป 3 ปี ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง โดยนางเอกได้มาทำงานเป็นนักโภชนาการที่โรงอาหารของบริษัทพระเอก และทั้งคู่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกัน จากความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืนที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความรักที่มีความหมายมากขึ้น ซึ่งนักโภชนาการ (Nutritionist) คือ ผู้ที่จบการศึกษาด้านโภชนาการ และเป็นผู้มีความรู้ในการดูแลจัดบริการอาหารสำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาล และสามารถให้คำแนะนำโภชนาการทั่วไปได้ ความสำคัญของอาชีพนักโภชนาการอาหารคือ ดูแลโภชนาการของผู้ป่วยให้เหมาะสมกับสุขภาพร่างกาย ไม่จำกัดเพียงแค่ผู้ป่วยเท่านั้น ยังรวมถึงบุคคลทั่วไปที่ต้องการดูแลสุขภาพและบริโภคอาหารที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกายนั่นเอง 11.พนักงานบริษัททำความสะอาด - Clean with Passion for Now (2018) เรื่องราวความรักระหว่าง กิลโอซล (รับบทโดย คิมยูจอง) สาวน้อยมองโลกในแง่ดี ผู้มีนิสัยแปลกประหลาด และไม่สนใจเรื่องความสะอาดแม้แต่น้อย เนื่องจากทุ่มเทให้กับการทำงานจนหลงลืมเรื่องความสะอาดไปเสียสนิท กับ จางซอนคยอล (รับบทโดย ยุนคยุนซัง) CEO หนุ่มสุดหล่อ ฐานะดี เจ้าของบริษัท Cleaning Fairy ผู้เป็นโรคกลัวเชื้อโรคและสิ่งสกปรกรอบๆ ตัวเป็นที่สุด เขาจึงยกเรื่องความสะอาดให้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิต เมื่อเขาและเธอมาเจอกัน ความอลหม่านจึงบังเกิด ซึ่งตำแหน่ง CEO ย่อมาจากคำว่า Chief Executive Officer หมายถึง บุคคลที่มีอำนาจและความรับผิดชอบสูงสุดในองค์การหรือบริษัท ได้รับมอบอำนาจหน้าที่จากคณะกรรมการอำนวยการ หรือบอร์ดของบริษัท ให้มีอำนาจในการจัดการ ซึ่งรวมถึงการกำหนดนโยบาย การตัดสินใจ และการใช้อำนาจจัดการบริษัทอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื่องจากหัวหน้าฝ่ายบริหารดังกล่าวจะเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญที่จะทำให้บริษัท มีกำไร หรือขาดทุน มีความเจริญก้าวหน้าหรือความอยู่รอดขององค์การ ดังนั้นผู้ที่เป็น CEO จึงต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถสูง 12.นักวาดการ์ตูน - W (Two World) (2016) เรื่องราวของคนสองคนที่อยู่ในโลกที่แตกต่างกัน โอยอนจู (ฮันฮโยจู) ศัลยแพทย์ทรวงอกผู้มีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความจริง คังชอล (อีจงซอก) ผู้บริหารร่วมของ เจเอ็น โกลบอล บริษัทพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์ เขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกเสมือนที่ซึ่ง โอซองมู (คิมอึยซอง) ศิลปินเว็บตูนได้สร้างไว้ในเว็บของเขาเองที่ชื่อว่า ดับเบิลยู เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อยอนจูถูกดึงเข้าไปในโลกเสมือนและได้ช่วยชีวิตชอลเอาไว้ หลังจากเหตุการณ์นั้น เว็บตูนก็ดำเนินไปในรูปแบบที่ยอนจูพยายามช่วยเหลือคังชอล ขณะที่ซองมูพยายามที่จะฆ่าเขา 13.ทนายความ - Extraordinary Attorney Woo (2022) อูยองอู (รับบทโดย พัคอึนบิน) ทนายสาวที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ (Asperger’s Syndrome) หรือผู้ที่ขาดทักษะในการเข้าสังคม แต่ถูกทดแทนความฉลาด มีไอคิวสูงถึง 164 รวมไปถึงมีความทรงจำที่ยอดเยี่ยม และระบบความคิดที่สร้างสรรค์ โดยเธอเรียนจบด้วยคะแนนสูงสุดจากวิทยาลัยกฎหมายของมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล และต้องเผชิญอคติมากมาย แต่เธอไขคดีด้วยการใส่ใจในรายละเอียดและสังเกตเห็นช่องโหว่ทางกฎหมายที่คนอื่นมองไม่เห็น อูยองอู เริ่มทำงานเป็นทนายความฝึกหัดที่สำนักงานกฎหมายขนาดใหญ่ ฮันบาดา สำนักงานกฏหมายระดับแนวหน้าของเกาหลีใต้ ขณะทำงานที่นั่น เธอต้องเผชิญกับอคติและความไร้เหตุผลจากเพื่อนร่วมงานและลูกความที่มาว่าจ้างให้ทำคดี แต่เธอสามารถไขคดีด้วยมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอเอง และเติบโตในฐานะทนายความที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงความอยากรู้อยากเห็นของเธอในการลองเข้าสังคมกับคนอื่นด้วย 14.ตำรวจรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน - Voice (2017) เรื่องราวของตำรวจสืบสวนมากความสามารถ ผู้ไขคดีสำคัญมาแล้วมากมาย ทว่าหลังจากต้องสูญเสียภรรยาไปด้วยน้ำมือของฆาตกรต่อเนื่อง ชีวิตเขาก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ เนื่องจากรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องคนรักได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจร่วมมือกับ คังควอนจู ตำรวจน้องใหม่ ที่มีความสามารถด้านการวิเคราะห์เสียง เพื่อตามหาตัวฆาตกร ซึ่งเธอคนนี้ก็ถือเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องสูญเสียพ่อไปด้วยน้ำมือของฆาตกรเช่นเดียวกัน โดยซีรีส์นำเสนอเรื่องการทำงานของตำรวจที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นขั้นตอนการทำงานของศูนย์แจ้งเหตุที่คอยประสานงานให้กับตำรวจในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั่นเอง 15.ช่างแต่งหน้าเอฟเฟกต์ - My Absolute Boyfriend (2019) ซีรีส์แนวโรแมนติก-ดราม่า นำเสนออาชีพที่คอหนังหลายคนคุ้นเคยกันดี นั่นคือ ช่างแต่งหน้าเอฟเฟกต์ หรือเมคอัพสเปเชียล โดยซีรีส์บอกเล่าถึงเรื่องราวของช่างแต่งหน้าเอฟเฟกต์ฝีมือดี อึมดาด้า ที่แอบคบกับ มาวังจุน ซุปตาร์หนุ่มตัวท็อป ที่เริ่มเบื่อหน่ายกับความรักที่ต้องแอบซ่อน ทำให้รัก 7 ปีที่มีต้องหยุดลง กับ ซีโร่ไนน์ (Zero-Nine) หุ่นยนต์ปฏิบัติการเสมือนมนุษย์ ที่สร้างขึ้นมาโดยใช้โปรแกรมในการเป็นแฟนหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบ เมื่อความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน และรักเก่าอย่าง วังจุน ก็ดันอยากได้เธอคืน และเจ้าของดั้งเดิมของซีโร่ไนน์อย่าง ไดอานา ก็กลับมาตามหาตัวพวกเขาเพื่อเอาซีโร่ไนน์กลับไป 16.นักวิจัยอาหาร - Business Proposal (2022) ซีรีส์ยอดนิยมฮิตติดกระแสอยู่ในช่วง 2022 สำหรับ Business Proposal นำเสนอเรื่องราวของ ชินฮารี นักวิจัยอาหารประจำบริษัท จีโอฟู้ด (GOfood) ที่ต้องไปนัดบอดแทนเพื่อนสนิท แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายหนุ่มที่นัดบอดด้วยดันเป็น คังแทมู ประธานบริษัทของเธอเอง เรื่องราววุ่น ๆ ของความรักที่กว่าจะลงล็อกนั้นก็บันเทิงกันน่าดู นอกจากซีรีส์เรื่องนี้จะชวนฟินแล้ว ยังสอดแทรกเรื่องราวการทำงานของอาชีพนักวิจัยอาหาร หรือ ผู้ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอาหารเพื่อพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพของอาหาร เพื่อให้ปลอดภัย มีคุณภาพ คงมูลค่าทางโภชนาการ และมีรสชาติอร่อย โดยเราจะได้เห็นขั้นตอนบางส่วนของการพัฒนาผลิตอาหารสำเร็จรูปต่างๆ โดยมีนางเอกของเราเป็นผู้ทำการทดลองและคิดค้นสูตรอาหารใหม่ๆให้กับบริษัทอีกด้วย 17.นักออกแบบอักษร - More than Friends (2020) ซีรีส์เกาหลีโรแมนติก-คอมเมดี้ สายเฟรนด์โซนที่ใครเคยแอบรักเพื่อนจะต้องอินยิ่งกว่าเดิม กับเรื่องราวของ คยองอูยอน หญิงสาวที่อาชีพออกแบบตัวอักษร กับ อีซู หนุ่มช่างภาพที่ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่า คยองอูยอน แอบรักเพื่อนสนิทมากว่า 10 ปี แต่มีเรื่องของเฟรนด์โซนทำให้เธอไม่กล้าที่จะบอกความในใจออกไป ทั้งคู่ต่างแยกจากกันตั้งแต่เรียนจบ แต่วันหนึ่งโชคชะตาก็พาทั้งคู่กลับมาพบกันอีก ครั้งนี้ คยองอูยอน จะกล้าทำลายกำแพงเฟรนด์โซน แล้วพัฒนาความรักกับเพื่อนสนิทอย่าง อีซู ได้หรือไม่ ต้องรอให้เราผู้ชมเข้าไปเอาใจช่วยนางเอกของเราในซีรีส์เกาหลีกันแล้วล่ะ ซึ่งนักออกแบบตัวอักษร หรือ type designer คือเป็นคนที่ทำงานออกแบบตัวอักษร และครอบคลุมไปถึงการออกแบบโลโก้ที่เป็นตัวอักษร การออกแบบฟอนต์ และรวมถึงการออกแบบ lettering คือเป็นการออกแบบครบวงจรทุกอย่างเกี่ยวกับตัวอักษร กระทั่งการแก้ไขตัวอักษรที่มันควรจะได้รับการซ่อมแซม เช่นการรีแบรนด์ โลโก้ยังต้องมีรีแบรนด์ ตัวอักษรก็มี treatment ของเค้าด้วย ซึ่งต้องมีทักษะในการออกแบบ และทักษะในการพิสูจน์อักษร จะเห็นได้ว่า ยังมีอีกหลากหลายอาชีพจากในซี่รี่ส์ที่หลายคนอาจไม่ค่อยรู้จัก แต่ก็เป็นอาชีพที่ทรงคุณค่า น่าทำ และมีอยู่บนโลกนี้จริงๆ เพราะฉะนั้น ก่อนจะเริ่มลงลึกในสายอาชีพใดๆก็ตาม ควรศึกษาให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ เพื่อการเลือกสาขาอาชีพที่ต้องต่อเป้าหมายและความต้องการในชีวิตการงานระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือหากยังไม่แน่ใจ สามารถเข้ามาศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับทั้งในด้านการหางานที่ใช่ หรือวิธีการพัฒนาตัวเองให้ตรงตามเป้าหมายชีวิตการงาน ได้ที่ Career Portal อ้างอิง: movie.kapook library.wu.ac.th krungsri sanook korseries

    Career
    K-series
    Korean Series
    Feb 13, 2025
    3 min
    Thumbnail for เลิกงานกินไรดี มัดรวม 6 ร้านปิ้งย่างแถวสยามเอาใจมนุษย์ออฟฟิศ
    Wellbeing

    เลิกงานกินไรดี มัดรวม 6 ร้านปิ้งย่างแถวสยามเอาใจมนุษย์ออฟฟิศ

    เลิกงานกินไรดี หรือ กินอะไรดี เป็นคำถามฮอตฮิตในหมู่คนที่เมื่อถามแล้วก็ไม่มีใครตอบได้เลย โดยวันนี้เรา Jobcadu ได้มัดรวมร้านอาหารปิ้งย่างแถวสยาม ที่กินเที่ยงก็ได้กินเลี้ยงก็ดีมาฝากชาวมนุษย์ออฟฟิศย่านสยามกัน ซึ่งจะมีร้านไหนบ้าง มาดูกันเลย 1. ร้าน Hongdae Buffet ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีบาร์บิคิว โดนใจสายกิมจิและเครื่องเคียงต่างๆ บอกเลยว่าจุใจหรือจะสายข้าวบิบิมบับก็ไม่ผิดหวัง เหมือนไปอีทที่เกาหลีแน่นอน (ขอบคุณภาพจาก readme.me) Location: Siam Square One โซน Summer ชั้น 5 Map: https://maps.app.goo.gl/QkHNFKRZ7KdfzbB37 เพจร้าน: https://www.facebook.com/hongdaebuffet/?locale=th_TH เบอร์โทร: 064 165 7175 2.ร้าน Nice Two Meat U สายเนื้อเลิ้ฟเว่อร์ พร้อมบรรยากาศร้านสไตล์เกาหลี ของทานเล่นก็มีให้เลือกมากมาย นอกจากเนื้อแล้วเมนูจับแชกับหมูบุลโกกิก็ต้องห้ามพลาด! (ขอบคุณภาพจาก BKKMENU) Location: Siam Square ซอย 3 Map: https://maps.app.goo.gl/6wYyXhP4YDyXincT6 เพจร้าน: https://www.facebook.com/nicetwomeatuthailand/?locale=th_TH เบอร์โทร: 093 111 8606 3.ร้าน Cheese Owl บุฟเฟต์ปิ้งย่างหม้อไฟสไตล์เกาหลีสายชีสยืดด ต้องมาโดน! ทีเด็ดอยู่ที่เมนูแซลมอน ไม่ว่าจะดองหรือยำ บอกเลยว่าจึ้ง ต้องลอง! (ขอบคุณภาพจาก Pantip) Location: Siam Square One ชั้น 5 Map: https://maps.app.goo.gl/zTknyBAymLWDREar8 เพจร้าน: https://www.facebook.com/cheeseowl/?locale=th_TH เบอร์โทร: 091 698 8570 4.ร้าน Palsaik korean bbq รวมปิ้งย่างและเมนูอาหารเกาหลีต่างๆสุดปัง อิมพอตโดยตรงจากเกาหลีใต้แท้ๆแบบออริจินอลมาเอง บอกเลยว่า ใครอยากลองลิ้มรสอาหารเกาหลีแท้ๆ ต้องมาลองแล้ว! (ขอบคุณภาพจาก Chillpainai) Location: Siam Center ชั้น 4 Map: https://maps.app.goo.gl/kigfiFjky7UcrVe96 เพจร้าน: https://www.facebook.com/palsaikthailand/?locale=th_TH เบอร์โทร: 02 001 5568 5.ร้าน นักล่าหมูกระทะ (สาขาใหม่) เป็นร้านที่กระแสมาแรงและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดในช่วงนี้! กับร้านนี้ นักล่าหมูกระทะ ปิ้งย่างสไตล์คนไทย ที่สามารถตักเครื่องเคียง ผัก และ น้ำจิ้มได้ไม่อั้น! แถมมีเซตหมูหรือเนื้อให้เลือกแต่ละไซส์ คุ้มสุดๆ! (ขอบคุณภาพจาก Wongnai) Location: Siam Square One ชั้น 4 Map: https://maps.app.goo.gl/et7kRXcTeTQX4jvm9 เพจร้าน: https://www.facebook.com/Naklamookata เบอร์โทร: 063 210 4169

    ปิ้งย่างกรุงเทพ
    ร้านปิ้งย่าง
    Feb 13, 2025
    1 min
    Thumbnail for ซื้ออะไรให้แฟนดี รวม 25 ไอเดียของขวัญวันวาเลนไทน์ฉบับมนุษย์ออฟฟิศ
    Wellbeing

    ซื้ออะไรให้แฟนดี รวม 25 ไอเดียของขวัญวันวาเลนไทน์ฉบับมนุษย์ออฟฟิศ

    รวม 25 ไอเดียของขวัญวันวาเลนไทน์ให้แฟน ฉบับมนุษย์เงินเดือน เทศกาลแห่งความรักใกล้เข้ามาแล้ว การให้ของขวัญก็เป็นการแสดงความรักและเป็นการเติมความหวานให้ชีวิตคู่ แต่หลาย ๆ คู่รักในวัยทำงานอาจจะยังไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้แฟนเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์นี้ดี วันนี้ Jobcadu ได้รวบรวม 25 ไอเดียของขวัญ ที่ไม่เกินงบมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ และน่ารักถูกใจคุณแฟนแน่นอน 1.เทียนหอม หรือ ก้านหอม: ไอเทมเหล่านี้จะช่วยสร้างบรรยากาศในห้องให้เป็นกลิ่นหอมหรือจะเลือกกลิ่นที่แฟนของคุณถูกใจ รับรองว่ากลับมาเหนื่อย ๆ จากการทำงาน ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแน่นอน 2.สกินแคร์บำรุงผิว: แสดงความเป็นห่วงเป็นใยคุณแฟนด้วยสกินแคร์คุณภาพดีไม่ว่าจะเป็นครีมกันแดด แผ่นมาร์คหน้า หรือน้ำตบบำรุงผิวหน้า บอกเลยว่าถูกใจสายดูแลตัวเองสุด ๆ และใช้ได้ทั้งชายทั้งหญิงอีกด้วย 3.กระเป๋าสตางค์: พรีเมี่ยมขึ้นมาอีกหน่อย ด้วยกระเป๋าตังค์คุณภาพดี ซื้อไว้ให้คุณแฟนได้ใช้ใส่เงินและบัตรเดินทาง บัตรโดยสาร บัตร MRT บัตรรถเมล์ต่างๆ ไปยาวๆ มีประโยชน์มาก! 4.รองเท้าผ้าใบ: บอกลาอาการปวดเท้า ด้วยการเลือกรองเท้าดี ๆ สักคู่ให้แฟน ไม่ว่าจะใช้เดินใช้วิ่ง ใช้ออกกำลังกาย ก็เหมาะกับมนุษย์ออฟฟิศแบบเรา รับรองเลยว่าแฟนคุณต้องเลิ้ฟชัวร์! 5.เครื่องประดับ (สร้อยคอ, แหวน, กำไลข้อมือ หรือ ต่างหู): เป็นหนึ่งในของขวัญยอดฮิตที่หลายคนซื้อให้เป็นของขวัญวาเลนไทน์ให้แฟน สำหรับสายรักสวยรักงาม ต้องจัด! 6.อาร์ตทอย: เป็นที่ฮอตฮิตมากช่วงนี้! นักสะสมป๊อปมาร์ทตัวยงห้ามพลาด!นี่คือโอกาสทำคะแนนให้แฟนรักแฟนหลงได้ดีที่สุด เหมาหมดเซตเปย์ให้สุดแล้วหยุดที่มาม่าในสิ้นเดือน 7.อุปกรณ์คอมพิวเตอร์: สายเกมหรือสาย Gadget ต้องเจอหน่อย! อาจจะเป็นหูฟัง คีย์บอร์ด หรือ Gadget ดี ๆ สักชิ้นให้คุณแฟนชื่นใจต้อนรับวาเลนไทน์นี้กันไปเลย 8.เครื่องชงกาแฟ: สำหรับคนตื่นเช้า อยากมีงานอดิเรกเพิ่มต้องมอบ/ให้(เลือก)ของขวัญเป็นเครื่องชงกาแฟเลย ให้คุณแฟนชงพร้อมดื่มเติมพลังด้วยคาเฟอีนตอนเช้าก่อน(สู้กับวันที่แสนเหนื่อยล้า แต่ก็ยังเป็นพลังใจให้กันนะ) 9.อุปกรณ์ Ergonomic: สายออฟฟิศอย่างเรา ๆ หลายคนน่าจะอยากได้กันมากเพราะอุปกรณ์เหล่านี้ เช่น เก้าอี้ทำงาน เมาส์สุขภาพ หรือ ขาตั้งโน๊ตบุ๊ค เป็นต้น บอกเลยว่าโดนใจสุดๆ ได้ใช้คุ้มแน่นอน! 10.น้ำหอม: ของขวัญสไตล์สายหอม ชอบฉีดน้ำหอมแบบมีเทส ต้องตั้งใจเลือกให้เป็นของขวัญชิ้นโปรดเลยล่ะ! เหมาะสำหรับทั้งชายและหญิงอีกด้วย 11.นาฬิกาข้อมือ: บอกเลยว่า ของขวัญชนิดนี้ มีให้เลือกหลายแนวมากไม่ว่าจะเป็นสไตล์น่ารักๆ งบไม่แรงกำลังดี หรือจะเป็นแนวหรูหราสไตล์ลูกคุณหนูไปเลยก็ย่อมได้ ถือเป็นไอเดียของขวัญที่เปิดกว้างให้การเลือกซื้อมากๆ 12.คอร์สเสริมความงาม: สำหรับสายรักสวยรักงาม เข้าคลินิกทำสวยเป็นประจำ ต้องของขวัญแนวนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นคอร์สฉีดหน้า เติมฟิลเลอร์หรือร้อยไหมบอกเลยว่าโดนใจสายหัตถการสุดๆ 13.ช่อดอกไม้/ต้นไม้ขนาดเล็ก: สายธรรมชาติต้องถูกใจ เพราะได้ทั้งเพื่อประดับตกแต่งหรือเพื่อให้นำมาปลูกต่อให้สวยงาม ก็ยังสร้างบรรยากาศร่มรื่นให้พื้นที่นั้น ๆ ด้วย สายรักต้นไม้ หรือชอบดอกไม้ต้องการสิ่งนี้ เลิ้ฟเลย! 14.บัตรคอนเสิร์ต/ตั๋วท่องเที่ยว: สายดนตรี ดูคอนเสิร์ต หรือ ชอบเที่ยว ต้องจัดตั๋วคู่แล้วล่ะได้ใช้โมเมนต์ทำในสิ่งที่ชอบด้วยกัน ใช้เวลาร่วมกัน ฟินสุดๆ! 15.เซ็ตTravel Kit เอาใจสายเที่ยว: สาย Adventure บู๊ ๆลุย ๆ ชอบเที่ยวเขา เดินป่าหรือกิจกรรม extreme ต้องอุปกรณ์ Travel Kit เลย คุณแฟนได้เอาไปใช้แน่นอน! 16.กระติกน้ำเก็บความเย็น: กระติกน้ำดี ๆ สักอันให้คุณแฟนไว้ไปใส่กาแฟนั่งดื่มที่บริษัททุกเช้าก็ไม่เลว แถมพกพาสะดวกสุด ๆอีกทั้งยังช่วยฝึกนิสัยการดื่มน้ำด้วยนะ 17.หูฟังไร้สาย: สำหรับคุณแฟนเทสดี มีเสียงดนตรีในหัวใจ หูฟังคุณภาพดีๆสักตัวใส่ฟังเพลงหรือใส่ประชุมงานก็ได้นะ เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ของขวัญวันวาเลนไทน์ได้ดีที่สุดเลยล่ะ 18.ไดร์เป่าผม: ของใช้เก๋ๆอย่างไดร์เป่าผมก็เริ่ด แนะนำว่าอาจจะซื้อให้สำหรับคุณแฟนที่ยังไม่มี หรือมีที่ใช้นานแล้วแค่ตัวเดียว อาจจะไม่เหมาะกับสายเสริมสวยที่มีไดร์เยอะๆอยู่แล้ว เพราะซื้อให้ไปอาจจะเป็นการไปเพิ่มภาระ เพราะจากของเดิมที่มีใช้ก็เยอะมากอยู่แล้ว 19.เคสโทรศัพท์: อันนี้ก็เจ๋ง แถมคนสมัยนี้ก็ฮิตการซื้อเคสคู่กัน เพราะน่ารักแทนใจสุดๆ แต่เล็งๆรุ่นโทรศัพท์ของคุณแฟนให้ดี ถ้าซื้อผิดรุ่นมาคุณแฟนอาจจะงอนได้ 20.ปากกาสลักชื่อ: สำหรับลุคประธานบริษัทที่แทร่! ต้องปากกาพรีเมียม สลักชื่อคุณแฟนเก๋ๆ ใครมีแฟนทำงานประเภทเขียนหรือเซนต์บ่อยๆต้องจัดแล้ว! 21.พาวเวอร์แบงค์: บอกเลยว่า จำเป็นมากในยุคนี้ เวลาไปไหนมาไหนสะดวกสบาย ไม่กลัวโทรศัพท์แบตหมด เพราะมีพาวเวอร์แบงค์เริ่ดๆสักอันเป็นของขวัญที่มีประโยชน์มากๆอย่างหนึ่งเลยล่ะ 22.กล้องโพลาลอย/กล้องฟิล์ม/กล้องดิจิทัล: แฟนใครมีเทสเล่นกล้อง สายฟิล์มหรือช่างภาพท่านหนึ่ง ต้องจัดกล้องเลย น่ารักสุดๆ 23.สัตว์เลี้ยง: สายน้องหมาน้องแมวเลิ้ฟเวอร์ต้องจัด! วันแห่งความรักควรมีไอ้ต้าวตัวเล็กไว้คอยฮีลใจเราในทุกวันก็ไม่เลว! 24.ตั๋วหนัง vip: แฟนใครชอบดูหนัง ได้เวลาทวงโมเมนต์ จัดตั๋วหนังคู่ดีๆสักเรื่อง รับรองว่า เป็นโมเมนต์วาเลนไทน์ที่ดีต่อใจแน่นอน 25.ของขวัญแฮนด์เมด: เป็นของขวัญที่ต้องใช้แรงและเวลาทุ่มทุนทำที่สุด แต่ให้คุณค่าทางใจได้ดีที่สุดเช่นกัน ไม่ว่าจะเขียนการ์ด ประดิษฐ์ของเล่นหรือของใช้แฮนด์เมดให้คุณแฟนก็เป็นอะไรที่น่ารักและซาบซึ้งใจมากเลยทีเดียว บอกเลยว่า จะเป็นวาเลนไทน์ที่น่าจดจำไปตลอดเลยล่ะ! สำหรับใครที่ตอนนี้กำลังวุ่นกับการเตรียมของขวัญวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี่ให้คุณแฟนอยู่ลองเอาไอเดียเหล่านี้ไปปรับใช้ได้นะ อ้างอิงจากลักษณะนิสัยและความชอบของแฟนคุณเองหรือถ้าสนใจบทความดีๆ หรือหาแรงบันดาลใจฉบับมนุษย์ออฟฟิศ ก็มาดูได้ที่ Career Portal อ้างอิง photobook ktc thestreetratchada loveyouflower

    ของขวัญวันวาเลนไทน์
    ไอเดียของขวัญให้เเฟน
    ของขวัญให้เเฟน
    Feb 13, 2025
    1 min
    Thumbnail for Career Path คืออะไร ทำไมในการทำงานทุกคนต้องให้ความสำคัญ
    Wellbeing

    Career Path คืออะไร ทำไมในการทำงานทุกคนต้องให้ความสำคัญ

    Career Path คือเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพของเรา ซึ่งหมายถึงลำดับขั้นของตำแหน่งงานที่สามารถพัฒนาไปได้ในอนาคต การมี Career Path ที่ชัดเจนช่วยให้เรารู้ทิศทางการเติบโตของตัวเอง และสามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นเพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นได้อย่างมีเป้าหมายได้อีกด้วย Career Path มีกี่แบบ Career Path สามารถแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและอุตสาหกรรมที่เราอยู่ โดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้: Vertical Career Path (เส้นทางแนวดิ่ง) เป็นการเติบโตในสายอาชีพเดิม โดยเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเรื่อย ๆ เช่น จากเจ้าหน้าที่ → หัวหน้า → ผู้จัดการ → ผู้บริหาร Horizontal Career Path (เส้นทางแนวขวาง) เป็นการเปลี่ยนไปทำงานในตำแหน่งที่แตกต่างกันภายในองค์กรหรืออุตสาหกรรมเดียวกัน เช่น จากฝ่ายการตลาดไปฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Diagonal Career Path (เส้นทางแนวทแยง) เป็นการเติบโตที่รวมทั้งการเปลี่ยนสายงานและการเลื่อนตำแหน่ง เช่น การย้ายจากสายงาน HR ไปเป็นผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ ยกตัวอย่าง Career Path เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ลองดูตัวอย่าง Career Path ของสายงานต่าง ๆ: สายงานไอที (IT Career Path) - Junior Developer → Senior Developer → Tech Lead → CTO สายงานการตลาด (Marketing Career Path) - Marketing Executive → Senior Marketing Executive → Marketing Manager → Marketing Director สายงานทรัพยากรบุคคล (HR Career Path) - HR Officer → HR Supervisor → HR Manager → HR Director การออกแบบเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง การวางแผน Career Path ที่มีประสิทธิภาพต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้: เป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว – เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการไปถึงจุดไหนภายในระยะเวลาเท่าใด ทักษะและความสามารถที่จำเป็น – ต้องวิเคราะห์ว่าตำแหน่งงานในอนาคตต้องการทักษะอะไร และพัฒนาให้เหมาะสม โอกาสในตลาดแรงงาน – ศึกษาว่าตลาดงานปัจจุบันและอนาคตมีแนวโน้มอย่างไร เพื่อเลือก Career Path ที่มีโอกาสเติบโต การเรียนรู้และพัฒนา – วางแผนเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น อบรมหลักสูตรเฉพาะทาง หรือศึกษาต่อเพื่อเพิ่มศักยภาพ ความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว – ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเครียดหรือหมดไฟ การสร้างเครือข่ายทางอาชีพ – การมีคอนเนคชั่นที่ดีในสายงานช่วยเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในอนาคต การปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง – เทคโนโลยีและตลาดงานเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราต้องเรียนรู้และพัฒนาให้ทันสมัยเสมอ ทำไม Career Path ถึงสำคัญในการทำงาน ช่วยให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน – เรารู้ว่าควรพัฒนาทักษะอะไรเพื่อไปให้ถึงตำแหน่งที่ต้องการ สร้างแรงจูงใจในการทำงาน – เมื่อมีเป้าหมายที่แน่นอน เราจะมีความกระตือรือร้นมากขึ้น ช่วยในการวางแผนพัฒนาตนเอง – เราสามารถเลือกอบรมหรือเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นล่วงหน้า เพิ่มโอกาสในการเติบโต – องค์กรให้ความสำคัญกับพนักงานที่มีแนวทางการพัฒนาอาชีพที่ชัดเจน ทำให้การตัดสินใจในการเปลี่ยนงานง่ายขึ้น – หากต้องการย้ายงาน การมี Career Path ที่ชัดเจนจะช่วยให้เลือกตำแหน่งที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงในการทำงานที่ไม่มีความก้าวหน้า – การมีแผนที่ดีช่วยลดโอกาสที่เราจะติดอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เติบโต การมี Career Path เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรามีทิศทางในการทำงานที่ชัดเจนขึ้น และทำให้การเติบโตในสายอาชีพเป็นไปอย่างมีแบบแผน Jobcadu เข้าใจถึงความสำคัญของการวางแผนสายอาชีพ เราจึงมีทั้ง Job Portal สำหรับค้นหางานที่เหมาะสม Career Advice ที่ช่วยแนะแนวทางการเติบโต และ Education Portal สำหรับพัฒนาทักษะเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ เข้ามาเริ่มต้นวางแผนเส้นทางอาชีพของตัวเองได้ที่ Jobcadu!

    careerpath
    เส้นทางอาชีพนักวิเคราะห์การลงทุน
    Feb 3, 2025
    1 min
    Thumbnail for 11 วิธีแก้ง่วง เมื่อรู้สึกง่วงในที่ทำงาน ทำแล้วหายง่วงแน่นอน!
    Wellbeing

    11 วิธีแก้ง่วง เมื่อรู้สึกง่วงในที่ทำงาน ทำแล้วหายง่วงแน่นอน!

    เชื่อว่าหลายคนเคยเจอปัญหาง่วงนอนระหว่างทำงาน อาการง่วงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้สมองตื้อ คิดงานไม่ออก วันนี้เรามีวิธีแก้ง่วงแบบฉบับมนุษย์ออฟฟิศที่ช่วยให้คุณตื่นตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สาเหตุที่ทำให้เราง่วงนอนในที่ทำงาน ก่อนที่เราจะไปถึงวิธีแก้ไขปัญหานั้น ลองมาดูสาเหตุที่ทำให้เราง่วงนอนกันก่อนดีกว่า อาจจะมีอะไรที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เช่น นอนไม่พอ: การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอในช่วงกลางคืนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรารู้สึกง่วงนอนในระหว่างวัน อาหาร: การรับประทานอาหารมื้อหนัก หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูงในมื้อกลางวัน อาจทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าและง่วงนอน สภาพแวดล้อม: อุณหภูมิในห้องที่เย็นเกินไป หรือแสงสว่างที่ไม่เพียงพอ ความเครียด: ความเครียดสะสมอาจส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ และทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา 11 วิธีแก้ง่วง เมื่อรู้สึกง่วง 1. ล้างหน้า เพื่อให้สดชื่นขึ้น น้ำเย็นช่วยกระตุ้นระบบประสาทและทำให้ร่างกายตื่นตัว หากรู้สึกง่วงมาก ๆ การลุกไปล้างหน้าจะช่วยให้สดชื่นขึ้นทันที น้ำเย็น ๆ จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทและการไหลเวียนของเลือด ทำให้สมองตื่นตัวขึ้น นอกจากนี้ การเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการลุกเดินไปห้องน้ำก็ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วย 2. กินลูกอมหรือเคี้ยวหมากฝรั่ง ลูกอมรสมินต์หรือรสเปรี้ยว เช่น มะนาว ส้ม หรือองุ่น สามารถช่วยกระตุ้นความตื่นตัวได้ดี เพราะรสชาติที่สดชื่นจะช่วยปลุกประสาทสัมผัส และถ้าเป็นลูกอมรสเปรี้ยว ก็จะช่วยให้ร่างกายตื่นตัวได้เร็วขึ้น หมากฝรั่งก็ช่วยได้ 3. เปลี่ยนอริยาบท การนั่งในท่าเดิมนาน ๆ อาจทำให้ร่างกายเกิดความเมื่อยล้าและง่วงนอนได้ ลองเปลี่ยนท่านั่งให้หลังตรงขึ้น หรือขยับเก้าอี้ให้ห่างจากโต๊ะเล็กน้อย เพื่อให้ร่างกายต้องใช้แรงพยุงตัวเองมากขึ้น วิธีนี้จะช่วยลดอาการง่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. นอนหลับให้เพียงพอ ต้นตอหลักของอาการง่วงมักมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ควรเข้านอนให้เร็วขึ้นและนอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง เเละลดอาการง่วงระหว่างวัน 5. ออกกำลังกายก่อนนอน การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับสนิทและตื่นมาอย่างสดชื่นในเช้าวันถัดไป แนะนำให้ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น โยคะ ฮูลาฮูป ออกกำลังกายสั้น ๆ เบา ๆ ตามคลิปในยูทูบ หรือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนนอน ก็ช่วยให้เราหลับง่ายขึ้นอีกด้วย 6. การเลือกอาหารการกิน หลีกเลี่ยงอาหารมัน ๆ หนักท้อง และควรทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะการทานอาหารมากเกินไปจะทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยมาก ส่งผลให้ง่วงได้ ควรเลือกอาหารที่ให้พลังงานสูงแต่ไม่หนักท้องเกินไป เช่น ถั่ว ธัญพืช หรือผลไม้ 7. ลดของหวาน น้ำตาลทำให้ร่างกายมีพลังงานพุ่งสูงขึ้นเร็วก็จริง แต่หลังจากนั้นจะเกิดภาวะพลังงานตกฮวบ ทำให้รู้สึกง่วงมากขึ้นกว่าเดิม แนะนำให้ลดการบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำชง หรือขนมหวานต่าง ๆ 8. ฟังเพลงเพื่อให้ร่างกายตื่นตัว เสียงเพลงสามารถกระตุ้นสมองให้ตื่นตัวได้ โดยเฉพาะเพลงที่มีจังหวะเร็ว เช่น เพลงแนว EDM, Hiphop หรือ Rock จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้น 9. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น และภาวะขาดน้ำก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียได้ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ก็จะช่วยให้หายง่วงและสุขภาพดีขึ้นได้ 10.หางานอดิเรกทำระหว่างพัก ลองหากิจกรรมเบา ๆ ทำในช่วงพัก เช่น เดินเล่น พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน หรือทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ จะช่วยให้สมองตื่นตัวและลดความง่วง 11. ใช้น้ำมันหอมระเหย กลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหย เช่น กลิ่นเปปเปอร์มินต์ หรือยูคาลิปตัส สามารถช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัวได้ ลองหยดน้ำมันหอมระเหยลงบนกระดาษทิชชู่หรือผสมในน้ำแล้วฉีดพรมบริเวณโต๊ะทำงานก็ช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้ ความง่วงนอนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เราสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น การนอนหลับให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังกายเป็นประจำ คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นและมีพลังงานตลอดทั้งวัน หากยังคงรู้สึกง่วงนอนบ่อย ๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ หากเราปล่อยให้ตัวเองง่วงจนหลับในที่ทำงาน อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และประสิทธิภาพการทำงานของเรา ลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้กันดู รับรองว่าอาการง่วงจะค่อย ๆ หายไปอย่างแน่นอน หากบทความนี้น่าสนใจ ใครที่อยากอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจสำหรับมนุษย์ออฟฟิศ ก็สามารถอ่านต่อได้ที่ Career

    ชีวิตคนทำงาน
    Workplace
    Officeworker
    Jan 30, 2025
    1 min
    Thumbnail for ซีรีส์จีน 2025 ที่ต้องดู! สนุก ฟิน และได้เรียนรู้ทักษะอาชีพจากตัวละครสุดฮิต
    Wellbeing

    ซีรีส์จีน 2025 ที่ต้องดู! สนุก ฟิน และได้เรียนรู้ทักษะอาชีพจากตัวละครสุดฮิต

    มาถึงปี 2025 นี้มีซีรีส์จีนแนวโรแมนติก คอมเมดี้ และดราม่าสุดเข้มข้นที่ไม่ควรพลาด! แต่ละเรื่องยังสะท้อนถึงเส้นทางอาชีพที่หลากหลาย ตั้งแต่นักข่าวสายเศรษฐกิจ นักกฎหมาย นักลงทุน ไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์! มาดูกันว่าซีรีส์จีนที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง พร้อมเรียนรู้แนวทางอาชีพไปพร้อมกัน 📺✨ 1. Only for Love 📝 เรื่องย่อ สร้างจากนิยายออนไลน์ชื่อดัง Accidental Love ของ เชี่ยวเหยา เรื่องราวของ หญิงสาวนักข่าวสายเศรษฐกิจ ที่มุ่งมั่นหาประเด็นเด็ดมาลงสื่อให้ได้เสมอ เป้าหมายใหญ่ของเธอคือการสัมภาษณ์นักธุรกิจหนุ่มสุดฮอต! แต่ใครจะรู้ว่าความรักจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากการพบกันครั้งนั้น... 💼 เรียนรู้อาชีพจากซีรีส์นี้: นักข่าวสายเศรษฐกิจ 📊 คอลัมนิสต์การเงิน ✍ นักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร 🏢 🎭 แนว: โรแมนติก, ดราม่า 🎬 นักแสดง: Dylan Wang, Bai Lu, Miles Wei, Shen Yu Jie 📺 ดูที่: TrueID 2. My Boss 📝 เรื่องย่อ เรื่องราวสุดฟินของ เจ้านายสุดเข้มกับพนักงานสาวในสำนักงานกฎหมาย ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากความขัดแย้งจะพัฒนาไปเป็นความรักได้อย่างไร ต้องติดตาม! 💼 เรียนรู้อาชีพจากซีรีส์นี้: ทนายความ ⚖️ ผู้ช่วยทนาย 👩‍💼 ที่ปรึกษากฎหมาย 📝 🎭 แนว: กฎหมาย, โรแมนติก, คอมเมดี้ 🎬 นักแสดง: ฉินซิงซวี่, จางรั่วหนาน, เฉินเสี่ยวอวิ๋น 📺 ดูที่: Viu 3. South Wind Knows My Mood 📝 เรื่องย่อ ซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ นักพฤกษศาสตร์และเจ้าหน้าที่แพทย์ ที่เดินทางไปพื้นที่ทุรกันดารเพื่อตามหาสมุนไพรที่มีคุณสมบัติทางการแพทย์ เรื่องราวของพวกเขาจะพาทั้งความฟินและดราม่ามาให้ได้ติดตามกัน! 💼 เรียนรู้อาชีพจากซีรีส์นี้: นักวิจัยสมุนไพร 🌿 นักวิทยาศาสตร์ด้านชีวภาพ 🧪 เจ้าหน้าที่แพทย์ภาคสนาม 🚑 🎭 แนว: โรแมนติก, ดราม่า 🎬 นักแสดง: เฉิงอี้, จางอวี่ซี 📺 ดูที่: YOUKU 4. Master of My Own 📝 เรื่องย่อ ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของ ฮงจิ่ว เล่าเรื่องราวของ หญิงสาวที่มีความฝันอยากเป็นนักลงทุน แต่ชีวิตจริงเธอกลับทำงานที่ห่างไกลจากฝัน และต้องเผชิญกับเจ้านายที่ไม่คิดว่าเธอจะทำได้ วันหนึ่งเธอตัดสินใจลาออกเพื่อพิสูจน์ตัวเอง! 💼 เรียนรู้อาชีพจากซีรีส์นี้: นักลงทุน 💰 ผู้จัดการกองทุน 📈 นักวิเคราะห์ตลาดการเงิน 🏦 🎭 แนว: โรแมนติก, คอมเมดี้ 🎬 นักแสดง: ถานซงอวิ้น, หลินเกิงซิน 📺 ดูที่: YOUKU 5. Broker (ลวงรักเล่ห์จารชน) 📝 เรื่องย่อ ซีรีส์จีนแนวแอคชั่น-การเมืองที่บอกเล่าเรื่องราวของ นักวิทยาศาสตร์หญิงผู้ทำวิจัยระดับประเทศ และ หนุ่มนักวิจัยอัจฉริยะ ที่ต้องมาทำงานร่วมกันในโปรเจกต์ลับสุดยอด ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปท่ามกลางแรงกดดันและภารกิจเสี่ยงตาย! 💼 เรียนรู้อาชีพจากซีรีส์นี้: นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ 🔬 นักวิเคราะห์ข้อมูลความมั่นคง 🔍 ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายและความปลอดภัยภาครัฐ 🏛️ 🎭 แนว: แอคชั่น, การเมือง 🎬 นักแสดง: Victoria Song, Luo Yun Xi 📺 ดูที่: iQIYI

    Jan 30, 2025
    1 min
    Thumbnail for รวม 6 คลิปแนะนำทริคการเก็บเงินสำหรับวัยเริ่มทำงาน แบบใช้ได้จริงในยุคปัจจุบัน 2025!
    Wellbeing

    รวม 6 คลิปแนะนำทริคการเก็บเงินสำหรับวัยเริ่มทำงาน แบบใช้ได้จริงในยุคปัจจุบัน 2025!

    ก้าวเข้าสู่ปี 2025 อย่างเป็นทางการ หลาย ๆ คนอาจจะตั้งเป้าหมายที่จะเริ่มเก็บเงินแสนให้ได้ในปีนี้ แต่ยังคงไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร หรือบางทีอาจจะมีความไม่มั่นใจหรือกลัวว่าถ้าเริ่มต้นเก็บจริง ๆ แล้ว จะสามารถทำไปได้ตลอดรอดฝั่งได้ไหม ไม่อยากผิดหวังกับการตั้งเป้าหมายแล้วทำไม่ได้สักที ดังนั้นเราจึงทำซีรี่ส์รวมคลิปแนะนำเรื่องวิธีคิดและวิธีการเก็บเงินที่สามารถทำได้จริงในระยะยาวให้บรรลุ เป้าหมาย รวมทั้งทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองที่สามารถทำตามเป้าหมายให้เป็นจริงได้อีกด้วย แชร์วิธีเก็บเงินเก่งขึ้น เยอะขึ้น สร้างวินัยทางการเงินแบบขั้นเทพ (ง่ายกว่าที่คิด) by Nack Siwakorn คุณแน็กจำแนกองค์ประกอบความรวยออกเป็น 3 อย่างคร่าว ๆ คือ ความสามารถ วินัย และ ความรู้ทางการเงิน และแบ่งวิธีการสู่หนทางความมั่งคั่งได้ 7 ข้อด้วยกัน 1. ออมก่อนใช้: สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเก็บเงินไม่อยู่คือการใช้ก่อนออม เหลือเท่าไรค่อยนำไปเก็บออม แต่เรามักจะพบว่าเราใช้ไม่เคยเหลือเลย เพราะเรามักจะคำนวนค่าใช้จ่ายแบบคละกันให้หมดพอดีตลอดเดือนอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ซ้ำร้าย หากยิ่งไม่ได้ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่ชัดเจน ก็อาจทำให้เราเสียเงินที่เรามองไม่เห็นไปกับปัจจัยฟุ่มเฟือยมากกว่าที่เราคิด สุดท้ายก็วนมาที่ไม่เหลือเก็บปลายเดือน ใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือนจนเป็นนิสัยที่ไม่ปลอดภัยในระยะยาวในที่สุด ดังนั้น หลังจากได้รับเงินเดือน ให้แบ่งไปออมก่อน เริ่มจาก 10% ของเงินเดือน จากนั้นค่อยนำที่เหลือไปใช้ แล้วค่อย ๆ ขยายเพดานการออมไปเรื่อย ๆ ในจุดที่เรารับไหว 2. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายทุกเดือน: การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่ละเอียด ทำให้เรามองเห็นได้มากขึ้นว่าแต่ละวัน แต่ละเดือนเราใช้เงินไปกี่บาท สามารถประหยัดสิ่งที่ไม่จำเป็นได้มากขึ้น มองเห็นหนที่จะมีเงินเก็บมากขึ้น และช่วยให้เรามีสติและวางแผนการใช้เงินในเดือนถัด ๆ ไปได้ดียิ่งขึ้น ป้องกันการใช้เงินด้วยอารมณ์ 3. แยกค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับค่าใช้จ่ายจำเป็น: ใช้วิธีจดกำกับไว้เลยว่าสิ่งไหนจำเป็น สิ่งไหนเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับเราเพื่อให้เรามาคัดออกเพื่อลดค่าใช้จ่ายในเดือนถัด ๆ ไป 4. ตั้งงบประมาณการใช้ทุกเดือน: เอาเงินเดือนมาแบ่งเป็นก้อน ๆ ให้ชัดเจน จัดแจงว่าจะใช้และห้ามใช้กับอะไร สามารถใช้ให้ไม่ถึงงบได้ แต่พยายามอย่าใช้เกินขอบเขตเด็ดขาด การทำเช่นนี้จะช่วยทำให้เรามีวินัยทางการเงิน และสามารถติดตามการเงินได้ดีมากขึ้น ป้องก้นการใช้เงินมากเกินไปหรือใช้ไปกับหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่งมากจนเกินไป 5. เก็บภาษีฟุ่มเฟือย: ทุกครั้งที่เราใช้เงินฟุ่มเฟือย ใช้เงินด้วยกิเลส ให้เราทำโทษตัวเองด้วยการหักเงิน 10% ของราคาสิ่งนั้นไปออม วิธีนี้จะช่วยสร้างวินัยและควบคุมกิเลสได้เก่งขึ้น และมีเงินเก็บแน่นอน 6. ใช้กฎรอ 14 วัน: ก่อนจะซื้อสิ่งใด ให้รอ 14 วันเพื่อยื้อเวลาในการตัดสินใจไตร่ตรองด้วยสติ ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบว่าสิ่งที่กำลังจะซื้อใช่สิ่งที่จำเป็นหรือเราอยากได้มันจริง ๆไหม 7. เปิดดูหน้าบัญชีธนาคารบ่อย ๆ: เป็นหลักจิตวิทยาอย่างหนึ่ง คือการเปิดดูย้ำ ๆ เพื่อดูตัวเลขที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง เพราะตัวเลขเป็นหน่วยวัดแบบเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและส่งผลต่อจิตใจเราได้โดยตรงที่สุด. ตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เรามีความสุข แต่ตัวเลขที่ลดลงก็จะส่งผลให้เรารู้สึกเป็นทุกข์ได้ง่ายเช่นกัน จะทำให้เราจดจำความรู้สึกเหล่านี้แล้วไตร่ตรองก่อนใช้เงินมากขึ้น แชร์วิธีเก็บเงินให้อยู่ จากคนที่เก็บเงินไม่ได้ (เก็บได้ไวขึ้น 2 เท่า!) | ภาษีสังคม EP.25 เราต้องเริ่มจากการหาสาเหตุก่อนว่า อะไรเป็นเหตุที่ทำให้เราเก็บเงินไม่อยู่ซึ่งส่วนมากล้วนมาจากนิสัยเดิมที่ไม่ได้มีการทำให้ได้เห็นตัวเองเป็นลายลักษณ์อักษร หรือแบ่งชัดเจนว่าส่วนไหนเท่าไหร่ที่เราจะนำไปใช้จ่ายกับอะไรบ้าง โดยในคลิปแบ่งเงินออกเป็น 3 บัญชี: 1.บัญชีเงินเก็บ (แนะนำว่าควรเก็บก่อนใช้ จาก 10% ของเงินเดือนและสามารถสำรองครอบคลุมรายจ่ายต่อเดือนได้ 6 เดือน ถือว่าปลอดภัย) เงินเก็บสำรอง : ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจำพวกอุบัติเหตุ เหตุสุดวิสัย ถ้าไม่เดือดร้อนถึงชีวิตจริง ๆ จะไม่ใช้เงินก้อนนี้เป็นอันขาด เงินเก็บเป้าหมายระยะสั้น : เก็บเพื่อนำไปใช้ในการบรรลุเป้าหมายระยะสั้นบางอย่างเช่น ไปเที่ยว เรียนต่อ หรือ ซื้อของบางอย่าง เป็นต้น 2.บัญชีเงินใช้ (เงินที่เหลือจากบัญชีเงินเก็บ) ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน : ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อเดือน คือ ค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย หรือหนี้ประจำเดือนที่ต้องจ่ายทุกเดือน เป็นต้น ค่าใช้จ่ายล้างผลาญ : เป็นเงินที่เหลือจากค่าใช้จ่ายพื้นฐานอีกที สามารถใช้เงินก้อนนี้ไปกับสิ่งฟุ่มเฟือยได้ตามความเหมาะสม เป็นการตอบโจทย์ชีวิตว่า เราไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตจนสุดโต่งจนเกินไปจนไม่มีความสุข แต่ต้องจดบันทึกให้เป็นสัดส่วน จำกัดชัดเจน และเป็นระบบ 3.บัญชีลงทุน (สำหรับคนที่สามารถจัดการการเงินได้อย่างเป็นระบบได้ในระดับนึงแล้ว) สามารถเก็บเงินบัญชีลงทุนคู่ไปกับบัญชีเงินเก็บด้วยได้ ซึ่งบัญชีลงทุนประกอบไปด้วย เป้าหมายระยะกลาง : น้อยกว่า 10 ปี เป้าหมายระยะยาว : 10 ปีขึ้นไป เทคนิคเก็บเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับมือใหม่ | The Money Case EP.248 แนวคิดจากประสบการณ์การใช้ชีวิตและการจัดการกับหนี้หลักหลายล้านของ โค้ชหนุ่ม Money Coach เกี่ยวกับมุมมองในการคิดและวางแผนต่อ ‘เงินเก็บสำรองฉุกเฉิน’ เปรียบเทียบชีวิตเหมือนการวิ่งมาราธอน: เราจะวิ่งมาราธอนได้สุดทางก็ต่อเมื่อระหว่างทางเราไม่ล้มเลย ดังนั้น เงินสำรองฉุกเฉินจึงมีความสำคัญมาก เป็นเป้าหมายแรกของการออม หรือเรียกว่า ฟูกกันล้มของชีวิต เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อเราล้มบนฟูก เราก็จะไม่ได้รับความเจ็บปวดมาก จากประสบการณ์ของโค้ชหนุ่มในการทำงานร่วม 20 ปี พบว่า ต่อให้เรามีฐานะทางการเงินดีมาแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าสะดุดในชีวิตแค่ครั้งเดียว จะกลับมาตั้งตัวให้มีฐานะตามเดิมได้ยากมากๆ เช่น ตกงาน 3 เดือนแบบไม่มีเงินเก็บเลย จะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาอีกมาก การที่เราได้ทำงานในบริษัทที่มีความมั่นคง ไม่ได้แปลว่าเรามั่นคง เขาสามารถเชิญเราออกได้ทุกเมื่อ ชีวิตเรามีโอกาสพลาดทำให้ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ได้เสมอ เช่น การตกงาน การป่วยหรืออุบัติเหตุครั้งใหญ่ เงินเก็บสำรองจึงสำคัญมาก ๆ แบ่งเงินเป็นสัดส่วนให้ชัดเจน ว่าจะใช้หรือเก็บเพื่ออะไรบ้าง เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันในการช่วยเราจัดการปัญหาทางการเงินอีกหลาย ๆ เหตุการณ์ที่อาจจะเข้ามาพร้อมกันที่เดียวในอนาคต ให้เราสามารถผ่านไปได้อย่างมีระบบและไปต่อกับชีวิตได้อย่างมีความสุข มาตรฐานเงินสำรองที่ควรมีเก็บคือ จำนวนเงินที่ครอบคลุมรายจ่ายรายเดือนได้ 6 เดือน ทรัพย์สินเก็บสำรองที่มีประสิทธิภาพ ต้องสามารถพร้อมเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทุกเมื่อและมูลค่าต้องไม่ผิดเพี้ยนหรือลดน้อยลงจากมูลค่าเดิมของทรัพย์สินนั้น ๆ ก่อนจะเริ่มการลงทุน ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินให้ถึงเป้าหมายก่อน เพราะกว่าจะลงทุนเห็นผลก็เริ่มต้นที่หลักล้านบาทแล้ว ไม่นับกรณีที่พลาดหรือล้มเหลว เกษียณทางการเงิน ไม่เหมือนกับเกษียณทางการงาน ออมน้อยแต่รวยมาก : เทคนิคเปลี่ยนเงินเดือนน้อย ๆ ให้กลายเป็นเงินเก็บก้อนใหญ่ | EP.52 ในยุคที่เศรษฐกิจไม่เป็นใจกับคนฐานะชนชั้นกลางเท่าไหร่และค่าครองชีพที่มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ คุณขวัญจึงแนะนำเรื่องการเก็บเงินแบบมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงจนสามารถบรรลุเป้าหมายที่หลาย ๆ คนตั้งไว้ มีเป้าหมายออมเงินที่ชัดเจน: ทำให้เรามีแรงจูงใจ เห็นภาพใหญ่ และรู้ deadline ที่ชัดเจน มีพลังใจ ไม่ท้อง่าย เห็นวิธีเก็บเงินของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น ออมก่อนใช้: เพื่อเป็นการฝึกวินัยทางการเงินที่ดี โดยตั้งตัดยอดโอนอัตโนมัติ แนะนำว่าประมาณ 10-20% ของเงินเดือน ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่ชัดเจน: เพื่อให้เรามองเห็นว่าเงินของเรา เข้าหรืออกไปกับอะไรบ้าง แล้วสามารถตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นไหนออกได้อีกบ้าง ทำให้เราได้พิจารณาไตรตรองค่าใช้จ่ายต่อเดือนของเราได้อย่างมีสติมากขึ้น รู้จักการลงทุน: ค่าของเงินเรามีโอกาสลดลงได้ในทุก ๆ ปี ดังนั้นเราควรหาทรัพย์สินที่จะช่วยให้ค่าตอบแทนที่สามารถชนะเงินเฟ้อในแต่ละปีได้ เช่น ลงทุนในหุ้น กองทุน ทองคำ หรือ อสังหาริมทรัพย์ได้ แต่ก่อนจะลงทุนใด ๆ ควรศึกษาให้เข้าใจแจ่มแจ้งก่อน และประเมินความเสี่ยง และระวังมิจฉาชีพหรือการกระทำผิดกฎหมาย หลีกเลี่ยงการเป็นหนี้ที่มากเกินไป: หนี้เป็นอุปสรรคชั้นดีในการขัดขวางไม่ให้เราสามารถสร้างเงินเก็บเท่าที่ควร เพดานการเสียหนี้แต่ละเดือน ไม่ควรเกิน 40%ของเงินเดือนหรือรายได้ของเรา หรือค่าใช้จ่ายจำพวกค่าผ่อนต่าง ๆ ไม่ควรเกิน 20% ของเงินเดือน เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการใช้เงินแบบเดือนชนเดือนมากเกินไป รวมทั้งค่าใช้จ่ายสุดวิสัยเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างเดือน ถ้าเราไม่มีสำรองไว้เลย อาจทำให้ชีวิตลำบาก เกิดความเครียด หรือต้องไปกู้หนี้ยืมสินจนก่อเป็นหนี้เพิ่มขึ้นได้ เก็บเงินยังไงให้รอด | เทพลีลา หลาย ๆ คนมีปัญหาเรื่องการบริหารเงินอย่างไรให้รอดจนถึงปลายเดือน แต่ถึงรอดจนถึงปลายเดือน ก็ยังมีปัญหาเรื่องการไม่เหลือเก็บเป็นเงินออมเลย คุณเติ๊ด เทพลีลา จึงเสนอถึงแนวคิดการเก็บเงินด้วย หลัก 6 Jars Money Management ของคุณ T. Harv Eker กองรายจ่ายจำเป็น: 55% ของรายได้ ใช้กับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าอาหาร เป็นต้น เงินออมระยะยาว: 10% ของรายได้ เก็บยาว ๆ ในระยะ 10 ปี เพื่อใช้เป็นเงินทุนขนาดใหญ่ในอนาคต เช่น การสร้างครอบครัว ซื้อบ้าน หรือเก็บไว้ใช้เมื่อเราเจ็บป่วยหรือไม่สามารถทำงานได้เหมือนในปัจจุบัน (หรือเรียกว่า เงินสำรองฉุกเฉิน) ให้รางวัลตนเอง: 10% ของรายได้ เก็บไว้ใช้กับสิ่งฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะ เหมือนเป็นเงินสำหรับให้รางวัลตัวเอง กองเงินเพื่อการเรียนรู้ : 10% ของรายได้ เก็บไว้เพื่อการศึกษาด้านต่าง ๆ ที่เราอยากเก่งขึ้น หรือซื้อหนังสือมาไว้อ่านเพิ่ม เพื่อพัฒนาตัวเองโดยเฉพาะ ให้เราเก่งขึ้น มีสกิลหารายได้เพิ่มขึ้น กองเงินแบ่งปัน: 5% ของรายได้ เป็นเงินเพื่อการบริจาค ถือเป็นการให้กลับคืนสู่สังคม เป็นการฝึกความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การให้และการแบ่งปันต่อผู้อื่น ให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้ด้วยไมตรีจิตมากขึ้น กองการลงทุน: 10% ของรายได้ เป็นกองที่สำคัญมากเป็นกองที่เก็บไว้ใช้เพื่อลงทุนเพื่อเป้าหมายการเกษียณ แม้การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนอะไรเลยถือเป็นความเสี่ยงสูงสุด ดังนั้น เราควรศึกษาและมองหาการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อ และสามารถงอกเงยได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น กองทุน หรือ สลากออกทรัพย์ เป็นต้น เรื่องการเงินที่คนอายุ 30 และ 40 ปี อยากบอก | The Money Case EP. 200 รวบรวมเรื่องราวประสบการณ์ของผู้ชมทางบ้านที่อายุ 30 ขึ้นไป และประสบการณ์จริงจากโค้ชหนุ่ม The Money Coach ที่ผ่านการเจอวิกฤติการเงินทางบ้าน และสามารถผ่านมาได้ด้วยหลักคิดและการวางแผนทางการเงินที่ถูกต้อง โดยใจความสำคัญหลัก ๆ 4 ข้อ ดังนี้: 1.อย่ารีบเป็นหนี้: หากจะตัดสินใจใช้สินเชื่อ ต้องมั่นใจว่าจะสามารถรับผิดชอบหนี้ก้อนนั้นได้เต็มจำนวนก่อนอยู่แล้ว แบ่งย่อยเป็นสองแบบ แบบแรกคือเพื่อการศึกษา เช่น กู้กยศ. หนี้เช่นนี้สามารถเข้าใจได้โดยนัย ถือเป็นหนี้การลงทุนเพื่อการศึกษาต่อยอดชีวิตในระยะยาวที่เลี่ยงไม่ได้. จากบางครอบครัวที่อาจไม่ได้มีรายได้มาก และแบบที่สอง คือหนี้บัตรเครดิต, บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อบุคคล ไม่ใช่ว่าห้ามเปิดบัตรเหล่านี้ เพียงแต่ต้องรู้จักใช้อย่างมีสติ อย่ามีหนี้ค้างเยอะเกินไป. เพราะชีวิตเราไม่เคยเบาลง ยิ่งอายุมากขึ้น รายจ่ายในชีวิตย่อมมากขึ้นตาม เพราะอายุ 30 ขึ้นไป หลายคนอาจต้องใช้เงินในการสร้างครอบครัว ซื้อบ้าน หรือเรียนต่อ ทำให้ช่วง 30. อาจมีเรื่องต้องใช้สินเชื่ออยู่แล้ว 2.ออมเงิน: ถ้าชีวิตไม่ได้มีภาระต้องดูแล ควรเริ่มต้นออมเงินให้ไวที่สุด เช่น เก็บออม 10% ของรายได้ หรือลงกองทุนต่าง ๆ และ ’ความสำเร็จด้านการเงิน สามารถสร้างอัตราเร่งกันได้ ถ้าภาระรายจ่ายในชีวิตมากขึ้น ย่อมต้องมีความมุมานะพยายามหาเงินมากขึ้นเป็นธรรมดา เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ และริเริ่มเรียนรู้การลงทุน 3.แปลงเงินเก็บออมให้เป็นทรัพย์สิน: ทรัพย์สินสะสม ถือเป็นความมั่งคั่งสุทธิชั้นดีในระยะยาว เพราะการที่มีแค่ตัวเงินค้างไว้ในบัญชี ในอนาคตข้างหน้าจำนวนเงินเหล่านี้มีมูลค่าตรงตัว และมูลค่าอาจลดลงได้จากความผันผวนของเศรษฐกิจ เงินสดเปล่าๆไม่สามารถเก็งกำไรให้มีมูลค่าเพิ่มได้เท่ากับการแปลงเป็นทรัพย์สินสะสมให้เก็บไว้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้นได้ในอนาคตระยะยาว เช่น กิงทุนรวม หุ้น ทองคำ ที่ดิน สลากออมทรัพย์ เป็นต้น และพยายามหาลู่ทางสร้างเงินแล้วให้เงินทำงานแทนเราในอนาคต ในวันที่เราไม่มีแรงเท่าวัยหนุ่มสาวช่วงอายุ 20 แล้ว 4.โฟกัสที่ความมั่นคงในระยะยาว: ความมั่งคั่งถือเป็นนามธรรมรูปแบบหนึ่งที่ไม่มีหน่วยวัดที่แน่นอนขึ้นอยู่กับปัจเจกและความปรารถนารายบุคคล เพราะฉะนั้น เราจึงวัดกันด้วยความมั่นคง เช่น จากสภาวะวิกฤตการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา เห็นได้ว่ามีหลายครัวเรือนได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา มากน้อยแตกต่างกันไปตามความมั่นคงของแต่ละบ้าน หรือเจ้าของกิจการบางราย ที่เมื่อผ่านช่วงโควิดไป กลับผันกลายเป็นบุคคลล้มละลาย เหตุการณ์ดังกล่าวสามารถวัดความมั่นคงในชีวิตได้อย่างเป็นรูปธรรม ผู้ที่มีความมั่นคงทางการเงินมาก จะแสดงถึงการไม่ขึ้นต่อวิกฤติต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หรือแม้ว่ากระทบ ก็จะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย มองหาและเตรียมตัวทำประกันไว้ เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นในชีวิตเราเมื่อไร และควรมีเงินสำรองล่วงหน้า 6 เดือน อาจแบ่งออมจากรายได้เป็นย่อย ๆ 2 กระเป๋า คือ เงินสำรองเลี้ยงชีพ และ เงินสำรองฉุกเฉิน และกำหนดเป้าหมายการเก็บเงินจากเป้าหมายชีวิตและการคิดเผื่อวิกฤติ เลือกคู่ชีวิตที่มีเป้าหมายทางการเงินเหมือนกัน และสุดท้าย ใช้ชีวิต ผจญภัยให้เต็มที่ในวัย 20 วัยที่เรายังสามารถผิดพลาดได้ เพราะเมื่อเราอายุ 40 โลกจะไม่อนุญาตให้เราผิดพลาดอีกแล้ว และอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น อย่าลืมอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข บทความนี้เป็นเพิ่งส่วนหนึ่งของการแนะนำวิธีเก็บเงินอย่างไรให้มีประสิทธิภาพในเบื้องต้น อาจต้องมีการศึกษาจากแหล่งอื่นเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจบนพื้นฐานการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันส่วนบุคคล หรือหากสนใจขอมูลด้านการเงินหรืออาชีพเพิ่มเติม สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Education Portal

    อดออม
    ใช้เงินเป็น
    การออมเงิน
    Jan 21, 2025
    3 min
    Thumbnail for Town Hall คืออะไร? ทำไมองค์กรยุคใหม่ต้องมี
    Wellbeing

    Town Hall คืออะไร? ทำไมองค์กรยุคใหม่ต้องมี

    ในยุคดิจิทัลที่การการสื่อสารในองค์กร เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หนึ่งในกลยุทธ์ที่องค์กรชั้นนำเลือกใช้คือ "Town Hall" การประชุมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนในองค์กรได้สื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันข้อมูลสำคัญ การถาม-ตอบ หรือการกระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมมากขึ้น แล้วอะไรคือหัวใจสำคัญของ Town Hall? ทำไมองค์กรยุคใหม่ถึงควรนำมาใช้? เราจะพาไปเจาะลึกในบทความนี้ Town Hall คืออะไร? Town Hall หรือการประชุม Town Hall เป็นรูปแบบการประชุมที่เปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับได้มีส่วนร่วม โดยมีผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้นำการประชุมเพื่อสื่อสารข้อมูลสำคัญ เช่น การอัปเดต เป้าหมายองค์กรหรือ KPI ความคืบหน้าในโครงการ การเปลี่ยนแปลงนโยบาย การรับฟังข้อเสนอแนะหรือคำถามจากพนักงาน สิ่งที่ทำให้ Town Hall แตกต่างจากการประชุมทั่วไปคือ การสื่อสารสองทาง ที่ช่วยให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและสามารถแสดงความเห็นได้อย่างตรงไปตรงมา ทำไมองค์กรยุคใหม่ต้องมี Town Hall? 1. สร้างความโปร่งใสในองค์กร - ในองค์กรที่มี การสื่อสารแบบโปร่งใส พนักงานจะรู้สึกมั่นใจในทิศทางและการบริหาร Town Hall เป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยให้พนักงานได้รับข้อมูลโดยตรงจากผู้บริหาร ลดโอกาสการเกิดความเข้าใจผิดและคิดไปเองของพนักงาน 2. กระตุ้นการมีส่วนร่วม - การเปิดโอกาสให้พนักงานถามคำถามหรือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมทำให้พวกเขารู้สึกว่า เสียงของตนเองมีคุณค่า ส่งผลให้เกิดความผูกพันกับองค์กร 3. สื่อสารเป้าหมายและวิสัยทัศน์ - Town Hall ช่วยให้พนักงานทุกคนเข้าใจ เป้าหมายขององค์กร ไม่ใช่แค่ตัวเลขหรือผลลัพธ์ แต่รวมถึงวิสัยทัศน์ที่องค์กรต้องการบรรลุ 4. ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง - การประชุมแบบเปิดกว้างช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงานและผู้บริหาร ทำให้องค์กรมีความสามัคคีและพร้อมเผชิญความท้าทายร่วมกัน เคล็ดลับการจัด Town Hall ให้มีประสิทธิภาพ เตรียมการ Town Hall ล่วงหน้า - กำหนดหัวข้อที่ชัดเจน เช่น เป้าหมายองค์กร การอัปเดตโครงการ หรือประเด็นที่ต้องการพูดคุย สร้างบรรยากาศ Town Hall ที่เปิดกว้าง - ให้พนักงานรู้สึกสบายใจที่จะถามคำถามหรือแสดงความคิดเห็น ใช้เทคโนโลยีใน Town Hall ให้เกิดประโยชน์ - สำหรับองค์กรที่มีทีมงานกระจายตัว การประชุมออนไลน์ผ่าน แพลตฟอร์มดิจิทัล ช่วยให้ทุกคนมีส่วนร่วม ติดตามผลหลังการประชุม Town Hall - บันทึกข้อเสนอแนะและแผนการดำเนินงานจากการประชุม เพื่อต่อยอดในการประชุมครั้งถัดไป Town Hall ไม่ใช่แค่การประชุม แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์กรยุคใหม่ใช้ในการสร้างความโปร่งใส การมีส่วนร่วม และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ หากองค์กรของคุณยังไม่มี Town Hall อาจถึงเวลาเริ่มต้น เพราะนี่คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน หากองค์กรกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง อย่าลืมสำรวจโซลูชันจาก Jobcadu ที่พร้อมช่วยพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้าได้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

    Jan 9, 2025
    1 min
    Thumbnail for จัดการความเครียดด้วยตนเอง ได้ผลชัวร์!
    Wellbeing

    จัดการความเครียดด้วยตนเอง ได้ผลชัวร์!

    พอดแคสต์ Re-Mind รู้ทันปัญหาสุชภาพจิต สำรวจอารมณ์ ความคิด เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว รายการนี้เป็นสื่อช่วยเสริมสุขภาพจิตใจโดยเฉพาะสำหรับคนที่กำลังเผชิญความเครียด วิตกกังวล หรือสับสนกับอารมณ์ของตัวเองที่ไม่รู้จะพูดคุยกับใครได้ โดยมีคุณหมอหลิว หรือ นายแพทย์สมบูรณ์ ไทยอยู่สุข จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มาแนะนำวิธีการจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตใจในทุกมิติ ตั้งแต่ความเครียดขั้นพื้นฐานไปจนถึงความเครียดสะสมและปัญหาทางสุขภาพจิตที่อาจตามมา ความเครียดคืออะไร? ความเครียดเป็นภาวะของอารมณ์หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อคนต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่กดดัน อึดอัด หรือท้าทาย สิ่งนี้ถือเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติของมนุษย์ โดยคุณหมอหลิวเน้นว่า ความเครียดไม่ได้เป็นปัญหาเสมอไป บางครั้งความเครียดเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถกระตุ้นให้เราพัฒนาตนเองหรือสร้างแรงบันดาลใจได้ ยกตัวอย่างเช่น นวัตกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความเครียดและการหาทางออกให้กับปัญหาในชีวิตจริง อย่างไรก็ตาม หากความเครียดสะสมมากจนไม่สามารถจัดการได้ มันก็จะกลายเป็นอันตรายทั้งต่อร่างกายและจิตใจ สาเหตุของความเครียด สาเหตุของความเครียดสามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มหลักคือ: 1.ปัจจัยภายใน: เช่น ความเชื่อ ประสบการณ์ และทัศนคติส่วนบุคคล คนที่มี mindset ต่างกันจะตอบสนองต่อความเครียดในลักษณะต่างกัน แม้ว่าจะเจอสถานการณ์เหมือนกัน 2.ปัจจัยภายนอก: สิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์ที่กระทบ เช่น ปัญหาด้านการงาน การเงิน ความสัมพันธ์ ฯลฯ ซึ่งการรับมือของแต่ละคนจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ mindset ที่มีต่อปัจจัยเหล่านั้น ผลกระทบของความเครียด ความเครียดส่งผลต่อร่างกายและจิตใจในหลายด้าน เช่น: • ผลกระทบต่อร่างกาย: เมื่อเครียด ร่างกายจะตอบสนองโดยทำให้มีอาการปวดหัว ปวดคอ บ่า ไหล่ อาการท้องเสียหรือท้องผูก นอนไม่หลับ และระบบภูมิคุ้มกันจะลดลงทำให้ป่วยง่ายขึ้น นอกจากนี้ความเครียดยังสัมพันธ์กับโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมะเร็งอีกด้วย • ผลกระทบต่อจิตใจ: ความเครียดทำให้เกิดความวิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน ความรู้สึกไม่มีความสุข และสูญเสียความมั่นใจในตนเอง อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า หากปล่อยให้สะสมเป็นเวลานาน วิธีการรับมือกับความเครียด คุณหมอหลิวแนะนำว่า การรับมือกับความเครียดไม่จำเป็นต้องกำจัดความเครียดทั้งหมดออกไป แต่ให้เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้อย่างสมดุล ลองปรับตัวโดยใช้วิธีดังนี้: • การทำสมาธิและการฝึกสติ ช่วยให้เรามีสติและควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น • การแบ่งปันหรือพูดคุยกับคนรอบข้าง ช่วยลดความเครียดและทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว • การปรับ mindset ให้มองความเครียดเป็นโอกาสที่จะพัฒนาตนเอง • การออกกำลังกายและดูแลสุขภาพกาย ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นตามไปด้วย

    Mental Health
    สุขภาพจิต
    ความเครียด
    Nov 12, 2024
    1 min