เมื่อวันที่ 18–20 กันยายน 2568 ณ ฮอลล์ 6 อิมแพค เมืองทองธานี ได้มีการจัดงาน “ตั้งตัว Franchise & Investment 2025” มหกรรมแฟรนไชส์และการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่ ที่รวมเอาทั้งโซนสัมมนา แฟรนไชส์ชั้นนำ การให้คำปรึกษาธุรกิจ และ Business Matching มาไว้ในที่เดียว จุดหมายคือการสร้างโอกาสให้ผู้ที่มีความฝันอยากทำธุรกิจ ได้ก้าวจาก “พนักงานตัวเล็ก ๆ” สู่ “เจ้าของกิจการ”
ภายในงานมีทั้ง Main Stage Sessions ที่เสริมความรู้จากนักธุรกิจตัวจริง, Franchise Consultant ให้คำปรึกษาแบบเจาะลึก, Franchise Exhibition รวมแฟรนไชส์ดังที่พร้อมเปิดโอกาสให้ลงทุน และ Redemption Activity แจกของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท
Insight จาก 2 Session ที่ทาง Jobcaduได้มีโอกาสเข้าฟัง
Session 1: What’s Next – เช็กเทรนด์ธุรกิจร้านอาหาร 2025
โดย คุณยิม ฐากูร ชาติสุทธิผล ผู้ร่วมก่อตั้ง FoodStory และหัวหน้าฝ่ายนวัตกรรม POS, LINE MAN Wongnai
หนึ่งใน Session ที่น่าสนใจที่สุดคือการอัปเดต สถานการณ์ร้านอาหารไทยในยุคดิจิทัล ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจปี 2025
ยอดขายเฉลี่ยของร้านอาหารลดลงกว่า 14% จากปี 2023
ร้านเปิดใหม่ 30% มีรายได้ต่ำกว่าที่คาด และ กว่า 50% ปิดตัวในปีแรก
ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น 25%, ค่าแรงเพิ่มขึ้น 5% แต่เพดานราคาขายไม่สามารถขยับได้
ทางรอดของร้านอาหารไทย
ใช้เทคโนโลยี – POS/CRM/ระบบ Digital Ordering เพื่อเพิ่มยอดขาย ลด food waste และจัดการต้นทุน
เข้าถึงแหล่งทุน – ร้านที่ไม่มีการจดทะเบียนกว่า 79% อาจพลาดโอกาสเงินกู้และสิทธิสนับสนุน
ความช่วยเหลือจากภาครัฐ – เช่นโครงการ co-payment หรือสิทธิประโยชน์ SMEs เพื่อเสริมสภาพคล่อง
Insight ลูกค้า 2025
72% ต้องการร้านที่มีช่องทางขายหลากหลาย (ไม่ใช่แค่หน้าร้าน)
66% ต้องการการชำระเงินที่สะดวก (QR, บัตร, e-wallet)
60% ให้ความสำคัญกับความเร็ว
43% ต้องการการจัดคิวที่เป็นระบบ
เมนูขายดีปี 2025
ไก่ทอด, ส้มตำปูปลาร้า, ข้าวผัด, ข้าวมันไก่, กะเพราหมูกรอบ
สุกี้ กลายเป็น rising star โตขึ้นกว่า 30%
มัทฉะฟีเวอร์ ครองตลาด ครึ่งปี 2025 ยอดขายทะลุ 5 ล้านแก้ว จนวัตถุดิบขาดตลาด
บทสรุป: ร้านอาหารไทยต้อง “กลับมามองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง” ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเข้าใจความต้องการจริง ๆ และสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
Session 2: Business with Purpose – เปลี่ยนจุดยืนให้เป็นจุดขาย
โดย คุณที นที จรัสสุริยงค์ และ คุณระริน ธรรมวัฒนะ ผู้ร่วมก่อตั้ง Guss Damn Good
อีกหนึ่งไฮไลต์บนเวทีคือเรื่องราวการเดินทางของ Guss Damn Good แบรนด์ไอศกรีม “Crafted Ice Cream” ที่สร้างจากแนวคิด “Story to Flavor”
จุดเริ่มต้น
ความท้าทายในวันแรก
ตอนเปิดตัวใหม่ ๆ ไม่มีใครเชียร์ เพราะไอศกรีม scoop ล้วน ๆ ไม่สวยเหมือน dessert ถ่ายรูป แต่ทีมผู้ก่อตั้ง “เลือกเชื่อในจุดยืนตัวเอง”
ราคา 95 บาท/สกูป เมื่อ 10 ปีก่อนถือว่าสูงมาก แต่พวกเขาเชื่อว่า “คุณค่ามาจากรสชาติและวัตถุดิบ ไม่ใช่ท็อปปิ้ง”
จุดยืนคือพลังของแบรนด์
Brand Promise:
Inspired by People Story
Boston Culture
Damn Good Place
มากกว่า 100 Collaboration กับแบรนด์ดัง ทำให้ Guss Damn Good กลายเป็น ice cream ที่ไม่ใช่แค่ของหวาน แต่เป็น สิ่งที่สร้างบทสนทนาและความรู้สึก
ถึงแม้บางรสชาติจะขายได้น้อย แต่ยังคงผลิตเพื่อเสริม Brand Identity
มุมมองต่ออนาคต
โปรเจกต์ Guss Grocery 2024–2025 ที่หยิบวัตถุดิบไทยที่ผู้คนผูกพัน (เช่น ปลากระป๋องปุ้มปุ้ย, ทาโร่, เอมร้อยห้าสิบ) มาพัฒนาเป็นไอศกรีม
มุ่งเน้น Micro Creamery ผลิตแบบคราฟต์ในโรงงานเล็ก แต่คงคุณภาพและตัวตน
ฝากข้อคิด: “ถ้าจุดยืนไม่ชัด แบรนด์จะส่งต่อความรู้สึกไม่ถึงที่สุด แต่ถ้าเชื่อตัวเอง 100% มันจะกลายเป็นจุดขายที่แข็งแรง”
สรุป
งาน ตั้งตัว Franchise & Investment 2025 ไม่ได้เป็นแค่งานแฟรนไชส์ธรรมดา แต่เป็นเวทีที่สะท้อนว่า
จาก Insight ของธุรกิจร้านอาหาร และเรื่องเล่าของ Guss Damn Good นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่า “ธุรกิจที่ยั่งยืน ต้องมีทั้งการมองอนาคต และการยึดมั่นในแก่นแท้ของตัวเอง”
ขอบคุณสำหรับงานดี ๆ ที่สร้างทั้งแรงบันดาลใจและโอกาสให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้ตั้งตัวและเติบโตไปด้วยกัน