Logo
  • โปรไฟล์มืออาชีพ
  • งาน
  • อาชีพ
    เส้นทางอาชีพ
    การเติบโต
    การศึกษา
    แรงบันดาลใจ
    บุคลิกภาพ
    งานและอุตสาหกรรม
    การค้นหางาน
    ประวัติ & ผลงาน
    เงินเดือน
    ความเป็นอยู่ที่ดี
  • การศึกษา
    หลักสูตร
    โปรแกรม
  • เครื่องมือสร้างเรซูเม่
  • สำหรับผู้ใช้งานองค์กร



  • Jobcadu Logo

    แพลตฟอร์มอาชีพที่ดีที่สุดสำหรับการหางาน, การสรรหาบุคลากร, ค้นหาอาชีพ และค้นพบแหล่งการศึกษา

    10,000+

    หน้าหางาน

    งานตามหมวดหมู่

    การบริหารและสำนักงาน

    การตลาด

    บริการลูกค้า

    เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)

    บัญชีและการเงิน

    ทรัพยากรบุคคลและการจัดการคน

    การผลิตและห่วงโซ่อุปทาน

    วิศวกรรม

    สำหรับผู้หางาน

    หน้าหางาน

    เครื่องมือสร้างเรซูเม่

    ทรัพยากรด้านการศึกษา

    ทรัพยากรเรซูเม่

    สำหรับผู้ใช้งานองค์กร

    ประกาศงาน

    ราคา

    แหล่งข้อมูล

    เกี่ยวกับเรา

    ข้อกำหนดการใช้งาน

    นโยบายความเป็นส่วนตัว


    © 2025 Jobcadu. สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

    รวม 10 อาชีพจ่ายหนัก ที่มีเงินเดือนแตะแสน!

    Jobs & Industries
    1. หน้าแรก

    2. อาชีพ

    3. รวม 10 อาชีพจ่ายหนัก ที่มีเงินเดือนแตะแสน!

    รวม 10 อาชีพจ่ายหนัก ที่มีเงินเดือนแตะแสน!

    โพสต์เมื่อ March 28, 2025

    เส้นทางอาชีพ

    อาชีพ
    เลือกอาชีพ
    เงินเดือน
    High-Paying Careers
    อาชีพรายได้สูง
    รวม 10 อาชีพจ่ายหนัก ที่มีเงินเดือนแตะแสน!

    การมีรายได้สูงถือเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน เพราะนอกจากจะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังสามารถสร้างความมั่นคงให้กับอนาคตอีกด้วย อย่างไรก็ตาม งานที่ให้เงินเดือนหลักแสนขึ้นไปมักมาพร้อมความรับผิดชอบ ทักษะ และประสบการณ์ที่สูงตามไปด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนไปดู 10 อาชีพที่มีเงินเดือนสูงแตะแสน และรายละเอียดเกี่ยวกับแต่ละอาชีพว่าต้องทำอะไร ต้องมีทักษะอะไรบ้าง พร้อมทั้งช่วงเงินเดือนคร่าว ๆ ที่ได้รับ


    1. แพทย์เฉพาะทาง



    แพทย์เฉพาะทางทำหน้าที่วินิจฉัย รักษา และให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น ศัลยแพทย์ แพทย์โรคหัวใจ หรือแพทย์ผิวหนัง เป็นต้น


    ทักษะที่ต้องมี: ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ความละเอียดรอบคอบ การตัดสินใจที่รวดเร็ว ความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

    เรตเงินเดือน: 100,000 - 500,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์)


    2. วิศวกรปิโตรเลียม


    วิศวกรปิโตรเลียมมีหน้าที่ในการวางแผน ควบคุม และดูแลกระบวนการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล


    ทักษะที่ต้องมี: ความรู้ด้านธรณีวิทยา วิศวกรรมปิโตรเลียม การวิเคราะห์ข้อมูล การบริหารจัดการโครงการ

    เรตเงินเดือน: 100,000 - 300,000 บาท


    3. นักบินพาณิชย์



    นักบินพาณิชย์ทำหน้าที่บังคับเครื่องบินโดยสาร ดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือ รวมถึงการจัดการเที่ยวบินให้เป็นไปตามแผนการบิน


    ทักษะที่ต้องมี: ทักษะการบิน ความแม่นยำในการคำนวณ การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การสื่อสารที่ดี

    เรตเงินเดือน: 150,000 - 500,000 บาท


    4. ผู้บริหารระดับสูง (CEO, CFO, CTO)



    ผู้บริหารระดับสูงทำหน้าที่กำหนดทิศทางองค์กร วางแผนกลยุทธ์ และตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของบริษัท


    ทักษะที่ต้องมี: ภาวะความเป็นผู้นำ การบริหารองค์กร การวางกลยุทธ์ ทักษะการเจรจาต่อรอง

    เรตเงินเดือน: 200,000 - 1,000,000 บาท


    5. Data Scientist



    นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ


    ทักษะที่ต้องมี: การวิเคราะห์ข้อมูล การเขียนโปรแกรม Python/R ความรู้ด้าน Machine Learning

    เรตเงินเดือน: 100,000 - 300,000 บาท


    6. ทนายความด้านธุรกิจและการเงิน



    ทนายความที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจและการเงิน มีหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายเกี่ยวกับสัญญาทางธุรกิจ การควบรวมกิจการ และการลงทุน


    ทักษะที่ต้องมี: ความรู้ด้านกฎหมายธุรกิจ ความสามารถในการเจรจาต่อรอง การวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา

    เรตเงินเดือน: 100,000 - 400,000 บาท


    7. นักวิเคราะห์การเงิน (Financial Analyst)



    นักวิเคราะห์การเงินมีหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของบริษัท หรือให้คำแนะนำด้านการลงทุนและการบริหารสินทรัพย์


    ทักษะที่ต้องมี: การวิเคราะห์ทางการเงิน ความเชี่ยวชาญด้าน Excel และซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล การทำงบประมาณ

    เรตเงินเดือน: 100,000 - 300,000 บาท


    8. นักเทรดหุ้น (Stock Trader)



    นักเทรดหุ้นทำหน้าที่ซื้อขายหุ้น พันธบัตร และสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ เพื่อสร้างผลกำไรสูงสุด


    ทักษะที่ต้องมี: ความรู้ด้านตลาดทุน ทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิค ความสามารถในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

    เรตเงินเดือน: 100,000 - 500,000 บาท (ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และผลประกอบการ)


    9. ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning



    ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning มีหน้าที่พัฒนาและออกแบบระบบอัจฉริยะที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ


    ทักษะที่ต้องมี: ความรู้ด้าน AI, Python, Deep Learning, Data Science

    เรตเงินเดือน: 120,000 - 400,000 บาท


    10. วิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Engineer)



    วิศวกรซอฟต์แวร์พัฒนา ออกแบบ และดูแลระบบซอฟต์แวร์ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


    ทักษะที่ต้องมี: การเขียนโปรแกรม (Java, Python, C++) การพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ การแก้ไขข้อผิดพลาด (Debugging)

    เรตเงินเดือน: 100,000 - 300,000 บาท


    นี่เป็นเพียงตัวอย่างของ 10 อาชีพที่ให้เงินเดือนสูงระดับแสนบาทขึ้นไป ซึ่งแต่ละอาชีพล้วนต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ที่เฉพาะทาง หากคุณกำลังมองหาแนวทางในการพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวเข้าสู่อาชีพเหล่านี้ ก็สามารถเริ่มต้นจากการศึกษาหาความรู้และฝึกฝนทักษะที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วันนี้ เเละ​​หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal


    สารบัญ

    ไม่พบสารบัญสำหรับอาชีพนี้


    อาชีพที่เกี่ยวข้อง
    Thumbnail for ไม่ชอบเข้าสังคมไม่ได้แปลว่าไม่ดี! มารู้จักกับ 7 อาชีพที่คน Introvert ทำได้ดี
    Jobs & Industries

    ไม่ชอบเข้าสังคมไม่ได้แปลว่าไม่ดี! มารู้จักกับ 7 อาชีพที่คน Introvert ทำได้ดี

    ในยุคที่โลกดูเหมือนจะหมุนเร็วตามการสื่อสารและการเข้าสังคม “การไม่ชอบเข้าสังคม” มักถูกมองว่าเป็นข้อด้อย แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นอาจเป็นพลังเงียบที่ซ่อนศักยภาพไว้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีลักษณะบุคลิกภาพแบบ Introvert (อินโทรเวิร์ต) Introvert คืออะไร? Introvert คือบุคคลที่มีแนวโน้มจะ “ชาร์จพลัง” จากการอยู่คนเดียวมากกว่าการอยู่ในที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน พวกเขามักมีโลกภายในที่ลึกซึ้ง ใส่ใจกับรายละเอียด ชอบคิดก่อนพูด และใช้เวลาในการตัดสินใจ พฤติกรรมทั่วไปของคนอินโทรเวิร์ตคือการไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ไม่ถนัดการ Small Talk แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถ “ฟังเก่ง” และ “สังเกตเก่ง” ได้อย่างเหลือเชื่อ นิสัยเด่นของคน Introvert ชอบทำงานคนเดียวหรือในกลุ่มเล็ก ๆ มีสมาธิสูงเมื่อทำงานที่ต้องใช้ความคิดลึกซึ้ง สื่อสารเก่งเมื่ออยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหรือกับคนที่ไว้ใจ มีความคิดสร้างสรรค์ มองเห็นมุมมองที่คนอื่นอาจมองข้าม วางแผนเก่งและมีระเบียบวินัย จุดด้อยที่มักพบในคน Introvert ไม่ถนัดการพูดในที่สาธารณะหรือเป็นจุดสนใจ รู้สึกเหนื่อยง่ายเมื่ออยู่ในสังคมหรือกิจกรรมหมู่ ตอบสนองต่อแรงกดดันภายนอกช้า เพราะต้องการเวลาคิด บางครั้งถูกเข้าใจผิดว่า “หยิ่ง” หรือ “ไม่เฟรนด์ลี่” 7 อาชีพที่คน Introvert ทำได้ดี 1. นักเขียนคอนเทนต์ / Content Writer กลุ่มอาชีพนักเขียนเป็นกลุ่มอาชีพที่ต้องใช้สมาธิในการทำงานสูงมาก บวกกับการเป็นคน Introvert ทำให้สภาพแวดล้อมหรือสไตล์การทำงานนั้นเหมาะกับทำงานเขียนสุด ๆ  นอกจากนั้นยังรวมถึงพวกกลุ่มอาชีพ Copywriting, Video Editor หรืออาชีพที่ต้องใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง ทำให้ชิ้นงานที่ออกมามีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย 2. นักออกแบบกราฟิก / Graphic Designer กราฟิกดีไซน์เนอร์ เป็นหนึ่งในอาชีพที่ Introvert หลายคนเป็น เพราะเป็นอาชีพที่ต้องสื่อสารผ่านรูปภาพ ไม่ว่าจะเป็น Headline, Infographic, Banner และอื่น ๆ ซึ่งต้องใช้ทักษะความสามารถในความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก การอยู่เงียบ ๆ ตั้งใจคิดก็ช่วยตกผลึกไอเดียต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ 3. นักวิเคราะห์ข้อมูล / Data Analyst อาชีพ Data Analyst เป็นหนึ่งในอาชีพที่ต้องใช้สมาธิสูงมาก ๆ เนื่องจากต้องทำการคัดเลือกข้อมูลจำนวนมากให้เป็นข้อมูลที่ใช้การได้ การเป็น Introvert และนิสัยเหล่านี้จึงเหมาะกับการเป็น Data Analyst มาก ๆ 4. นักพัฒนาโปรแกรม / Developer Developer เป็นหนึ่งในอาชีพที่ไม่ต้องประสานงานหรือคุยกับใครมาก หลัก ๆ จะโฟกัสอยู่กับการเขียนโค๊ด รวมถึงทำอะไรต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งต้องใช้สมาธิสูง ไม่ต้องคุยกับใคร จึงเป็นหนึ่งในอาชีพที่เหมาะกับ Introvert  อีกหนึ่งอาชีพ 5. นักบัญชี / การเงิน (Accountant / Financial Analyst) กลุ่มอาชีพบัญชีและการเงินเป็นงานที่ต้องใช้ความแม่นยำ รอบคอบ และความใส่ใจในรายละเอียดสูง การเป็น Introvert ซึ่งมักเป็นคนที่มีระเบียบและช่างสังเกต ทำให้เหมาะกับการจัดการตัวเลข เอกสาร และรายงานต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยสมาธิอย่างมาก นอกจากนี้ยังเป็นงานที่สามารถทำงานเดี่ยวได้โดยไม่จำเป็นต้องสื่อสารกับคนจำนวนมาก 6. บรรณาธิการ / Proofreader อาชีพบรรณาธิการหรือผู้ตรวจสอบเนื้อหาเป็นงานที่ต้องใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเป็นจุดแข็งของคน Introvert ที่มักมองเห็นข้อผิดพลาดที่คนอื่นอาจมองข้าม ต้องใช้ทั้งสมาธิ ความรอบคอบ และความเข้าใจในเนื้อหา เพื่อทำให้งานเขียนมีความถูกต้องและสมบูรณ์แบบที่สุด เหมาะกับการทำงานแบบเงียบ ๆ และจดจ่อกับเนื้อหาได้เต็มที่ 7. ครูติวเตอร์แบบ 1-on-1 / ติวเตอร์ออนไลน์ ถึงแม้จะเป็นงานที่ต้องมีการสื่อสาร แต่การติวตัวต่อตัวหรือสอนออนไลน์ช่วยให้ Introvert จัดการพลังงานทางสังคมได้ดีขึ้น เพราะเป็นการโฟกัสกับผู้เรียนแบบเฉพาะบุคคล หากกำลังหางานในไทย เราได้รวบรวมงานไว้ให้หมดแล้ว - Jobs 10 Checklist ว่าเราเป็น Introvert หรือเปล่า? รู้สึกเหนื่อยเมื่อต้องอยู่กับคนหมู่มาก ชอบอยู่บ้านมากกว่าปาร์ตี้ มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบ Small Talk แต่ชอบการคุย Deep Talk ใช้เวลาคิดก่อนตอบ ทำงานคนเดียวแล้วได้ผลลัพธ์ดีกว่า รู้สึกเครียดเมื่อถูกจับตามอง ฟังเก่ง และมักจะเป็นที่ปรึกษาที่ดี รู้สึกว่า “การได้อยู่เงียบ ๆ” เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า ชอบแสดงออกผ่านการเขียนหรือศิลปะมากกว่าการพูด เบื่อไหมกับการไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับงานแบบไหน? อยากเปลี่ยนสายงาน แต่ไม่มั่นใจว่าทางไหนคือของเราจริง ๆ  มาลอง Jobcadu Career Toolkit เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ตัวตนและศักยภาพในการทำงาน ที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณ: ✅ รู้ว่าตัวเองเหมาะกับอาชีพสายไหน ✅ เข้าใจจุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง ✅ ค้นพบงานที่ “ตรงใจ” และ “ตรงจริต” ✅ สร้างเส้นทางอาชีพอย่างมีเป้าหมาย ไม่หลงทางอีกต่อไป แค่ทำแบบทดสอบของเรา ใช้เวลาไม่นาน คุณจะได้ผลลัพธ์แบบเจาะลึก พร้อมคำแนะนำเฉพาะตัวสำหรับคุณ ทำแบบทดสอบฟรีกับ Jobcadu ได้เลยตอนนี้!

    Jun 19, 2025
    5 min
    Thumbnail for ชอบพูด ชอบคุย ชอบเจอคนใหม่ ๆ ใช่ว่าจะวุ่นวาย! มารู้จักกับ 7 อาชีพที่คน Extrovert ทำได้ดี
    Jobs & Industries

    ชอบพูด ชอบคุย ชอบเจอคนใหม่ ๆ ใช่ว่าจะวุ่นวาย! มารู้จักกับ 7 อาชีพที่คน Extrovert ทำได้ดี

    ในขณะที่บางคนชอบอยู่เงียบ ๆ คนอีกกลุ่มหนึ่งกลับรู้สึก “มีชีวิตชีวา” เมื่อได้เจอผู้คนใหม่ ๆ ได้พูด ได้ฟัง ได้เชื่อมต่อกับผู้คนบุคลิกแบบนี้คือสิ่งที่เรียกว่า Extrovert (เอ็กซ์โทรเวิร์ต) แต่ Extrovert ไม่ได้หมายความว่า “เสียงดัง” “วุ่นวาย” เสมอไป  จริง ๆ แล้วพวกเขาคือคนที่มีพลังบวกมหาศาล และเหมาะกับงานหลายประเภทที่ต้องใช้ทักษะการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์เป็นหลัก Extrovert คืออะไร? Extrovert คือบุคคลที่มีแนวโน้มจะ “ชาร์จพลัง” จากการเข้าสังคม การพูดคุย หรืออยู่ท่ามกลางผู้คน พวกเขารู้สึกสนุกและกระตือรือร้นเมื่อได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เป็นนักฟังที่เปิดใจ และมักมีความมั่นใจในการเข้าสังคม Extrovert ไม่ได้แปลว่าต้องพูดเก่งเสมอไป แต่พวกเขาชอบการเชื่อมโยงและรู้สึกสบายในการเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมรอบตัว นิสัยเด่นของคน Extrovert กล้าแสดงออก ชอบการสื่อสารแบบตรงไปตรงมา เปิดเผยทางความรู้สึก พูดในสิ่งที่คิด ปรับตัวง่ายเมื่ออยู่ในสังคมหรือทีมใหม่ ๆ มีทักษะการทำงานเป็นทีม แสดงความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้ผ่านการพูดหรือการลงมือทำร่วมกับผู้อื่น จุดด้อยที่มักพบในคน Extrovert อาจไม่ถนัดงานที่ต้องทำคนเดียวเงียบ ๆ นาน ๆ ตัดสินใจไว บางครั้งอาจไม่ไตร่ตรองพอ มีโอกาสพูดมากกว่าฟัง ทำให้เข้าใจผู้อื่นได้ไม่ลึกนัก ต้องระวังเรื่องความเหนื่อยล้าจากการเข้าสังคมตลอดเวลา 7 อาชีพที่คน Extrovert ทำได้ดี 1. นักการตลาด / Digital Marketing เป็นอาชีพที่ต้องพูด ต้องเข้าใจผู้คน ต้องนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจ เหมาะกับ Extrovert ที่มีไหวพริบและความคิดสร้างสรรค์ 2. พนักงานขาย / Sales Executive Extrovert เหมาะมากกับงานที่ต้องพบลูกค้าใหม่ ๆ การใช้ทักษะการต่อรอง การสื่อสาร 3. พิธีกร / นักจัดรายการ / สื่อสายบันเทิง หากคุณไม่กลัวไมค์ รู้สึกสนุกเวลาพูดกับกล้องหรือคนเยอะ ๆ นี่คืออาชีพที่ใช่สำหรับคุณ 4. HR / ผู้จัดการฝ่ายบุคคล การดูแลคนในองค์กร ทำความเข้าใจเพื่อนร่วมงาน และสร้างบรรยากาศที่ดีคือจุดแข็งของ Extrovert 5. ครู / วิทยากร / โค้ช ใครที่พูดเก่งและอธิบายเก่ง ชอบการมีอิทธิพลต่อคนอื่น งานสอนหรือการพูดในที่สาธารณะคืองานเหมาะกับ Extrovert อย่างที่เเท้จริง 6. อีเวนต์ออร์แกไนเซอร์ / Event Organizer เหมาะกับคนที่จัดการรายละเอียดและประสานงานเก่ง พร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆเเละปัญหาเฉพาะหน้าแบบไม่ตื่นตระหนก 7. นักจิตวิทยา / ที่ปรึกษา แม้จะดูเป็นงานเงียบ ๆ แต่คน Extrovert ที่ชอบฟังและเชื่อมโยงกับคนอื่นจะทำได้ดีมาก ✅ 10 Checklist ว่าเราเป็น Extrovert หรือเปล่า? ชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้า รู้สึกมีพลังเมื่ออยู่ท่ามกลางคนเยอะ ๆ ไม่รู้สึกเขินเมื่อพูดหน้าชั้นเรียนหรือที่ประชุม ถนัดการทำงานเป็นทีมมากกว่าทำคนเดียว ชอบเป็นคนริเริ่มหรือจุดประกายไอเดีย ไม่กลัวการเผชิญหน้าหรือแสดงความคิดเห็น มักถูกมองว่า “คุยเก่ง-เปิดเผย” ตัดสินใจไว และลงมือทำทันที สนุกกับการจัดกิจกรรมหรือรวมกลุ่ม เบื่อเร็วถ้าต้องทำงานเงียบ ๆ นาน ๆ เบื่อไหมกับการไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับงานแบบไหน? อยากเปลี่ยนสายงาน แต่ไม่มั่นใจว่าทางไหนคือของเราจริง ๆ  มาลอง Jobcadu Career Toolkit เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ตัวตนและศักยภาพในการทำงาน ที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณ: ✅ รู้ว่าตัวเองเหมาะกับอาชีพสายไหน ✅ เข้าใจจุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง ✅ ค้นพบงานที่ “ตรงใจ” และ “ตรงจริต” ✅ สร้างเส้นทางอาชีพอย่างมีเป้าหมาย ไม่หลงทางอีกต่อไป แค่ทำแบบทดสอบของเรา ใช้เวลาไม่นาน คุณจะได้ผลลัพธ์แบบเจาะลึก พร้อมคำแนะนำเฉพาะตัวสำหรับคุณ ทำแบบทดสอบฟรีกับ Jobcadu ได้เลยตอนนี้!

    Jun 19, 2025
    5 min
    Thumbnail for 30 อาชีพอิสระยอดนิยม ทำเงินได้จริง ทำงานที่ไหนก็ได้ | Jobcadu
    Jobs & Industries

    30 อาชีพอิสระยอดนิยม ทำเงินได้จริง ทำงานที่ไหนก็ได้ | Jobcadu

    อาชีพอิสระ หรือ ฟรีแลนซ์ คืออะไร ในโลกการทำงานปัจจุบันที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นมากขึ้น คำว่า "อาชีพอิสระ" หรือ "ฟรีแลนซ์" (Freelance) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย อาชีพอิสระหมายถึงการทำงานที่ไม่ผูกมัดกับองค์กรหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นการถาวร แต่เป็นการรับงานจากลูกค้าหลายรายตามแต่ละโปรเจกต์หรือชิ้นงาน ผู้ประกอบอาชีพอิสระมีอิสระในการบริหารจัดการเวลา สถานที่ทำงาน และวิธีการทำงานของตนเองอย่างเต็มที่ โดยจะได้รับค่าตอบแทนตามผลงานที่ส่งมอบ การทำงานฟรีแลนซ์กำลังเป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้การสื่อสารและการทำงานระยะไกลเป็นไปได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ผู้คนจำนวนมากยังมองหาความยืดหยุ่นและความเป็นอิสระในการใช้ชีวิตมากขึ้น ทำให้การเป็นฟรีแลนซ์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายคน ฟรีแลนซ์กับพนักงานประจำต่างกันอย่างไร เรามาดูความแตกต่างที่สำคัญระหว่างฟรีแลนซ์กับพนักงานประจำกัน: 30 อาชีพอิสระ มีอะไรบ้าง หากคุณกำลังมองหาอาชีพที่ให้อิสระในการทำงานและสร้างรายได้ด้วยตัวเอง นี่คือ 30 อาชีพอิสระยอดนิยมที่น่าสนใจ พร้อมคำอธิบายสั้น ๆ เพื่อให้คุณเห็นภาพ: นักเขียน/นักเขียนบทความ (Content Writer): เขียนบทความ, บทความ SEO, บล็อกโพสต์, สคริปต์วิดีโอ ให้กับเว็บไซต์, ธุรกิจ หรือสื่อต่าง ๆ นักแปล (Translator): แปลเอกสาร, เว็บไซต์, หนังสือ หรือสื่ออื่น ๆ จากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่ง บรรณาธิการ/พิสูจน์อักษร (Editor/Proofreader): ตรวจสอบความถูกต้องของไวยากรณ์, การสะกดคำ, การใช้ภาษา และความสอดคล้องของเนื้อหา นักออกแบบกราฟิก (Graphic Designer): ออกแบบโลโก้, โบรชัวร์, เว็บไซต์, สื่อโซเชียลมีเดีย และงานออกแบบอื่น ๆ นักพัฒนาเว็บไซต์ (Web Developer): สร้างและดูแลเว็บไซต์ทั้งฝั่ง Front-end และ Back-end นักพัฒนาแอปพลิเคชัน (App Developer): พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับ iOS หรือ Android ผู้เชี่ยวชาญ SEO (SEO Specialist): ปรับปรุงเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหาบน Google ผู้จัดการโซเชียลมีเดีย (Social Media Manager): วางแผน, สร้างเนื้อหา และบริหารจัดการช่องทางโซเชียลมีเดียให้แบรนด์หรือธุรกิจ ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์วิดีโอ (Video Content Creator): ถ่ายทำ, ตัดต่อ และสร้างสรรค์วิดีโอสำหรับ YouTube, TikTok หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ช่างภาพ (Photographer): รับงานถ่ายภาพบุคคล, สินค้า, อีเวนต์ หรือภาพสต็อก นักวาดภาพประกอบ (Illustrator): วาดภาพประกอบสำหรับหนังสือ, โฆษณา, เว็บไซต์ หรือสินค้า นักพากย์เสียง (Voice-over Artist): ให้เสียงพากย์สำหรับโฆษณา, สารคดี, แอนิเมชัน หรือ e-learning ที่ปรึกษา (Consultant): ให้คำแนะนำในสาขาความเชี่ยวชาญของตนเอง เช่น การตลาด, ธุรกิจ, การเงิน, ไอที ติวเตอร์/ครูสอนพิเศษ (Tutor/Private Teacher): สอนพิเศษวิชาการ, ภาษา หรือทักษะเฉพาะทาง โค้ช (Coach): ให้คำปรึกษาและช่วยพัฒนาศักยภาพในด้านต่าง ๆ เช่น Life Coach, Career Coach นักบัญชี (Accountant): ทำบัญชี, ตรวจสอบบัญชี หรือให้คำปรึกษาด้านภาษีแก่บุคคลทั่วไปหรือธุรกิจขนาดเล็ก ผู้ช่วยเสมือน (Virtual Assistant): ช่วยงานธุรการ, บริหารจัดการตารางเวลา, ตอบอีเมล หรือช่วยเหลืองานอื่น ๆ ทางไกล ผู้ดูแลเว็บไซต์ (Website Administrator): ดูแลและจัดการข้อมูลบนเว็บไซต์, อัปเดตเนื้อหา, แก้ไขปัญหาเบื้องต้น นักสร้างสรรค์งานฝีมือ/สินค้า DIY (Crafter/DIY Creator): ประดิษฐ์สินค้าทำมือเพื่อขายออนไลน์ นักเขียน/ทำเรซูเม่ (Resume Writer): รับเขียนเรซูเม่และ Cover Letter ที่โดดเด่น นักตัดต่อวิดีโอ (Video Editor): รับตัดต่อฟุตเทจดิบให้เป็นวิดีโอที่สมบูรณ์และน่าสนใจ ผู้ดูแลลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Service Representative): ให้บริการลูกค้าทางโทรศัพท์, อีเมล หรือแชท นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst): รวบรวม, วิเคราะห์ และตีความข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ ผู้จัดการโครงการ (Project Manager): วางแผน, จัดการ และติดตามโครงการต่าง ๆ เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย นักออกแบบสถาปัตยกรรม/มัณฑนากร (Architect/Interior Designer): รับออกแบบบ้าน, อาคาร, หรือตกแต่งภายใน ผู้จัดอีเวนต์ (Event Planner): วางแผนและจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน, งานเลี้ยงบริษัท นักโภชนาการ/ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ (Nutritionist/Health Specialist): ให้คำปรึกษาด้านอาหาร, โภชนาการ หรือการออกกำลังกาย นักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketer): วางแผนและดำเนินการแคมเปญการตลาดออนไลน์ เช่น Google Ads, Facebook Ads นักรีวิวสินค้า/บริการ (Product/Service Reviewer): เขียนรีวิวสินค้าหรือบริการเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ผู้สร้างคอร์สออนไลน์ (Online Course Creator): สร้างและขายคอร์สเรียนออนไลน์จากความเชี่ยวชาญของตนเอง อาชีพฟรีแลนซ์ไหนที่ต้องเสริมสร้างทักษะด้วยการลงคอร์สเรียนออนไลน์ นอกจากนั้นยังมีบางอาชีพที่ต้องการทักษะจากคอร์สเรียนเสริม เพื่อให้ได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น กลุ่มอาชีพด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี: นักเขียน/นักเขียนบทความ (Content Writer): คอร์สเรียน หลักการเขียนบทความ SEO ให้ติดอันดับ, การเขียนบล็อก ให้น่าสนใจ, หรือเทคนิคการสร้าง Content Marketing ที่มีประสิทธิภาพ นักออกแบบกราฟิก (Graphic Designer): สอนใช้โปรแกรมออกแบบ เช่น Adobe Photoshop, Illustrator, หรือแม้แต่ Canva รวมถึง หลักการออกแบบเบื้องต้น หรือการสร้างแบรนด์ นักพัฒนาเว็บไซต์ (Web Developer): คอร์สสอน การสร้างเว็บไซต์เบื้องต้น ด้วย HTML, CSS, JavaScript หรือการใช้งาน CMS ยอดนิยมอย่าง WordPress นักพัฒนาแอปพลิเคชัน (App Developer): คอร์สสอนพื้นฐาน การพัฒนาแอปพลิเคชัน สำหรับ iOS หรือ Android ผู้จัดการโซเชียลมีเดีย (Social Media Manager): คอร์สสอนการ วางกลยุทธ์ Social Media, การสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูด, การยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์วิดีโอ (Video Content Creator) / นักตัดต่อวิดีโอ (Video Editor): คอร์สสอน เทคนิคการถ่ายทำ, การจัดแสง, การตัดต่อวิดีโอด้วยโปรแกรมยอดนิยม, หรือการสร้างสตอรี่บอร์ด นักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketer): คอร์สสอนภาพรวมการตลาดดิจิทัล, คอร์สการทำโฆษณาบน Google Ads,คอร์ส Facebook Ads, หรือคอร์สกลยุทธ์ Email Marketing กลุ่มอาชีพด้านความคิดสร้างสรรค์และศิลปะ: นักวาดภาพประกอบ (Illustrator): คอร์สเทคนิคการวาดภาพ ทั้งด้วยมือหรือดิจิทัล, การใช้โปรแกรมวาดภาพ, หรือสไตล์การวาดเฉพาะทาง ช่างภาพ (Photographer): คอร์สพื้นฐานการถ่ายภาพ, การจัดแสง, การจัดองค์ประกอบภาพ, หรือ การแต่งภาพ ด้วยโปรแกรมอย่าง Lightroom/Photoshop การสร้างคอร์สเรียนออนไลน์ไม่เพียงแต่เป็นช่องทางในการสร้างรายได้เพิ่มเติม แต่ยังช่วย สร้าง Personal Brand ของคุณในฐานะผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออาชีพฟรีแลนซ์ของคุณในระยะยาวอีกด้วย การเริ่มต้นเป็นฟรีแลนซ์ต้องใช้ความมุ่งมั่นและทักษะการบริหารจัดการที่ดี คุณจะต้องเรียนรู้การตลาดตัวเอง, การสร้างเครือข่าย, การกำหนดราคา, และการบริหารการเงิน หากคุณมีความเชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่งและพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตการทำงานของตนเอง อาชีพอิสระสามารถมอบอิสระทางการเงินและชีวิตที่คุณใฝ่ฝันได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเขียน, นักออกแบบ, นักพัฒนา หรือมีทักษะอื่น ๆ ที่เป็นที่ต้องการ ตลาดฟรีแลนซ์มีโอกาสมากมายรอคุณอยู่! หากชอบงานประจำ ทางเรา Jobcadu ก็รับสมัครงานตำแหน่งมากมายจากบริษัทชั้นนำมากมายด้วยคลิกที่นี่เพื่อหางานที่ Jobcadu!

    Jun 12, 2025
    5 min
    Thumbnail for จบใหม่เรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดี จบใหม่เงินเดือนเท่าไหร่ Jobcadu มีคำตอบ!
    Jobs & Industries

    จบใหม่เรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดี จบใหม่เงินเดือนเท่าไหร่ Jobcadu มีคำตอบ!

    จบใหม่เรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดี Jobcadu มีคำตอบ! สำหรับน้อง ๆ ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยและกำลังจะสำเร็จการศึกษา หรือบัณฑิตจบใหม่ที่กำลังมองหางาน สิ่งหนึ่งที่สร้างความกังวลใจและคำถามที่พบบ่อยคือ "จบใหม่ควรเรียกเงินเดือนเท่าไร?" หรือ "ควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดี?" Jobcadu เข้าใจปัญหานี้ทุกคน และพร้อมที่จะให้คำตอบเพื่อช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเรียกเงินเดือนได้อย่างเหมาะสมและมั่นใจ จบใหม่ควรเรียกเงินเดือนเท่าไร? คำถามยอดฮิตที่ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะอัตราเงินเดือนเริ่มต้นของเด็กจบใหม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น: สาขาวิชาที่จบ: บางสาขาที่เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน เช่น วิศวกรรมศาสตร์, เทคโนโลยีสารสนเทศ, สายสุขภาพ มักมีแนวโน้มได้รับเงินเดือนสูงกว่าสาขาอื่นๆ สถาบันการศึกษา: ชื่อเสียงของสถาบันอาจมีผลเล็กน้อยในบางองค์กร โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่หรือองค์กรที่มีการแข่งขันสูง ผลการเรียน/เกรดเฉลี่ย: ผลการเรียนที่ดีเยี่ยม หรือการมีเกียรตินิยม อาจเป็นจุดแข็งที่ทำให้คุณมีโอกาสเรียกเงินเดือนเพิ่มขึ้น ทักษะและความสามารถพิเศษ: ทักษะเสริมต่างๆ เช่น ภาษาต่างประเทศ, โปรแกรมคอมพิวเตอร์เฉพาะทาง, หรือประสบการณ์จากการฝึกงาน/กิจกรรมนอกหลักสูตร สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับตัวคุณได้ ประเภทของธุรกิจ/อุตสาหกรรม: อุตสาหกรรมบางประเภท เช่น FinTech, E-commerce, Oil & Gas มักเสนออัตราเงินเดือนที่สูงกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ขนาดของบริษัท: บริษัทขนาดใหญ่ หรือบริษัทข้ามชาติ มักมีโครงสร้างเงินเดือนที่สูงกว่า SME หรือบริษัทขนาดเล็ก ตำแหน่งงาน: ลักษณะงานและความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่งย่อมส่งผลต่ออัตราเงินเดือนที่ได้รับ จบใหม่เรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดี Jobcadu มีคำตอบ! สำหรับน้อง ๆ ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยและกำลังจะสำเร็จการศึกษา หรือบัณฑิตจบใหม่ที่กำลังมองหางาน สิ่งหนึ่งที่สร้างความกังวลใจและคำถามที่พบบ่อยคือ "จบใหม่ควรเรียกเงินเดือนเท่าไร?" หรือ "ควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ดี?" Jobcadu เข้าใจปัญหานี้ทุกคน และพร้อมที่จะให้คำตอบเพื่อช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเรียกเงินเดือนได้อย่างเหมาะสมและมั่นใจ จบใหม่ควรเรียกเงินเดือนเท่าไร? คำถามยอดฮิตที่ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะอัตราเงินเดือนเริ่มต้นของเด็กจบใหม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น: สาขาวิชาที่จบ: บางสาขาที่เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน เช่น วิศวกรรมศาสตร์, เทคโนโลยีสารสนเทศ, สายสุขภาพ มักมีแนวโน้มได้รับเงินเดือนสูงกว่าสาขาอื่นๆ สถาบันการศึกษา: ชื่อเสียงของสถาบันอาจมีผลเล็กน้อยในบางองค์กร โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่หรือองค์กรที่มีการแข่งขันสูง ผลการเรียน/เกรดเฉลี่ย: ผลการเรียนที่ดีเยี่ยม หรือการมีเกียรตินิยม อาจเป็นจุดแข็งที่ทำให้คุณมีโอกาสเรียกเงินเดือนเพิ่มขึ้น ทักษะและความสามารถพิเศษ: ทักษะเสริมต่างๆ เช่น ภาษาต่างประเทศ, โปรแกรมคอมพิวเตอร์เฉพาะทาง, หรือประสบการณ์จากการฝึกงาน/กิจกรรมนอกหลักสูตร สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับตัวคุณได้ ประเภทของธุรกิจ/อุตสาหกรรม: อุตสาหกรรมบางประเภท เช่น FinTech, E-commerce, Oil & Gas มักเสนออัตราเงินเดือนที่สูงกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ขนาดของบริษัท: บริษัทขนาดใหญ่ หรือบริษัทข้ามชาติ มักมีโครงสร้างเงินเดือนที่สูงกว่า SME หรือบริษัทขนาดเล็ก ตำแหน่งงาน: ลักษณะงานและความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่งย่อมส่งผลต่ออัตราเงินเดือนที่ได้รับ จบใหม่เงินเดือน 30000 เยอะไหม? สำหรับเด็กจบใหม่ การได้เงินเดือน 30,000 บาท ถือว่าค่อนข้างสูงและเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน อย่างไรก็ตาม การจะได้รับเงินเดือนในระดับนี้มักจะมาจากสาขาวิชาที่ขาดแคลนบุคลากร ทักษะเฉพาะทางที่โดดเด่น หรือการได้ทำงานในองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตสูง เงินเดือนเด็กจบใหม่ 2567 และแนวโน้ม 2568 ข้อมูลเงินเดือนเด็กจบใหม่เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตามสภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน เงินเดือนเด็กจบใหม่ 2567: โดยเฉลี่ยแล้ว เงินเดือนเริ่มต้นสำหรับเด็กจบใหม่ในประเทศไทยปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 15,000 - 25,000 บาท ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เงินเดือน ป.ตรี จบใหม่ 2566: โดยเฉลี่ยอยู่ในช่วง 15,000 - 22,000 บาท เงินเดือน ป.ตรี จบใหม่ 2567: แนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อยู่ในช่วง 16,000 - 25,000 บาท จบใหม่ เงินเดือน 20,000: เป็นอัตราที่พบเห็นได้บ่อยในหลายสาขา และเป็นเป้าหมายที่หลายคนตั้งไว้ เงินเดือนเด็กจบใหม่ 2568: คาดการณ์ว่าอัตราเงินเดือนเด็กจบใหม่ในปี 2568 จะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี, AI, Data Science และสาขาที่ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต หากมีทักษะภาษาก็อาจจะเพิ่มเงินเดือนได้ เงินเดือนเด็กจบใหม่ วิศวะ: สาขาวิศวกรรมศาสตร์ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน โดยเฉพาะวิศวะคอมพิวเตอร์, วิศวะไฟฟ้า, วิศวะเครื่องกล เงินเดือนเริ่มต้นสำหรับเด็กจบใหม่วิศวะโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 - 30,000 บาท หรือสูงกว่านั้นในบางสาขาและบริษัทชั้นนำ เงินเดือน ป.ตรี จบใหม่ บริษัทเอกชน: บริษัทเอกชนส่วนใหญ่มักมีโครงสร้างเงินเดือนที่หลากหลายกว่าหน่วยงานภาครัฐ เงินเดือนเริ่มต้นในบริษัทเอกชนอาจสูงกว่าหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัท, ประเภทธุรกิจ และตำแหน่งงานที่สมัคร โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 15,000 - 25,000 บาท สรุป: จบปริญญาตรี ควรได้เงินเดือนเริ่มต้นเท่าไหร่? โดยสรุปแล้ว สำหรับบัณฑิตจบใหม่ระดับปริญญาตรี การตั้งเป้าเงินเดือนเริ่มต้นที่เหมาะสมควรพิจารณาจาก อัตราเฉลี่ยในตลาด: ศึกษาข้อมูลเงินเดือนเริ่มต้นของอาชีพและสาขาที่คุณสนใจ คุณสมบัติของตนเอง: ประเมินทักษะ, ความสามารถ, เกรดเฉลี่ย และประสบการณ์ (ถ้ามี) ประเภทของบริษัทและอุตสาหกรรม: บริษัทขนาดใหญ่, บริษัทข้ามชาติ หรืออุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต มักเสนอเงินเดือนที่สูงกว่า Jobcadu ขอแนะนำให้เราศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรตเงินเดือนของสายนั้น ๆ และอย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์ และอย่ากลัวที่จะต่อรองเงินเดือนอย่างมีเหตุผล เพื่อให้ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถ และความตั้งใจของเรา หากคุณกำลังมองหางาน หรือต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินเดือนและอาชีพต่างๆ Jobcadu พร้อมเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้คุณค้นหางานในฝันได้อย่างง่ายดาย!

    Jun 9, 2025
    5 min
    Thumbnail for 10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายงานการตลาด
    Jobs & Industries

    10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายงานการตลาด

    อาชีพที่ให้ค่าตอบแทนสูงเป็นเป้าหมายของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในสายงานการตลาดที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ ยิ่งในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจจึงต้องพึ่งพานักการตลาดที่มีทักษะเฉพาะทางเพื่อสร้างยอดขายและขยายตลาด อาชีพบางสายสามารถให้ค่าตอบแทนหลักแสนบาทต่อเดือนเลยทีเดียว มาดูกันว่าอาชีพไหนบ้างที่อยู่ในลิสต์นี้ 1. ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer-CMO) CMO เป็นผู้บริหารระดับสูงที่รับผิดชอบกลยุทธ์ทางการตลาดขององค์กร ทำหน้าที่กำหนดทิศทาง สร้างแบรนด์ วางแผนกลยุทธ์การตลาด และควบคุมงบประมาณด้านการตลาดทั้งหมดของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทักษะที่จำเป็น: กลยุทธ์การตลาด, การบริหารงบประมาณ, การวิเคราะห์ข้อมูล, การสร้างแบรนด์ เรตเงินเดือน: 90,000 - 300,000+ บาท 2. ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเชิงประสิทธิภาพ (Performance Marketing Manager) ตำแหน่งนี้เน้นการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Marketing) โดยเน้นการเพิ่ม ROI (Return on Investment) ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Google Ads, Facebook Ads และ SEO เพื่อเพิ่มยอดขายและลดต้นทุนในการทำการตลาด ทักษะที่จำเป็น: การวิเคราะห์ข้อมูล, Google Analytics, การตลาดดิจิทัล, การจัดการโฆษณาออนไลน์ เรตเงินเดือน: 70,000 - 95,000+ บาท 3. ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Director) ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้มีหน้าที่กำหนดกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ดูแลการใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Social Media, SEO, SEM และ Content Marketing ให้สามารถสร้างการมีส่วนร่วมและเพิ่มยอดขายของธุรกิจ ทักษะที่จำเป็น: การตลาดดิจิทัล การวางแผนกลยุทธ์ การจัดการทีม เรตเงินเดือน: 70,000 - 200,000+ บาท 4. ผู้จัดการแบรนด์ (Brand Manager) Brand Manager มีหน้าที่ดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และบริหารผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของบริษัท พวกเขาต้องวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและพัฒนาแนวทางการสื่อสารแบรนด์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทักษะที่จำเป็น: การสร้างแบรนด์ การบริหารผลิตภัณฑ์ การวิจัยตลาด เรตเงินเดือน: 70,000 - 150,000+ บาท 5. นักวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด (Data Analyst) นักวิเคราะห์ข้อมูลมีหน้าที่รวบรวม วิเคราะห์ และตีความข้อมูลการตลาดเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำขึ้น โดยใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics, SQL และ Power BI ทักษะที่จำเป็น: การวิเคราะห์ข้อมูล, Data Science, เครื่องมือ BI เรตเงินเดือน: 50,000 - 180,000+ บาท 6. ผู้จัดการสื่อโซเชียลมีเดีย (Social Media Manager) Social Media Manager ดูแลและบริหารช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์ เช่น Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok โดยต้องสร้างคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและใช้กลยุทธ์เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) ทักษะที่จำเป็น: การตลาดบนโซเชียลมีเดีย, การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค, การสร้างสรรค์คอนเทนต์ เรตเงินเดือน: 50,000 - 150,000+ บาท 7. ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO (SEO Specialist) SEO Specialist มีหน้าที่เพิ่มอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ เพื่อให้เว็บไซต์ได้รับ Traffic แบบ Organic โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา พวกเขาต้องใช้เทคนิค On-page และ Off-page SEO รวมถึงวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับที่ดีที่สุด ทักษะที่จำเป็น: SEO, Google Analytics, การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด เรตเงินเดือน: 40,000 - 180,000+ บาท 8. ผู้จัดการด้านการตลาดเนื้อหา (Content Marketing Manager) Content Marketing Manager มีหน้าที่วางกลยุทธ์และสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดใจผู้บริโภค เช่น บทความ วิดีโอ อินโฟกราฟิก หรือพอดแคสต์ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ทักษะที่จำเป็น: การเขียนคอนเทนต์, Storytelling, กลยุทธ์การตลาด เรตเงินเดือน: 40,000 - 170,000+ บาท 9. ผู้จัดการฝ่ายอีคอมเมิร์ซ (E-commerce Manager) E-commerce Manager ดูแลการขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada และเว็บไซต์ของแบรนด์ โดยต้องบริหารสต็อกสินค้า วางแผนโปรโมชั่น และพัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ของลูกค้า ทักษะที่จำเป็น: การบริหารแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ UX/UI การตลาดออนไลน์ เรตเงินเดือน: 50,000 - 200,000+ บาท 10.  ผู้จัดการด้านการตลาดอินฟลูเอนเซอร์เเละ KOL  (Influencer & KOL Marketing Manager) ตำแหน่งนี้รับผิดชอบการวางแผนและจัดการแคมเปญการตลาดที่ใช้ Influencer หรือ KOLs (Key Opinion Leaders) เพื่อโปรโมตสินค้าและบริการ โดยต้องเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสม วัดผลลัพธ์ และปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด ทักษะที่จำเป็น: Relationship management, กลยุทธ์การตลาด, การวิเคราะห์ผลลัพธ์ เรตเงินเดือน: 40,000 - 180,000+ บาท งานสายการตลาดเป็นหนึ่งในสายงานที่มีความต้องการสูงและให้ค่าตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการตลาดดิจิทัลและการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ การพัฒนาทักษะและความสามารถในด้านต่าง ๆ จะช่วยให้สามารถก้าวหน้าในอาชีพและได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น เเละ​​หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    Marketing
    หางาน
    อาชีพมาแรง
    Mar 28, 2025
    2 min
    Thumbnail for 10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายวิศวะ
    Jobs & Industries

    10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายวิศวะ

    การมีรายได้สูงเป็นหนึ่งในเป้าหมายของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในสายงานวิศวกรรม ซึ่งต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางและทักษะที่ซับซ้อน อาชีพบางสายสามารถให้ค่าตอบแทนหลักแสนบาทต่อเดือนได้ หากมีประสบการณ์และความสามารถที่เหมาะสม มาดูกันว่า 10 อาชีพวิศวกรรมที่ให้ค่าตอบแทนสูงมีอะไรบ้าง 1. วิศวกรปิโตรเลียม (Petroleum Engineer) วิศวกรปิโตรเลียมทำหน้าที่ศึกษา ออกแบบ และพัฒนาเทคนิคในการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากแหล่งใต้ดินอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเพิ่มผลผลิตจากแหล่งพลังงานเดิมให้มากขึ้น พวกเขายังต้องวิเคราะห์ข้อมูลทางธรณีวิทยาและเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต ทักษะที่จำเป็น: วิศวกรรมปิโตรเลียม, ธรณีวิทยา, การจำลองแหล่งพลังงาน เรตเงินเดือน: 80,000 - 300,000 บาท 2. วิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Engineer) วิศวกรซอฟต์แวร์มีหน้าที่ออกแบบ พัฒนา และปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของผู้ใช้ งานของพวกเขาครอบคลุมตั้งแต่การเขียนโปรแกรม การออกแบบโครงสร้างระบบ ไปจนถึงการแก้ไขข้อบกพร่องของซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ ทักษะที่จำเป็น: การเขียนโปรแกรม (Python, Java, C++), การออกแบบระบบ, การจัดการฐานข้อมูล เรตเงินเดือน: 40,000 - 200,000 บาท 3. วิศวกรหุ่นยนต์ (Robotics Engineer) วิศวกรหุ่นยนต์ทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมและงานวิจัย เช่น หุ่นยนต์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หุ่นยนต์ทางการแพทย์ หรือหุ่นยนต์ช่วยเหลือในงานเฉพาะทาง โดยต้องพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อให้หุ่นยนต์ทำงานได้อย่างแม่นยำ ทักษะที่จำเป็น: วิศวกรรมเครื่องกล, อิเล็กทรอนิกส์ AI และการควบคุมอัตโนมัติ เรตเงินเดือน: 40,000 - 250,000 บาท 4. วิศวกรปัญญาประดิษฐ์ (AI Engineer) วิศวกรปัญญาประดิษฐ์มีหน้าที่พัฒนาโมเดล AI และ Machine Learning เพื่อนำไปใช้ในระบบอัจฉริยะ เช่น ระบบแนะนำสินค้า ระบบวิเคราะห์ข้อมูล และรถยนต์ไร้คนขับ พวกเขาต้องวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ สร้างอัลกอริธึมที่สามารถเรียนรู้ได้ และปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ AI อย่างต่อเนื่อง ทักษะที่จำเป็น: การเขียนโปรแกรม, Data Science, อัลกอริธึม AI เรตเงินเดือน: 70,000 - 250,000 บาท 5. วิศวกรความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Engineer) วิศวกรความปลอดภัยทางไซเบอร์ทำหน้าที่ปกป้องระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่าย และข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น การโจมตีของแฮกเกอร์หรือมัลแวร์ โดยต้องออกแบบระบบความปลอดภัย ตรวจสอบช่องโหว่ และพัฒนาโซลูชันเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล ทักษะที่จำเป็น: การเจาะระบบ, Ethical Hacking, ความปลอดภัยเครือข่าย เรตเงินเดือน: 60,000 - 220,000 บาท 6. วิศวกรระบบคลาวด์ (Cloud Engineer) วิศวกรระบบคลาวด์มีหน้าที่ออกแบบ ดูแล และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน Cloud Computing เช่น AWS, Azure และ Google Cloud พวกเขาต้องบริหารทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์และเครือข่ายให้รองรับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะที่จำเป็น: DevOps, Cloud Infrastructure เรตเงินเดือน: 50,000 - 200,000 บาท 7. วิศวกรเหมืองแร่ (Mining Engineer) วิศวกรเหมืองแร่ทำหน้าที่ออกแบบ วางแผน และควบคุมการขุดเจาะแร่ให้อยู่ในมาตรฐานความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการวิเคราะห์คุณภาพแร่และกำหนดวิธีการสกัดแร่ที่มีประสิทธิภาพ ทักษะที่จำเป็น: ธรณีวิทยา, วิศวกรรมเหมืองแร่, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เรตเงินเดือน: 50,000 - 250,000 บาท 8. วิศวกรอากาศยาน (Aerospace Engineer) วิศวกรอากาศยานมีหน้าที่ออกแบบ พัฒนา และทดสอบเครื่องบิน อวกาศยาน และระบบที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบขับเคลื่อน อากาศพลศาสตร์ และโครงสร้างของเครื่องบิน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทักษะที่จำเป็น: วิศวกรรมเครื่องกล, Aerodynamics, การคำนวณโครงสร้าง เรตเงินเดือน: 50,000 - 300,000 บาท 9. วิศวกรพลังงาน (Energy Engineer) วิศวกรพลังงานทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาโซลูชันด้านพลังงาน เช่น พลังงานหมุนเวียน (โซลาร์เซลล์ พลังงานลม) หรือระบบผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทักษะที่จำเป็น: ไฟฟ้า, กลศาสตร์, พลังงานหมุนเวียน เรตเงินเดือน: 65,000 - 180,000 บาท 10. วิศวกรชีวการแพทย์ (Biomedical Engineer) วิศวกรชีวการแพทย์มีหน้าที่ออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ แขนขาเทียม และระบบวินิจฉัยโรค เพื่อให้แพทย์สามารถใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะที่จำเป็น: วิศวกรรมไฟฟ้า, ชีววิทยา, การออกแบบอุปกรณ์การแพทย์ เรตเงินเดือน: 35,000 - 200,000 บาท อาชีพในสายวิศวกรรมยังคงมีค่าตอบแทนสูง โดยเฉพาะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี พลังงาน และอุตสาหกรรมเฉพาะทาง การพัฒนาทักษะและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เรามีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพและได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น เเละ​​หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    หางาน
    อาชีพรายได้สูง
    งานวิศวะ
    Mar 28, 2025
    2 min
    Thumbnail for รวม 10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายศิลป์และสายภาษา
    Jobs & Industries

    รวม 10 อาชีพเงินเดือนสูงสำหรับสายศิลป์และสายภาษา

    ในยุคที่เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญของสายศิลป์และสายภาษา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทักษะเหล่านี้ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงาน และมีอาชีพจำนวนไม่น้อยที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถด้านศิลป์ภาษาได้รับผลตอบแทนที่สูงหากมีทักษะที่เหมาะสมและความสามารถที่โดดเด่น มาดูกันว่ามีอาชีพใดบ้างที่ให้ค่าตอบแทนสูงสำหรับคนที่มีพื้นฐานด้านศิลป์และภาษา 1. นักแปลและล่าม (Translator/Interpreter) นักแปลและล่ามทำหน้าที่แปลเอกสารหรือสื่อต่างๆ จากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง หรือแปลภาษาพูดในการประชุมหรือการสนทนา ทักษะที่จำเป็น: ความเชี่ยวชาญในภาษาต้นนั้น ๆ ภาษาเป้าหมาย เเละทักษะการสื่อสารที่ดี เรตเงินเดือน: 30,000 - 100,000 บาท (ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ) 2. นักเขียนคำโฆษณา (Copywriter) Copywriter ทำหน้าที่สร้างสรรค์ข้อความที่น่าสนใจและดึงดูดใจเพื่อใช้ในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ทักษะที่จำเป็น: ความคิดสร้างสรรค์, ทักษะการเขียน, ความเข้าใจในหลักการตลาด เรตเงินเดือน: 25,000 - 40,000 บาทขึ้นไป 3. บรรณาธิการ (Editor) บรรณาธิการทำหน้าที่ตรวจสอบและแก้ไขเนื้อหาต่างๆ ให้ถูกต้องตามหลักภาษาและมีความน่าสนใจ ทักษะที่จำเป็น: ความรู้ด้านภาษานั้น ๆ อย่างเชี่ยวชาญ, ความใส่ใจในรายละเอียด, ทักษะการสื่อสารที่ดี เรตเงินเดือน: 25,000 - 70,000 บาทขึ้นไป 4. นักออกแบบกราฟิก (Graphic Designer) นักออกแบบกราฟิกทำหน้าที่ในการสร้างสรรค์งานออกแบบต่างๆ เช่น โลโก้ โปสเตอร์ เว็บไซต์ เพื่อสื่อสารข้อมูลและสร้างความประทับใจ นักออกแบบที่มีเอกลักษณ์และสามารถสร้างสรรค์งานที่ดึงดูดใจตลาดสามารถสร้างรายได้ที่สูงได้ ทักษะที่จำเป็น: ความคิดสร้างสรรค์, ความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมออกแบบ, ทักษะการสื่อสารด้วยภาพ เรตเงินเดือน: 20,000 - 60,000 บาทขึ้นไป 5. UX/UI Designer อาชีพนี้เป็นที่ต้องการสูงในยุคดิจิทัล UX/UI Designer มีหน้าที่ออกแบบประสบการณ์และอินเทอร์เฟซผู้ใช้สำหรับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพื่อให้ใช้งานง่ายและดึงดูดใจ ทักษะที่จำเป็นคือการออกแบบกราฟิก การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ และความสามารถในการใช้ซอฟต์แวร์ออกแบบเช่น Figma หรือ Adobe XD ทักษะที่จำเป็น: UX/UI Design (Figma, Adobe XD) ,User Research & Usability Testing ,Wireframing และ Prototyping เรตเงินเดือน: 30,000 - 80,000 บาทขึ้นไป 6. ผู้กำกับศิลป์ (Art Director) ผู้กำกับศิลป์ทำหน้าที่ดูแลและควบคุมทิศทางด้านศิลปะในการผลิตสื่อต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ โฆษณา นิตยสาร ทักษะที่จำเป็น: ความคิดสร้างสรรค์, ทักษะการบริหารจัดการ, ทักษะการสื่อสารที่ดี เรตเงินเดือน: 30,000 - 60,000 บาทขึ้นไป 7. ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ (Creative Director) ครีเอทีฟไดเรกเตอร์มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมโฆษณาและสื่อสร้างสรรค์ เป็นผู้กำหนดแนวคิดหลักและควบคุมงานสร้างสรรค์ทั้งหมดของทีม ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญโฆษณา แบรนด์ดิ้ง หรือการผลิตเนื้อหาเพื่อสร้างอิทธิพลต่อผู้บริโภค ทักษะที่จำเป็น: การสื่อสาร การคิดเชิงกลยุทธ์ และความสามารถในการนำทีม เรตเงินเดือน: 35,000 - 80,000 บาทขึ้นไป 8.ผู้กำกับภาพยนตร์/โปรดิวเซอร์ (Director/Producer) ผู้กำกับภาพยนตร์และโปรดิวเซอร์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ภาพยนตร์และโฆษณา พวกเขาต้องบริหารทีมงาน กำกับการถ่ายทำ และตัดสินใจเกี่ยวกับงานศิลป์และเนื้อหาเพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์แบบ ทักษะที่จำเป็น: Storytelling, การจัดการทีม, ความคิดสร้างสรรค์, และการบริหารงบประมาณ เรตเงินเดือน: รายได้ขึ้นอยู่กับโปรเจกต์ โดยอาจเริ่มต้นที่ 100,000 บาท และสูงถึง 300,000 บาท 9. นักเขียนบทภาพยนตร์ (Screenwriter) นักเขียนบทภาพยนตร์มีหน้าที่หลักในการสร้างสรรค์เรื่องราวและบทสนทนาสำหรับภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ โดยต้องพัฒนาโครงเรื่อง เขียนบทสนทนา สร้างตัวละคร และเขียนบทบรรยาย รวมถึงแก้ไขบทให้สมบูรณ์พร้อมสำหรับการถ่ายทำ ทักษะที่จำเป็น: ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการเขียนบทสนทนาและการเล่าเรื่อง ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น เรตเงินเดือน: ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสำเร็จของผลงาน 10. อาจารย์หรือติวเตอร์ภาษา (Language Professor/Tutor) อาจารย์หรือติวเตอร์ภาษาต้องมีความรู้เชิงลึกและสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับนักศึกษาได้ดี ทักษะที่จำเป็น: ความรู้ด้านภาษานั้น ๆ อย่างเชี่ยวชาญ, ทักษะการสอน, ทักษะการสื่อสาร เรตเงินเดือน: 20,000 - 60,000 บาทขึ้นไป (หรือมากกว่านั้นสำหรับติวเตอร์อิสระ) อาชีพเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของสายงานที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถในสายศิลป์ภาษาได้รับผลตอบแทนที่สูง หากมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทักษะของตนเองก็สามารถประสบความสำเร็จในสายอาชีพเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน เเละ​​หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    Career
    งานสายภาษา
    ครีเอทีฟ
    Mar 28, 2025
    1 min
    Thumbnail for รวม 10 อาชีพเงินเดือนสูงที่รับเด็กจบใหม่
    Jobs & Industries

    รวม 10 อาชีพเงินเดือนสูงที่รับเด็กจบใหม่

    ในยุคปัจจุบัน การเลือกอาชีพที่มีเงินเดือนสูงเป็นเป้าหมายของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นอาชีพด้วยรายได้ที่มั่นคงและมีโอกาสเติบโตในสายงานที่ตนเองสนใจ อาชีพที่ให้เงินเดือนสูงมักเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การเงิน และการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเป็นทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการสูง มาดูกันว่า 10 อาชีพที่ให้ค่าตอบแทนสูงและเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่มีอะไรบ้าง 1. นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer) นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมต่าง ๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาต้องมีทักษะในการเขียนโค้ดด้วยภาษาโปรแกรม เช่น Python, Java หรือ JavaScript รวมถึงสามารถวิเคราะห์และแก้ไขข้อผิดพลาดในซอฟต์แวร์ได้ อาชีพนี้มีความต้องการสูงในตลาดแรงงาน และสามารถเติบโตไปเป็น Software Engineer หรือ CTO (Chief Technology Officer) ได้ในอนาคต ทักษะที่จำเป็น: Programming (Python, Java, JavaScript) , Database Management (SQL, NoSQL) , Git และ Version Control เรตเงินเดือน: 30,000 - 80,000 บาท 2. นักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Specialist) นักการตลาดดิจิทัลมีหน้าที่ในการวางกลยุทธ์และดำเนินการตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Google Ads หรือ SEO พวกเขาต้องสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและใช้ข้อมูลเชิงสถิติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา การตลาดดิจิทัลเป็นสายงานที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสก้าวหน้าและมีรายได้ที่ดี ทักษะที่จำเป็น: SEO, SEM , Google Analytics และ Facebook Ads Manager , การสร้าง Content และ Copywriting , Data Analysis และ Marketing Strategy เรตเงินเดือน: 25,000 - 60,000 บาท 3. นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) นักวิเคราะห์ข้อมูลต้องมีความสามารถในการรวบรวม วิเคราะห์ และแปลผลข้อมูลเพื่อช่วยองค์กรในการตัดสินใจ พวกเขาต้องมีทักษะในการใช้เครื่องมือเช่น SQL, Python หรือ Power BI อาชีพนี้มีค่าตอบแทนสูง เนื่องจากความต้องการใช้งานข้อมูลในธุรกิจมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทักษะที่จำเป็น: SQL, Python, R ,Data Visualization (Tableau, Power BI) เรตเงินเดือน: 35,000 - 90,000 บาท 4. วิศวกรระบบคลาวด์ (Cloud Engineer) ออกแบบและดูแลระบบ Cloud Computing เช่น AWS, Google Cloud หรือ Azure พวกเขาต้องมีความรู้ด้านเครือข่าย ความปลอดภัยของระบบ และสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการขยายตัวของธุรกิจได้ ทักษะที่จำเป็น: Cloud Computing (AWS, GCP, Azure) , DevOps & CI/CD Tools , Cybersecurity เรตเงินเดือน: 40,000 - 100,000  บาท 5. ที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consultant) นักวิเคราะห์และที่ปรึกษาทางธุรกิจช่วยองค์กรในการวางแผนกลยุทธ์ ปรับปรุงกระบวนการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ทักษะที่จำเป็นได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ การสื่อสาร และการนำเสนอข้อมูล ทักษะที่จำเป็น: Business Analysis , Microsoft Office Suite, การเจรจาต่อรองและการสื่อสาร เรตเงินเดือน: 30,000 - 90,000  บาท 6. UX/UI Designer UX/UI Designer ทำหน้าที่ออกแบบอินเทอร์เฟซของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่ายและมีประสบการณ์ที่ดีต่อผู้ใช้ พวกเขาต้องมีความเชี่ยวชาญในเครื่องมือออกแบบ เช่น Figma หรือ Adobe XD และมีความเข้าใจด้านจิตวิทยาผู้ใช้งาน ทักษะที่จำเป็น: UX/UI Design (Figma, Adobe XD) ,User Research & Usability Testing ,Wireframing และ Prototyping เรตเงินเดือน: 30,000 - 80,000  บาท 7. นักวิเคราะห์การเงิน (Financial Analyst) นักวิเคราะห์การเงินมีหน้าที่วิเคราะห์งบการเงินและคาดการณ์แนวโน้มทางธุรกิจ พวกเขาต้องมีทักษะด้านการเงินและการใช้โปรแกรม Microsoft Excel อย่างเชี่ยวชาญ ทักษะที่จำเป็น: การวิเคราะห์งบการเงิน , Financial Modeling & Valuation , ความรู้ด้านตลาดทุนและเศรษฐศาสตร์ เรตเงินเดือน: 35,000 - 85,000  บาท 8. เจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ (Business Development Executive) Business Development Executive ทำหน้าที่หาลูกค้าใหม่ เจรจาต่อรอง และวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อขยายตลาด นักพัฒนาธุรกิจต้องมีทักษะการขายและการสื่อสารที่ดี ทักษะที่จำเป็น: Sales & Negotiation Skills , CRM Software (Salesforce, HubSpot) ,การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Client Relationship Management) เรตเงินเดือน: 25,000 - 70,000 บาท ยังไม่รวมค่าคอมมิชชั่น (ถ้ามี) 9. นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลต้องใช้ Machine Learning และ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ ทักษะที่จำเป็น: Python, Machine Learning, Deep Learning ,Big Data Processing เรตเงินเดือน: 50,000 - 120,000  บาท 10. วิศวกรหุ่นยนต์ (Robotics Engineer) วิศวกรหุ่นยนต์ทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาระบบหุ่นยนต์สำหรับงานอุตสาหกรรม ทักษะที่จำเป็น: Robotics Programming (Python, C++) ,ระบบควบคุมอัตโนมัติ (ROS, Embedded Systems), AI & Computer Vision เรตเงินเดือน: 40,000 - 100,000  บาท อาชีพที่มีเงินเดือนสูงมักต้องการทักษะเฉพาะทางและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากเด็กจบใหม่สามารถพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องและเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ก็จะมีโอกาสก้าวหน้าในสายงานและได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน เเละ​​หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    นักศึกษาจบใหม่
    Fresh Grad with Big Dreams
    High-Paying Careers
    Mar 28, 2025
    2 min
    Thumbnail for อยากทำงานที่ได้เงินเดือนหลักแสน?  เช็กเลย! 10 อาชีพรายได้สูงสุดในกรุงเทพฯ ปี 2025
    Jobs & Industries

    อยากทำงานที่ได้เงินเดือนหลักแสน? เช็กเลย! 10 อาชีพรายได้สูงสุดในกรุงเทพฯ ปี 2025

    กรุงเทพฯ ยังคงเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เต็มไปด้วยโอกาสทางอาชีพ โดยอ้างอิงจากข้อมูลตลาดและรายงานอุตสาหกรรม นี่คือ 10 อาชีพที่มีรายได้สูงสุดในปี 2025 สำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ครอบคลุมทั้งระดับเริ่มต้นและระดับอาวุโส 1. ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) – ระดับอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿250,000 – ฿500,000/เดือน ทักษะสำคัญ: ภาวะผู้นำ, การวางกลยุทธ์, การพัฒนาธุรกิจ 2. นักวาณิชธนกิจ (Investment Banker) – ระดับเริ่มต้นและอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿80,000 – ฿400,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การวิเคราะห์ทางการเงิน, การบริหารความเสี่ยง, การจัดการลูกค้า 3. ผู้อำนวยการฝ่ายไอที / ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี (IT Director / CTO) – ระดับอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿200,000 – ฿350,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การพัฒนาซอฟต์แวร์, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, กลยุทธ์ไอที 4. แพทย์เฉพาะทาง (ศัลยแพทย์, วิสัญญีแพทย์) – ระดับอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿180,000 – ฿300,000/เดือน ทักษะสำคัญ: ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์, การดูแลผู้ป่วย, การผ่าตัด 5. นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล / วิศวกร AI (Data Scientist / AI Engineer) – ระดับเริ่มต้นและอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿60,000 – ฿250,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การเรียนรู้ของเครื่อง, การวิเคราะห์ข้อมูล, การเขียนโปรแกรม Python/R 6. ที่ปรึกษากฎหมาย / ทนายความองค์กร (Legal Counsel / Corporate Lawyer) – ระดับอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿150,000 – ฿280,000/เดือน ทักษะสำคัญ: กฎหมายองค์กร, การเจรจาสัญญา, การปฏิบัติตามกฎระเบียบ 7. ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (Marketing Director) – ระดับเริ่มต้นและอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿60,000 – ฿250,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การตลาดดิจิทัล, การสร้างแบรนด์, การวิจัยตลาด 8. นักบิน(Airline Pilot) – ระดับอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿150,000 – ฿300,000/เดือน ทักษะสำคัญ: ความปลอดภัยการบิน, การปฏิบัติการบิน, การนำทาง 9. นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Developer) – ระดับเริ่มต้นและอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿70,000 – ฿250,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การลงทุนอสังหาริมทรัพย์, การวางแผนเมือง, การขาย 10. วิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโส / นักพัฒนา Blockchain (Senior Software Engineer / Blockchain Developer) – ระดับเริ่มต้นและอาวุโส เงินเดือนเฉลี่ย: ฿80,000 – ฿220,000/เดือน ทักษะสำคัญ: การพัฒนาระบบแบบ Full-Stack, Smart Contracts, การเข้ารหัสข้อมูล อาชีพที่มีรายได้สูงในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่อยู่ในสาขาการบริหารระดับสูง, การเงิน, เทคโนโลยี และการแพทย์ โอกาสเปิดรับทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยมีตำแหน่งระดับเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ในสาขาเทคโนโลยี, การเงิน และการตลาด หากกำลังมองหาแนวทางอาชีพเพิ่มเติม สามารถติดตามคำแนะนำและเคล็ดลับการสมัครงานล่าสุดได้ที่ Career Portal

    High-Paying Jobs in Bangkok
    หางานกรุงเทพ
    หางาน
    Mar 26, 2025
    1 min
    Thumbnail for Careerist EP17: Digital Strategist ผู้วางกลยุทธ์ในการตลาดต้องทำอะไรบ้าง เงินเดือนดีไหม มาดู!
    Jobs & Industries

    Careerist EP17: Digital Strategist ผู้วางกลยุทธ์ในการตลาดต้องทำอะไรบ้าง เงินเดือนดีไหม มาดู!

    การที่แบรนด์หนึ่งจะมีแคมเปญหรือกลยุทธ์การตลาดแต่ละครั้ง ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ทั้งแรงและเวลาเป็นอย่างมาก หนึ่งในตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญในงานนี้ก็คือ Digital Strategist โดยตำแหน่งนี้มีหน้าที่หลักในการกำหนดทิศทางทางการตลาดดิจิทัลของแบรนด์ วันนี้ Jobcadu จะพามาทำความรู้จักกับอาชีพนี้ให้มากขึ้น Digital Strategist คืออะไร? Digital Strategist เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดในช่องทางดิจิทัล เช่น Social Media, SEO, SEM, Content Marketing, Email Marketing และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์ เป้าหมายคือการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ ขยายฐานลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย Content marketing ต้องมีทักษะอะไรบ้าง --> คลิกเลย Digital Strategist ต้องทำอะไรบ้าง? วิเคราะห์ตลาดและคู่แข่ง: ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค แนวโน้มทางการตลาด และกลยุทธ์ของคู่แข่ง กำหนดเป้าหมายทางการตลาด: วางแผนกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจ เช่น การเพิ่ม Brand Awareness หรือเพิ่มยอดขาย ออกแบบแคมเปญการตลาดดิจิทัล: กำหนดวิธีใช้ Social Media, Content Marketing, Email Marketing และ SEO ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประสานงานกับทีมอื่น ๆ: ทำงานร่วมกับทีมคอนเทนต์ กราฟิก และโฆษณาเพื่อให้แคมเปญมีความต่อเนื่อง วัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์: ใช้เครื่องมือ Analytics เช่น Google Analytics, Facebook Insights และ SEO tools เพื่อติดตามผลลัพธ์และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม Soft Skill และ Hard Skill ที่ Digital Strategist ต้องมี Soft Skills Critical Thinking: สามารถวิเคราะห์และแก้ปัญหาทางการตลาดได้อย่างมีเหตุผล Creativity: มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบกลยุทธ์และแคมเปญ Communication: สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกับทีมได้ดี Adaptability: ปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีและแนวโน้มการตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Hard Skills SEO & SEM: มีความเข้าใจเกี่ยวกับการทำอันดับบน Search Engine Social Media Marketing: สามารถจัดการและวางกลยุทธ์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ Data Analytics: ใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและประสิทธิภาพของแคมเปญ Content Strategy: วางแผนและบริหารคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย Digital Strategist เงินเดือนดีไหม? เงินเดือนของ Digital Strategist ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และขนาดของบริษัท โดยเฉลี่ยแล้ว ระดับเริ่มต้น (Entry-Level): 25,000 - 40,000 บาทต่อเดือน ระดับกลาง (Mid-Level): 45,000 - 70,000 บาทต่อเดือน ระดับสูง (Senior-Level / Manager): 80,000 - 150,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ เงินเดือนอาจสูงขึ้นหากมีทักษะเฉพาะทาง เช่น ความเชี่ยวชาญใน Data Analytics หรือ Performance Marketing อยากเป็น Digital Strategist ต้องทำยังไง? เรียนรู้พื้นฐานด้าน Digital Marketing: ศึกษาเกี่ยวกับ SEO, Social Media, Content Marketing และ Data Analytics ฝึกฝนและสร้าง Portfolio: ลองทำแคมเปญการตลาดดิจิทัล และเก็บตัวอย่างงานเพื่อแสดงทักษะของตนเอง เรียนคอร์สออนไลน์: มีหลายแพลตฟอร์มที่มีคอร์สเรียนเกี่ยวกับ Digital Strategy เช่น HubSpot Academy , Coursera หรืออื่นๆ ทำงานในสายการตลาดดิจิทัล: เริ่มต้นจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง เช่น Social Media Executive หรือ Digital Marketing พัฒนาทักษะและเรียนรู้ตลอดเวลา: โลกของดิจิทัลเปลี่ยนแปลงเร็ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็น Digital Strategist เป็นตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญในยุคดิจิทัล โดยต้องมีทั้งความคิดเชิงกลยุทธ์และทักษะทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง สำหรับใครที่สนใจงานในสายนี้ ต้องศึกษาและฝึกฝนทักษะต่าง ๆ และปรับตัวเข้ากับโลกดิจิทัลให้ดี เนื่องจากโลกดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานประเภทนี้เลย หากคุณสนใจงานด้าน Digital Marketing หรืออยากเป็น Digital Strategist อย่าลืมฝากเรซูเม่ของคุณไว้กับเรา ที่ Job

    social media
    Digital Strategist
    Digital marketing
    Feb 17, 2025
    1 min