การไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียเป็นความฝันของใครหลายคน ด้วยคุณภาพการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเเละน่าอยู่ วัฒนธรรมที่หลากหลาย และโอกาสทางการงานที่เปิดกว้าง อย่างไรก็ตาม การวางแผนและเตรียมตัวอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกหลักสูตรจนถึงการวางเเผนในการใช้ชีวิต
ทาง Jobcadu เลยอยากมาเเชร์ข้อมูลในการเตรียมตัวไปเรียนหรือไปทำงานที่ออสเตรเลียที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ยังไม่รู้จะเริ่มเตรียมตัวอย่างไร
1. การเลือกมหาวิทยาลัยและหลักสูตรในออสเตรเลีย
มหาวิทยาลัยชั้นนำในออสเตรเลีย ในออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยให้เลือกมากมาย ที่ทั้งดี มีคุณภาพ และติดอันดับโลกหลายแห่ง ซึ่งแตละมหาวิทยาลัยก็มีจุดเด่นเฉพาะตัว โดยมีตัวอย่างมหาวิทยาลัยดังนี้ ออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกหลายแห่ง ซึ่งล้วนมีจุดเด่นเฉพาะตัว เช่น
- University of Melbourne: หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลีย มีชื่อเสียงในด้านการแพทย์ กฎหมาย ธุรกิจ และศิลปศาสตร์ หลักสูตรเน้นการวิจัยและพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
- University of Sydney: มหาวิทยาลัยที่มีความหลากหลายในด้านวิชาการ มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ สถาปัตยกรรม และศิลปะการแสดง
2. ค่าเล่าเรียนและระยะเวลาในการเรียนในออสเตรเลีย
ระดับปริญญาตรีในออสเตรเลีย
- ค่าเล่าเรียน: ประมาณ 20,000 – 45,000 AUD ต่อปี (ประมาณ 424,800 - 955,800 บาท) ขึ้นอยู่กับสาขาและมหาวิทยาลัย
- ระยะเวลา: ปกติ 3-4 ปี บางสาขา เช่น แพทยศาสตร์ อาจใช้เวลา 5-6 ปี
ระดับปริญญาโทในออสเตรเลีย
- ค่าเล่าเรียน: ประมาณ 22,000 – 50,000 AUD ต่อปี (ประมาณ 472,300 - 1,073,000 บาท) โดยหลักสูตร MBA และวิทยาศาสตร์อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- ระยะเวลา: 1-2 ปี โดยขึ้นอยู่กับประเภทของหลักสูตร เช่น หลักสูตรเน้นวิจัยหรือการเรียนการสอน
เเนะนำมหาวิทยาลัยเเละหลักสูตรที่น่าสนใจสำหรับเรียนต่อปริญญาโทในออสเตรเลีย
1. The University of Melbourne
- หลักสูตรเด่น: Master of Business Administration : หลักสูตร MBA ของที่นี่ติดอันดับท็อป 3 ในเอเชียแปซิฟิก
- ค่าเล่าเรียน 112,500 AUD (ประมาณ 2,415,300 บาท)
- ระยะเวลา: 2 ปี
2. The University of New South Wales (UNSW Sydney)
- หลักสูตรเด่น: Master of Commerce
- ค่าเล่าเรียน 101,000 AUD (ประมาณ 2,168,100 บาท)
- ระยะเวลา: 1 ปี 7 เดือน
3. The University of Sydney
- หลักสูตรเด่น: Master of Management
- ค่าเล่าเรียน: 47,500 AUD (ประมาณ 1,019,600 บาท)
- ระยะเวลา: 1 ปี 3 เดือน
4.Australian National University (ANU)
- หลักสูตรเด่น: หลักสูตรปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Master of International Relations)
- ค่าเล่าเรียน: 53,700 AUD (ประมาณ 1,152,700 บาท)
- ระยะเวลา: 2 ปี
5. Monash University
- หลักสูตรเด่น: Master of Business Analytics
- ค่าเล่าเรียน: 37,100 AUD (ประมาณ 796,400 บาท)
- ระยะเวลา: 1.5-2 ปี
หลักสูตรของทั้งท็อป 5 มหาวิทยาลัยนี้ เป็นเพียงหลักสูตรที่น่าสนใจ มีชื่อเสียง มีคนลงเรียนต่อปีในจำนวนมาก เเต่หากเพื่อนๆสนใจในหลักสูตรหรือสาขาวิชาอื่น สามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ของเเต่ละมหาวิทยาลัยได้เลย
3.ทุนการศึกษาในการเรียนต่อที่ออสเตรเลีย
สำหรับคนที่กำลังมองหาทุนการศึกษา ออสเตรเลียมีทุนการศึกษาหลากหลายรูปแบบ เช่น:
1.Australia Awards Scholarships: ทุนจากรัฐบาลออสเตรเลียที่ครอบคลุมค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ
2.Destination Australia Scholarship: เป็นทุนที่สนับสนุนให้ทั้งนักเรียนออสเตรเลียเเละนักเรียนต่างชาติไปศึกษานอกเขตเมืองใหญ่ของออสเตรเลียหรือมหาวิทยาลัยท้องถิ่นของออสเตรเลีย
3.ทุนมหาวิทยาลัย: หลายมหาวิทยาลัยมีทุนลดค่าเล่าเรียนหรือทุนสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มีผลการเรียนดี เช่น
- Vice Chancellor’s International Scholarships: มอบโดยมหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น University of Melbourne, University of Canberra, Western Sydney University เเละอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งครอบคลุมค่าเรียน 50% หรือเต็มจำนวน
- Charles Darwin University โดยมีมูลค่าทุนการศึกษา 30% ตลอดหลักสูตร
- Australian National University: ANU Chancellor’s International Scholarship (South East Asia) มอบทุนส่วนลด 25% – 50% ของค่าเรียน (จำนวน 200 ทุน)
4. ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมในการเรียนต่อที่ออสเตรเลีย
1.ค่าครองชีพโดยเฉลี่ย ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ค่าครองชีพค่อนข้างสูง ดังนั้นการวางแผนด้านการเงินเป็นสิ่งจำเป็น
- ที่พัก: นักศึกษาสามารถเลือกพักในหอพักมหาวิทยาลัย (ประมาณ 1,200 – 2,500 AUD หรือ 25,000- 53,000 บาทต่อเดือน) หรือหาที่พักเช่าเองในเมืองใหญ่ เช่น ซิดนีย์และเมลเบิร์น
- อาหารและของใช้ส่วนตัว: ค่าใช้จ่ายประมาณ 300 – 1000 AUD ต่อเดือน (เเล้วเเต่บุคคล)
- ขนส่งสาธารณะ: ค่าเดินทางอยู่ที่ประมาณ 150 – 300 AUD ต่อเดือน โดยบางรัฐมีส่วนลดสำหรับนักศึกษา
2.ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด
- ประกันสุขภาพนักศึกษา (OSHC-Overseas Student Health Cover): เป็นข้อบังคับสำหรับนักศึกษาต่างชาติ โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 500 – 700 AUD ต่อปี
- ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน: 500 – 1,000 AUD ต่อปี
5. ผลสอบและเอกสารที่ต้องเตรียมก่อนจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย
1.ผลสอบที่จำเป็น
- IELTS: คะแนนขั้นต่ำ 6.0-7.0 ขึ้นอยู่กับหลักสูตร
- TOEFL: คะแนนขั้นต่ำ 79-100
- GMAT/GRE: สำหรับหลักสูตรปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจหรือวิทยาศาสตร์
2.เอกสารที่ต้องจัดเตรียม
- ใบรับรองผลการศึกษา (Transcript) พร้อมคำแปลภาษาอังกฤษ
- Statement of Purpose (SOP) หรือจดหมายแนะนำตัวที่อธิบายเหตุผลและเป้าหมายในการเรียน
- Letter of Recommendation (LOR): จดหมายรับรองจากอาจารย์ที่ปรึกษา
- สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า
- เอกสารทางการเงิน เช่น ใบรับรองจากธนาคารเพื่อยืนยันความสามารถในการชำระค่าเล่าเรียน
6. ข้อดีของการจบการศึกษาจากออสเตรเลีย
1.โอกาสการทำงานในไทย
- นักศึกษาที่จบจากออสเตรเลียได้รับการยอมรับในตลาดแรงงานไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการทักษะเฉพาะ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ การแพทย์ และพลังงาน
2.โอกาสการทำงานในออสเตรเลีย
- นักศึกษาต่างชาติสามารถขอวีซ่าทำงานหลังเรียนจบ (Temporary Graduate Visa) ซึ่งช่วยให้สามารถหาประสบการณ์การทำงานในสายอาชีพของตนได้
- หากมีประสบการณ์และคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด นักศึกษายังมีโอกาสยื่นขอพำนักถาวร (Permanent Residency) ซึ่งเป็นเส้นทางสู่การเป็นพลเมืองออสเตรเลีย
3.ประสบการณ์ระหว่างประเทศ
- การเรียนในออสเตรเลียช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษและความสามารถในการปรับตัวในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายทางวัฒนธรรม
- การมีเครือข่ายเพื่อนจากทั่วโลกช่วยสร้างโอกาสในการทำงานและพัฒนาธุรกิจในอนาคต
7.การขอวีซ่า
การเดินทางสู่ออสเตรเลียจำเป็นต้องมีวีซ่า ซึ่งแต่ละประเภทมีจุดประสงค์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวีซ่าที่คนไทยสามารถขอได้ วิธีการเตรียมตัว และขั้นตอนการยื่นขอวีซ่ากัน
ประเภทของวีซ่าที่คนไทยสามารถขอได้
วีซ่าชั่วคราว (Non-Immigrant Visa)
1. วีซ่านักเรียน (Student Visa - ประเภท 500)
- สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาในออสเตรเลีย
- ระยะเวลาพำนัก: ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของหลักสูตร
- ค่าใช้จ่าย: ประมาณ AUD 650
- เอกสารที่ต้องเตรียม: หนังสือเดินทาง, จดหมายตอบรับจากสถาบันการศึกษา (Confirmation of Enrolment: CoE), หลักฐานการเงิน (เช่น ค่าใช้จ่ายรายปีและค่าเล่าเรียน), ประกันสุขภาพสำหรับนักเรียน (Overseas Student Health Cover: OSHC)
2. วีซ่าทำงานและท่องเที่ยว (Work and Holiday Visa - ประเภท 462)
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 18-30 ปี ต้องการทำงานระยะสั้นและท่องเที่ยว โดยเปิดรับสมัครปีละครั้งและยื่นสมัครทางออนไลน์เท่านั้น
- ระยะเวลาพำนัก: สูงสุด 12 เดือน
- ค่าใช้จ่าย: ประมาณ AUD 510
- เงื่อนไขพิเศษ: มีหลักฐานแสดงทักษะภาษาอังกฤษ (คนส่วนใหญ่นิยมใช้ IELTS หรือ TOEFL), IELTS ประเภทใดก็ได้ คะแนนไม่ต่ำกว่า 4.5 ในทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี, TOEFL iBT มีอายุไม่เกิน 1 ปี คะแนนover all ไม่ต่ำกว่า 32, PTE Academic คะแนน over all ไม่ต่ำกว่า 30, Cambridge English: CAE คะแนน over all ไม่ต่ำกว่า 147, ต้องมีเงินสำรองอย่างน้อย AUD 5,000
วิธีการเตรียมตัวก่อนยื่นขอวีซ่า
1. ศึกษาข้อมูลและเลือกประเภทวีซ่า: เข้าไปยังเว็บไซต์ของกระทรวงกิจการภายในประเทศออสเตรเลีย (Department of Home Affairs) เพื่อดูรายละเอียดของวีซ่าที่เหมาะสมกับคุณ
2. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน: ตรวจสอบรายการเอกสารที่จำเป็นและจัดเตรียมให้ครบ เช่น หนังสือเดินทาง หรือ หลักฐานทางการเงิน
3. ยื่นคำร้องออนไลน์
- สมัครผ่านระบบออนไลน์ของออสเตรเลีย (ImmiAccount)
- อัปโหลดเอกสารและชำระค่าธรรมเนียม
- เข้ารับการตรวจสุขภาพ (ถ้าจำเป็น)
- ผู้ยื่นบางประเภทต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพตามข้อกำหนดของออสเตรเลีย
4. รอผลการพิจารณา: ระยะเวลาการพิจารณาขึ้นอยู่กับประเภทของวีซ่า เช่น วีซ่าท่องเที่ยวอาจใช้เวลา 15-30 วันทำการ
การเรียนต่อในออสเตรเลียเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งในด้านการศึกษาและการพัฒนาตนเอง ด้วยมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง หลักสูตรที่ครอบคลุม และโอกาสในการทำงานการเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้คุณก้าวไปถึงเป้าหมายและเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคต
การเดินทางสู่ออสเตรเลียสำหรับคนไทยนั้นไม่ยากหากมีการเตรียมตัวอย่างเหมาะสม การเลือกประเภทวีซ่าที่เหมาะสมกับจุดประสงค์ของการเดินทางและการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และหากใครกำลังมองหลักสูตรต่าง ๆ จากสถาบันชั้นนำต่างประเทศทั้งประเทศออสเตรเลียเเละอื่นๆสามารถเข้ามาดูได้ที่ Education Portal