Micro-Retirement: ผ่านความคิดส่วนตัวของผม

Wellbeing

Micro-Retirement: ผ่านความคิดส่วนตัวของผม

Posted August 22, 2025

Career

Burn Out
Career break
Micro-retirement
Gen Z
Gen Z careers
ภาวะหมดไฟ
Micro-Retirement: ผ่านความคิดส่วนตัวของผม

Micro-Retirement: ผ่านความคิดส่วนตัวของผม

พ่อแม่ของเราทำงานหนัก 30–40 ปี ก่อนจะเกษียณตอนอายุราวๆ 60 นั่นเคยเป็นเหมือน “ข้อตกลง” ทำงานตอนนี้ ใช้ชีวิตทีหลัง แต่คำถามคือ เส้นทางแบบนั้นยังใช้ได้จริงอยู่ไหมในวันนี้?

ข่าวล่าสุดจากกสิกรไทย (KBank) หนึ่งในธนาคารยักษ์ใหญ่ของไทย แสดงให้เห็นว่าโครงการเกษียณก่อนกำหนดโดยสมัครใจ (voluntary early retirement) ตอนนี้ลดลงมาเริ่มที่อายุเพียง 45 เท่านั้น งานมั่นคงและภาพของการเกษียณสบาย ๆ ตอนอายุ 65 กำลังจางหายไป ตรงกันข้ามกับอายุขัยของมนุษย์ที่ยาวนานขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกัน ตลาดแรงงานกำลังเปลี่ยนแปลง คลื่น AI กำลังซัดเข้ามา และการปรับโครงสร้างองค์กรระดับโลกก็พาดหัวข่าวแทบทุกเดือนตั้งแต่ปีที่แล้ว

ลองจินตนาการว่าคุณลาออกตอนอายุ 26 ปี พักไม่กี่เดือน หรือสักหนึ่งปี คุณอาจใช้เวลาเช้าที่วัด ช่วงเย็นชมพระอาทิตย์ตกที่ชายหาดหรือบนยอดเขา บางครั้งอาจซัดแอลกอฮอล์ 3 ช็อตแล้วปล่อยตัวเองให้จมไปกับธรรมชาติ หรือไม่ก็นั่งดูซีรีส์โปรดแบบมาราธอน หรือคุณอาจจะสร้างโปรเจ็กต์เล็ก ๆ ลงมือเรียนทักษะใหม่ๆ สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องรอ “การเกษียณก่อนกำหนด” อีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ Gen Z เริ่มทำกัน สำหรับผมเอง ไม่ต้องจินตนาการ เพราะผมเซ็นใบลาออกเรียบร้อยแล้วและกำลังตั้งตารอสิ่งนี้อยู่



Micro-Retirement คืออะไร?

สำหรับคนรุ่นพ่อแม่ การเกษียณก่อนอายุ 30 ฟังดูประหลาดแน่ๆ เพราะภาระครอบครัวหรือความยากจนที่ต้องหนีให้พ้น ยิ่งไปกว่านั้น คนรุ่นเรายังอาจทำแบบนี้มากกว่าหนึ่งครั้งด้วยซ้ำ แค่ใช้ชื่อเรียกต่างออกไป

คำนี้ฟังเหมือนคำฮิตติดเทรนด์ แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ไกลจากสิ่งที่เราเคยได้ยิน อย่าง gap year, sabbatical, career break ความต่างคือ Micro-Retirement มีการวางแผนมากกว่า ตั้งใจมากกว่า มันอาจกินเวลาหลายเดือน ไปจนถึง 2–3 ปี และไม่ใช่การลาออกถาวร แต่เป็นการ “พัก รีเซ็ต และกลับมาใหม่พร้อมพลัง”

แตกต่างจากวันหยุดสั้น ๆ ตรงที่คุณ “ใช้ชีวิตเหมือนเกษียณแล้ว” — ได้เรียนรู้ ท่องเที่ยว ค้นหาความชอบ หรือแค่ชะลอจังหวะชีวิต โดยที่ยังรู้ว่าอาจกลับเข้าสู่การทำงานเมื่อไรก็ได้

สำรวจจากประเทศสหรัฐฯ พบว่า 10% ของคนวัยทำงานกำลังวางแผนจะใช้วิธีนี้



เหตุผลที่คนเลือก Micro-Retirement

จากผลสำรวจของ sidehustle.com เหตุผล 5 อันดับแรกที่คนเลือก Micro-Retirement คือ:

  1. ฟื้นฟูสุขภาพจิต (57%)

  2. ท่องเที่ยวและหาประสบการณ์ชีวิต (52%)

  3. ลดความเครียดจากการทำงาน (47%)

  4. ทำโปรเจ็กต์ส่วนตัวหรือสร้างสรรค์ (29%)

  5. ทบทวนอาชีพและทิศทางชีวิต (28%)

ส่วนใหญ่คนอเมริกันจะรีไทร์ประมาณ 4 เดือนโดยเฉลี่ย ขณะที่ในอีกด้าน อุปสรรคหลักของการตัดสินใจพักการทำงาน คือ ความมั่นคงทางการเงิน ความเสี่ยงต่ออาชีพ ข้อจำกัดจากนายจ้าง สวัสดิการด้านสุขภาพ และความท้าทายในการกลับเข้าสู่ตลาดงานอีกครั้ง


micro-retirement-survey-sidehustle study.png



ทำไม Millennials และ Gen Z ถึงเลือกทางนี้?

ลองหยุดแล้วมองรอบตัว ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่บ่อยขึ้น?

บางคนก็มองข้ามแล้วพูดว่า “คนรุ่นใหม่ไม่ขยัน” หรือ “Gen Z ความอดทนต่ำ” แต่ถ้าลองในมุมกว้างและลึก จะเห็นว่า คนรุ่นนี้ต้องเจอปัญหาที่ต่างออกไป หรือบางทีอาจมากกว่าที่เคยมี

ไม่ใช่ว่าทั้งหมดคือหายนะและจริงอยู่ที่พาดหัวข่าวมักถูกขับเคลื่อนด้วย negativity bias เพื่อขายความกลัวมากกว่าความจริง

แต่ความจริงอาจอยู่ตรงกลางระหว่างเรื่องนี้ ความกดดันที่มากขึ้น ความเป็นจริงที่ยากขึ้น บวกกับการเปรียบเทียบไม่รู้จบจากโซเชียล ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากไปต่อไม่ไหว บางคนถึงขั้น “ชัตดาวน์” คล้ายวัฒนธรรม NEET ที่เพิ่มในญี่ปุ่น เกาหลี และจีน (OECD, 2025)

อีกด้านหนึ่ง คนรุ่นใหม่เห็น “ทางเลือกมากกว่าพ่อแม่” อินเทอร์เน็ตเปิดโลกาภิวัตน์ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ ตัวอย่างสตรีมเมอร์ ยูทูบเบอร์ หรือ TikToker ที่เลี้ยงชีพได้จริงๆ ทำให้ทางเลือกกลายเป็นเสรีภาพ แต่เมื่อมีมากเกินไป มันอาจทำให้ “แช่แข็ง” นักจิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า paradox of choice

บางคนเลือกทุ่มสุดตัว ทำงานสองสามงาน เริ่มธุรกิจส่วนตัว วิ่งไล่เป้าหมาย ผมนับถือความมุ่งมั่นนั้น แต่หลายคนก็หมดไฟเพราะวิ่งหาคำว่า “passion” บางคนก็เลือกแตะเบรก ชะลอความเร็ว เพื่อหาสมดุลระหว่างงานกับชีวิต

Naval เคยพูดไว้ว่า “คนใช้เวลาทำมากเกินไป โดยไม่ได้คิดว่าควรทำอะไรจริงๆ” แต่ผมคิดว่าทุกวันนี้เราก็ติดกับดักอีกด้านเช่นกัน คือคิดมากเกินไปจนขาดการตัดสินใจเลือก เสี่ยงและลงมือทำ



ตลาดงานที่ตึงเครียดและความเครียดที่เพิ่มขึ้น

ในจีน อัตราว่างงานคนหนุ่มสาวทะลุ 15% ส่วนสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร มีเยาวชนราว 13% ที่เข้าข่าย NEETs อีกทั้งตลาดงานที่ตึงตัวทำให้ทุกอย่างมีลักษณะเป็นเกมผลรวมศูนย์ (zero-sum game) ทุกคนแย่งที่นั่งที่มีจำกัด ปริญญาตรีกลายเป็นมาตรฐานขั้นต่ำ ปริญญาโทอาจช่วย หรืออาจไม่ช่วยเลย

เมื่อผนวกกับ “ระลอกความเครียดด้านสุขภาพจิต” ผลสำรวจเร็ว ๆ นี้พบว่า 70% ของพนักงาน Gen Z และมิลเลนเนียลมีอาการ burnout ภายในปีที่ผ่านมา 51% รู้สึกเครียดระดับสูง เมื่อเทียบกับ 37% ของ Gen X และรุ่นเก่ากว่า

ตัวเลือก ความกดดัน และความไม่แน่นอนทั้งหมดนี้ คือเหตุผลที่ผมเชื่อว่า gap year, career break และ micro-retirement จะยิ่งแพร่หลายขึ้น สำหรับคนที่พอมีเงิน นี่คือทางเลือก สำหรับคนที่ไม่มีก็อาจเผชิญกับอาการ “หมดไฟ” หรือต้อง “ปรับตัว”



ถ้าคุณกำลังคิดถึงการหยุด

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ คุณอาจกำลังคิดจะลาออกแล้ว หรืออาจทำไปแล้ว หรือแค่ยืนมองออกจากหน้าต่างบนตึกสูง คิดว่าฝั่งตรงข้ามถนนกำลังเกิดอะไรขึ้น

นี่คือสิ่งที่ผมใช้เป็นเช็กลิสต์ส่วนตัว ไม่ใช่กฎตายตัว:

การเงิน ถ้าล้วงกระเป๋ามาดูแล้วเงินเก็บอยู่ได้ไม่ถึง 3 เดือน แปลว่าการ “เกษียณ” ครั้งนี้จะสั้นมากๆ และคุณควรชัดเจนว่าจะใช้เวลานี้ไปกับอะไร

พลังงาน คุณอยากเอาไปใช้อะไร? เที่ยว? เรียน? นอนพัก? ดูการ์ตูนวัยเด็กซ้ำๆ? หรือออกไปวิ่งมินิมาราธอนกับพ่อเหมือนผม?

สุขภาพ สิ่งแรกที่ผมชอบผัดผ่อนคือการตรวจสุขภาพ แต่ผมไม่อยากกลับมาทำงานพร้อมร่างกายที่แย่ลง มันคงไม่ค่อยดีนักถ้าหลังจากพักแล้ว กลับมาพร้อมปัญหาสุขภาพ แทนที่จะได้พักจริงๆ บางทีผมอาจบังคับตัวเองให้ลองกินวิตามินดู

จิตใจ ใช้เวลานี้ทบทวนและเชื่อมต่อกับสิ่งที่คุณชอบอีกครั้ง ออกไปเดินป่า ทำโปรเจ็กต์ที่เคยอยากลอง ถามตัวเองว่า “ฉันต้องการอะไรจริงๆ?” “อะไรที่ทำให้ฉันพอใจจริงๆ?” บางครั้งการปิดโซเชียลแล้วอยู่กับความช้าๆ ก็ช่วยตอบคำถามเหล่านี้ได้

การกลับมา เหมือนคุณแม่ที่หยุดงานช่วง 30s เพื่อเลี้ยงลูก ซึ่งผมเคารพมากๆ ผมเองก็กลัวว่ากลับมาแล้วทักษะจะไม่ตรงกับสิ่งที่ตลาดต้องการอีกต่อไป นี่คือเหตุผลว่าทำไมการมี buffer ถึงสำคัญ การกลับมาอาจใช้เวลานานกว่าที่คิด มีค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด ลองอัปสกิล ทำโปรเจ็กต์ส่วนตัว เรียนภาษา ติดต่อกับเพื่อนร่วมงานเก่า หรือเข้าคอมมูนิตี้ต่างๆ ให้การกลับมารู้สึกเหมือน “ต่อเนื่อง” ไม่ใช่ “เริ่มใหม่” ทั้งหมด



ส่งท้าย

สำหรับผม Micro-Retirement ก็คือ “การวิ่งหนี” อย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง และนั่นไม่ใช่เรื่องผิด การหนีอาจดีต่อสุขภาพ ถ้าคุณรู้ว่าทำไม และจะเดินหรือวิ่งกลับไปทางไหน

มันยังเป็นการสัญญากับตัวเองว่า จะเล่นเกมนี้ให้นานขึ้น ไม่พอ ถ้าเรากำลังอยู่ท่ามกลางการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ที่มี AI หุ่นยนต์ และความเปลี่ยนแปลงไม่หยุดหย่อน เส้นทางปลอดภัยแบบเดิมกำลังกรุกร่อน การถอยหนึ่งก้าว บางครั้งก็เป็นแค่ “การพักมือ” แบบที่นักโป๊กเกอร์ทำ เพื่อให้อยู่ในเกมได้นานขึ้น


Phurin : LinkedIn


Table of Contents

No table of contents found for this career.


Related Careers