ในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังเปลี่ยนแปลงทุกมิติของโลกการทำงาน คำถามใหญ่ที่หลายองค์กรกำลังเผชิญคือ “เราจะอยู่รอดได้อย่างไร ในวันที่ AI ฉลาดขึ้นทุกวัน?”
งาน HR Hero Summit 2025 เวทีแห่งผู้นำ HR และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี ภายใต้ธีม “Future by AI, Shaped by People” ได้จุดประกายคำตอบใหม่ให้กับวงการทรัพยากรมนุษย์และผู้บริหารธุรกิจอีกครั้ง ณ True Digital Park (Grand Hall) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2025
ภายในงานรวบรวมทั้งเวทีความรู้สุดเข้มข้นผ่านการเผยอินไซต์จากผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของประเทศไทย ที่ครอบคลุมกลยุทธ์ Talent, People Transformation, การประยุกต์ใช้ AI ในงาน HR ตั้งแต่การสรรหาจนถึงการวัดผลลัพธ์ บูธเทคโนโลยีจากแบรนด์ชั้นนำ และเวิร์กชอปที่ออกแบบมาเพื่อปลดล็อกศักยภาพ “คน” ให้พร้อมเติบโตไปพร้อมกับ AI
สรุปจาก 3 Session ที่น่าสนใจ
Impact Leadership: ผู้นำต้อง "นำ" องค์กรไปได้ไกลกว่า AI
ใน Session Impact Leadership: Leading People Beyond AI ดร.สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ, Partner จาก Slingshot Group ได้ให้คำตอบสำหรับคำถามที่ผู้นำส่วนใหญ่ค้นหา: ผู้นำจะใช้ AI มาช่วยในการเปลี่ยนแปลงองค์กรได้อย่างไร?
ดร.สุทธิโสพรรณชี้ว่า "Beyond AI" หมายถึงการไปได้ไกลกว่าเทคโนโลยี ซึ่งต้องอาศัยทักษะผู้นำที่สามารถนำพาองค์กรก้าวข้ามสิ่งที่เป็นอยู่ โดยเน้นย้ำว่า คำถามสำคัญไม่ใช่ว่า AI จะเข้ามาทำอะไร แต่เป็น “เรา” จะทำอย่างไรกับ AI ต่างหาก
ผู้นำต้องนำองค์กร “ไปให้ไกลกว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้” และเข้าใจ 3 แนวโน้มสำคัญที่จะกำหนดอนาคตองค์กร
1. Beyond Crisis: AI มาพร้อม “Polycrisis” ความท้าทายหลายมิติ ทั้ง Climate Change, Talent Shortage และ Geopolitical Tension สิ่งสำคัญคือผู้นำจะใช้เครื่องมือและทีมอย่างไรเพื่อผ่านวิกฤตเหล่านี้ไปด้วยกัน
2. Beyond Culture: วัฒนธรรมองค์กรไม่เพียงพออีกต่อไป สิ่งที่องค์กรต้องการคือ “Leadership Culture” คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่คนกล้าให้ Feedback, กล้าตัดสินใจ และร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายเดียวกัน
3. Beyond Mindset: ผู้นำยุคใหม่ต้องมี “Augmented Mindset” มองไกล คิดสร้างสรรค์ และทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดี
“ผู้นำไม่จำเป็นต้องไปคนเดียว แต่ต้องพาทั้งองค์กรไปด้วยกัน” การบริหาร “การเมืองในองค์กร” ก็ไม่ใช่เรื่องลบ หากเข้าใจว่าเป้าหมายคือความสำเร็จร่วมกัน ผู้นำที่กล้าท้าทาย (Challenger Mindset) เปิดรับสิ่งใหม่ และปลูกฝังการเติบโต (Growth Mindset) จะพาองค์กร “ไปได้ไกลกว่าเทคโนโลยี”
Unlocking Human Potential with Agentic AI: The Future of People & Work

คุณอภินันท์ รุดดิษฐ์, Co-founder & MD ของ SE Tech ได้แชร์มุมมองจากประสบการณ์จริงว่า “AI ไม่ใช่ศัตรูของคน แต่คือเครื่องมือที่ช่วยให้เรากลับมาทำงานที่เป็นมนุษย์มากขึ้น”
Agentic AI คือพัฒนาการขั้นต่อไปของ AI ที่ไม่ใช่แค่ Chatbot ตอบคำถาม แต่สามารถ “รับโจทย์ วางแผน ดึงข้อมูล และลงมือทำงานอัตโนมัติได้” ช่วยจัดการงาน "กินพลังงาน" (งาน Routine ซ้ำ ๆ) เพื่อให้คนมีเวลาไปมุ่งเน้นงานเชิงกลยุทธ์และงานที่เป็นมนุษย์มากขึ้น
คุณอภินันท์เน้นย้ำว่า "AI ไม่ได้มาแทนที่คน แต่ AI จะทำให้เราใช้ AI เก่งขึ้น" โดยเป้าหมายคือ: People + AI = Highest Organization Performance
ตัวอย่างการทำงาน: Agentic AI สามารถสกรีน CV ด้วย Smart Framework และนัดสัมภาษณ์ผู้สมัคร ทำให้กระบวนการที่ใช้เวลา 2-3 วัน ลดเหลือเพียง 1 วัน ซึ่งช่วยลด HR Burnout ได้อย่างชัดเจน
หลักการทำงานร่วมกับ AI: ต้องอยู่บนหลักการ Zero Trust (ความไว้วางใจเกิดจากความไม่ไว้วางใจ) คือการทบทวนและตรวจสอบผลลัพธ์ของ AI ทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องและประสิทธิภาพสูงสุด
KPI ของ Agentic AI ที่ดีมี 5 ข้อ
1.Speed: ตอบสนองรวดเร็ว ลดเวลาทำงานซ้ำซ้อน
2.Accuracy: ข้อมูลถูกต้อง ลดความเครียดของทีม
3.Adoption: คนเลือกใช้ด้วยความเชื่อมั่น ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ
4.Experience: ทุกคำตอบคือประสบการณ์ที่สร้างความไว้ใจ
5.Business: ประสิทธิภาพดีขึ้น รายได้เร็วขึ้น ต้นทุนลดลง
“When people are unlocked, work becomes meaningful.” เมื่อคนถูกปลดล็อก ศักยภาพขององค์กรก็จะเติบโตแบบไม่สิ้นสุด
บทสรุปของเซสชันนี้คือ "ปัญหาคน จบที่เรา" ผู้นำ HR ต้องหันกลับไปมองพนักงาน แล้วถามว่างานที่ทำอยู่นั้นมีความหมายและคุณค่าเพียงพอต่อความสุขในการทำงานหรือไม่
Reskilling HR: เลือกใช้ AI ให้เป็น ไม่ใช่แค่ใช้ได้

คุณปฤณ จําเริญพานิช, Founder & CEO ของ AEIOU Solution ได้มาให้มุมมองเชิงปฏิบัติในเซสชัน Reskilling HR for the AI Age โดยชี้ว่า ไม่ต้องกลัวว่า AI จะมาแทนที่หรอก แต่ควรกลัวคนที่ใช้ AI เป็นต่างหาก เพราะ AI เป็นเพียงเครื่องมือขับเคลื่อน ไม่ต่างจากอินเตอร์เน็ต
คุณปฤณแบ่งระดับการใช้ AI ออกเป็น 4 Level ตั้งแต่ AI Explorer (ช่วยแปล/สรุปข้อมูล) ไปจนถึง AI Transformer (มองเป็นกลยุทธ์) โดยเน้นย้ำเคล็ดลับสำคัญคือ:
1.แตก Job เป็น Task: สิ่งสำคัญที่สุดคือการ "แตก Job เป็น Task" และสร้าง Workflow เพื่อเลือกใช้ AI Tools ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน
2.มนุษย์คือผู้ตรวจสอบ (Verification): AI เป็นเพียงผู้สร้างไอเดียเริ่มต้น แต่มนุษย์คือผู้ที่ต้อง Verification และใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้าไปยกระดับผลงาน
3.การตั้งคำถามคือสกิลสำคัญ: คนที่ใช้ AI เก่งคือคนที่ "ตั้งคำถามเก่ง" และทำ Deep Conversation กับ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด
คุณปฤณทิ้งท้ายว่า หลายองค์กรต้องกล้า "รื้อโมเดลเก่า" ที่เคยเป็นรถยนต์แล้วพัฒนาเป็นจรวด เพราะรูปแบบเดิมๆ อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปในยุคนี้
HR Hero Summit 2025 ไม่ใช่แค่งานสัมมนา แต่คือ เวทีรวมโซลูชัน HR ที่ครบที่สุดแห่งปี ผู้เข้าร่วมงานจะได้ครบทุกคำตอบเรื่อง HR ตั้งแต่กลยุทธ์ Talent, การ Transform องค์กร ไปจนถึงการประยุกต์ใช้ AI ในทุกมิติ พร้อมโอกาสสร้างเครือข่ายกับผู้นำด้านคนแบบใกล้ชิด
งานในปีนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า “อนาคตของ HR” ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวแต่ถูก “กำหนดโดยคน” คนที่กล้าเรียนรู้ ปรับตัว และใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม
เพราะในโลกแห่งอนาคต “AI อาจฉลาดกว่าเรา” แต่ “มนุษย์ที่เข้าใจคุณค่า ความคิดสร้างสรรค์ และหัวใจของผู้คน” คือพลังที่แท้จริงในการสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน