Logo
  • โปรไฟล์มืออาชีพ
  • งาน
  • อาชีพ
    เส้นทางอาชีพการเติบโตการศึกษาแรงบันดาลใจบุคลิกภาพ
    งานและอุตสาหกรรมการค้นหางานประวัติ & ผลงานเงินเดือนความเป็นอยู่ที่ดี
  • การศึกษา
  • เครื่องมือสร้างเรซูเม่
  • สำหรับผู้ใช้งานองค์กร



  • Jobcadu Logo

    แพลตฟอร์มอาชีพที่ดีที่สุดสำหรับการหางาน, การสรรหาบุคลากร, ค้นหาอาชีพ และค้นพบแหล่งการศึกษา

    30,000+ หน้าหางาน

    งานตามหมวดหมู่

    การขาย

    การตลาด

    บัญชีและการเงิน

    เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)

    ข้อมูลและการวิเคราะห์

    สำหรับผู้หางาน

    หน้าหางาน

    เครื่องมือสร้างเรซูเม่

    ทรัพยากรด้านการศึกษา

    ทรัพยากรเรซูเม่

    ประกาศงาน

    ประกาศงาน

    แหล่งข้อมูล

    เกี่ยวกับเรา

    ข้อกำหนดการใช้งาน

    นโยบายความเป็นส่วนตัว


    © 2025 Jobcadu. สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

    1. หน้าแรก

    2. อาชีพ

    3. 5 điều truyền cảm hứng cho Tim Cook: Bí quyết thành công từ người đứng đầu Apple

    5 điều truyền cảm hứng cho Tim Cook: Bí quyết thành công từ người đứng đầu Apple

    โพสต์เมื่อ February 20, 2025

    Inspiration

    แท็ก:

    Tim Cook
    Động lực
    Truyền cảm hứng

    "Để đạt được 100% thành công, thay vì hài lòng với 90%, điều quan trọng là bạn phải tìm thấy nguồn cảm hứng." - Đó là triết lý mà Tim Cook, CEO của Apple, luôn theo đuổi. Trong một bài phỏng vấn với GQ, ông đã chia sẻ 5 điều đã truyền cảm hứng mạnh mẽ cho ông trên con đường sự nghiệp.


    1. Những dòng thư từ khách hàng:

    Tim Cook bắt đầu ngày mới của mình bằng việc đọc những ghi chú của khách hàng về các sản phẩm của Apple. Ông trân trọng cả những phản hồi tích cực lẫn tiêu cực. Với ông, những lời khen ngợi giúp ông thêm động lực, còn những góp ý chân thành giúp ông giữ vững kết nối với người dùng và không ngừng cải tiến sản phẩm.


    2. Vẻ đẹp hùng vĩ của thiên nhiên:

    Những chuyến thăm các công viên quốc gia như Yosemite, Glacier và Zion là nguồn cảm hứng bất tận của Tim Cook. Ông ví chúng như "liều thuốc thanh lọc tâm hồn", giúp ông có cơ hội suy ngẫm, nhìn nhận lại bản thân và tìm thấy những góc nhìn mới.


    3. Sức mạnh tập thể từ đội ngũ Apple:

    Tim Cook dành những lời khen ngợi đặc biệt cho đội ngũ của Apple. Ông tin rằng họ là những người tài giỏi nhất trên thế giới, luôn thúc đẩy ông suy nghĩ khác biệt và sáng tạo hơn. Ông cũng đề cao tinh thần tranh luận mang tính xây dựng và sự đa dạng trong góc nhìn, bởi theo ông, đó là chìa khóa để duy trì nguồn cảm hứng và đạt được những thành tựu lớn lao.


    4. Niềm đam mê thể thao:

    Thể thao là một phần không thể thiếu trong cuộc sống của Tim Cook. Ông chia sẻ rằng thể thao mang mọi người lại gần nhau, giúp họ tập trung vào trận đấu thay vì những khác biệt. Đó là một cách tuyệt vời để thư giãn, giải tỏa căng thẳng và tìm lại sự cân bằng trong cuộc sống.


    5. Nguồn năng lượng tích cực từ giới trẻ:

    Tim Cook tìm thấy nguồn cảm hứng từ những người trẻ tuổi, những người luôn sẵn sàng thách thức những chuẩn mực cũ và nỗ lực thay đổi thế giới. Ông đặc biệt nhắc đến Malala Yousafzai như một tấm gương sáng về tinh thần kiên cường và lòng dũng cảm.

    Những điều truyền cảm hứng cho Tim Cook không chỉ đơn thuần là những sở thích cá nhân, mà còn là những giá trị cốt lõi giúp ông duy trì được ngọn lửa đam mê và dẫn dắt Apple đến những thành công vượt bậc. Đó cũng chính là những bài học quý giá mà mỗi chúng ta có thể học hỏi để tìm thấy nguồn cảm hứng cho riêng mình.


    อาชีพที่เกี่ยวข้อง

    Thumbnail for Exclusive Interview with K.Ple “ที่นี่คือที่ทำงานที่ให้คุณลองผิด ลองถูก และเติบโตได้จริง ฟังจากผู้นำฝ่าย People ของ Bitkub”

    Exclusive Interview with K.Ple “ที่นี่คือที่ทำงานที่ให้คุณลองผิด ลองถูก และเติบโตได้จริง ฟังจากผู้นำฝ่าย People ของ Bitkub”

    ในโลกการทำงานที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแทบทุกวัน คุณเปิ้ล ปิยะนุช ลิมาภรณ์วณิชย์ คือหนึ่งในผู้นำด้าน People Strategy ที่สะท้อนภาพองค์กรยุคใหม่ได้อย่างชัดเจน เธอมีประสบการณ์ด้าน HR ยาวนานเกือบ 25 ปี ผ่านการทำงานในหลายอุตสาหกรรม ก่อนก้าวเข้าสู่บทบาท Group Chief People Officer แห่ง Bitkub ที่เธอทำงานมากว่า 2 ปี ซึ่งเธอบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ “น่าสนใจ แปลกใหม่ และท้าทายทุกวัน” เพราะอุตสาหกรรมนี้ไม่เหมือนที่ไหน ทั้งเรื่องเทคโนโลยีและ digital asset ที่หมุนเร็วอย่างยิ่ง วัฒนธรรมองค์กร Bitkub: เชื่อในความหมายของงาน และมุ่งไปให้ไกลกว่าเดิม ที่ Bitkub พนักงานถูกเรียกว่า Bitkubers สะท้อนความรู้สึกเป็นหนึ่งใน ecosystem เดียวกัน ทุกคนทำงานภายใต้แนวคิดสำคัญขององค์กรคือ "Believe and Beyond"  มีความเชื่อ ศรัทธา และกล้าที่จะไปให้ไกลกว่าขอบเขตที่ตั้งไว้ เพราะงานในโลกเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเฉพาะทางและส่งผลกระทบกับผู้ใช้จริง Bitkub จึงมุ่งสร้างทั้งแพลตฟอร์ม และ องค์ความรู้ (Knowledge) เพื่อให้ทั้งพนักงานและองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน บทบาทของผู้บริหาร: ผลักดันการเติบโตของพนักงานอย่างเป็นรูปธรรม คุณเปิ้ลเน้นเสมอว่า “ผู้บริหารคือแรงขับเคลื่อนสำคัญ” ไม่ใช่แค่กำหนดทิศทาง แต่ต้องทำให้พนักงานรู้สึกว่าไม่ได้เดินลำพัง  Bitkub จึงให้ความสำคัญกับการ reskill และ upskill เพราะงานในอุตสาหกรรมนี้เฉพาะทางมาก นอกจากทักษะแล้ว เรื่อง รายได้และสวัสดิการ ก็ต้องแข่งขันได้ และต้องช่วยให้พนักงานเติบโตทั้งอาชีพและชีวิต สวัสดิการที่แตกต่าง: ดูแลทั้งกาย ใจ และไลฟ์สไตล์ Bitkub ให้ความสำคัญกับสวัสดิการทั้ง รูปธรรม (Physical) และ นามธรรม (Emotional & Lifestyle) สวัสดิการรูปธรรมที่หาได้ยากในองค์กรอื่น Capsule นอนแบบ ergonomics ช่วยให้พนักงาน Power Nap เพื่อเติมพลัง ห้องนวดพร้อมหมอนวดผู้พิการทางสายตา 5–6 ท่าน ที่ประจำอยู่ในออฟฟิศ โซนสำหรับพักผ่อน/อ่านหนังสือ (Literation Zone) เพื่อเติมแรงบันดาลใจ ส่วนสวัสดิการเชิงนามธรรมที่เข้าใจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ คือก่อนจะปล่อยสวัสดิการใด ๆ ทีม HR จะถาม “น้องอยากได้อะไร?” จากนั้นจึงคัดสรร perks และส่วนลดมาให้พนักงาน ไฮไลต์ล่าสุดคือ พันธมิตรกับ Tinder มอบ Gold Subscription ให้พนักงาน เพราะเข้าใจว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และคุณภาพชีวิต พาร์ทเนอร์กับแอปพบแพทย์ออนไลน์ เดือนตุลาคมจัดเป็น Mental Health Month มีกิจกรรมตรวจสุขภาพเชิงลึก เช่น body fat analysis เพื่อให้พนักงานดูแลตัวเองมากขึ้น ทั้งหมดนี้สะท้อนคอนเซปต์ Work-Life Integration ที่ Bitkub เชื่อว่า “ชีวิต” สำคัญไม่แพ้ “งาน” ลดช่องว่างผู้บริหารเเละพนักงาน ด้วยโปรแกรม Coffee Chat อีกหนึ่งโปรแกรมที่ได้รับความนิยมคือ Coffee Chat with C-levels พนักงานสามารถนัดเวลามาพูดคุยกับผู้บริหารที่อยากเจอได้โดยตรง เพื่อแชร์ความเห็น คำถาม หรือหาแรงบันดาลใจ เป็นพื้นที่ที่ลดช่องว่างและเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างพนักงานกับผู้บริหารอย่างแท้จริง เป้าหมายต่อไป: สร้างวัฒนธรรม AI Learning Organization สำหรับทิศทางปีถัดไป Bitkub ต้องการผลักดันให้พนักงานเป็น AI Adoptors ไม่ใช่แค่รู้จักเครื่องมือ แต่ต้องใช้งานได้จริงและทำให้งานดีขึ้น โปรแกรมสำคัญ เช่น KUBERNATOR  รวมผู้เชี่ยวชาญ AI ประจำแต่ละทีม ที่ผ่านการอบรมเชิงลึกเพื่อนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการทำงานได้จริงในทุกแผนก จัด AI Camp ให้น้อง ๆ เรียนรู้เครื่องมือ AI ระดับ Advanced นำ AI มาทำ Process Optimization พร้อมทดลอง Plug-in tools ใหม่ ๆ เพื่อดูผลแบบเป็นรูปธรรม Bitkub ต้องการเป็นเวทีให้พนักงานเรียนรู้ แสดงศักยภาพ และเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยี ทิ้งท้ายถึงคนรุ่นใหม่: ทักษะสำคัญที่สุดในการทำงาน คุณเปิ้ลฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังเริ่มต้นทำงานว่า  “Resilience คือหัวใจ เพราะโลกทุกวันนี้เปลี่ยนเร็ว ล้มได้ แต่ต้องลุกให้เร็ว” หลายครั้งน้องทำงาน 6 เดือนแล้วรู้สึกไม่ใช่ ไม่ได้แปลว่าไม่เก่ง Bitkubเปิดโอกาสให้ ย้ายแผนก เพื่อหาสิ่งที่ใช่กว่า เพราะองค์กรเชื่อว่าศักยภาพของคนจะเปล่งประกายได้เมื่ออยู่ถูกที่ อยากเป็นหนึ่งใน Bitkubers? Bitkub คือองค์กรที่ลงทุนกับคนจริง ๆ เปิดโอกาสให้เติบโตทั้งในงาน ชีวิต และทักษะใหม่ ๆ ถ้าอยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ขับเคลื่อนโลกเทคโนโลยีไปข้างหน้า ติดตามโอกาสและไลฟ์สไตล์ของทีมงานได้ที่ 📌 IG: @lifeatbitkub 📌 TikTok: @babygreenblood

    Nov 26, 2025
    Thumbnail for “ธุรกิจไทยยุคใหม่ จะอยู่รอดได้ ต้องเข้าใจคนให้ลึกกว่าเทคโนโลยี และกล้าที่จะเปลี่ยนก่อนที่โลกจะเปลี่ยนเรา” สาระสำคัญจากสองเวทีใหญ่ในงาน Bitkub Summit 2025

    “ธุรกิจไทยยุคใหม่ จะอยู่รอดได้ ต้องเข้าใจคนให้ลึกกว่าเทคโนโลยี และกล้าที่จะเปลี่ยนก่อนที่โลกจะเปลี่ยนเรา” สาระสำคัญจากสองเวทีใหญ่ในงาน Bitkub Summit 2025

    ในยุคที่โลกธุรกิจเปลี่ยนเร็วกว่าเคย “การอยู่รอด” ไม่ใช่เรื่องของทุนมากหรือน้อยอีกต่อไป แต่คือ “ความเข้าใจในคนและความกล้าในการปรับตัว” สองเวทีสุดเข้มจาก Bitkub Summit 2025 — Shark Restage 2026 และ Thai SMEs Reshape 2026 ได้ถอดบทเรียนล้ำค่าจากผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ของไทย ว่าทางรอดของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ “การสร้างคุณค่า” ไม่ใช่ “การแข่งขันราคา” สรุปเวที Panel Discussion: Thai SMEs Reshape 2026 “ทางรอดของผู้ประกอบการไทยยุคใหม่” ในงาน Bitkub Summit 2025 ปีนี้ หนึ่งในเวทีที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “Thai SMEs Reshape 2026” เวทีที่ได้รวบรวมสุดยอดผู้ประกอบการ SMEs ไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาด Red Ocean เพื่อมาเผยกลยุทธ์และแนวคิดในการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบด้วย คุณนัทธมน พิศาลกิจวนิช (สุกี้ตี๋น้อย), คุณพชร จิราธิวัฒน์ (Potato Corner), คุณพีรดนย์ เหมยากร (iHAVECPU) และ คุณวริษฐา สืบพันธ์วงษ์ (MizuMi) Suki Teenoi จากร้านบุฟเฟ่ต์เล็ก ๆ สู่ธุรกิจที่มียอดขายแตะ 9,000 ล้านบาทภายใน 8 ปี คุณเฟิร์นเล่าว่า จุดเปลี่ยนคือ “วันหนึ่งเราไม่อยากเป็นแค่เจ้าของร้าน แต่ต้องการเป็นธุรกิจที่เติบโตได้จริง”  เธอมองการขยายสาขาไม่ใช่แค่การเพิ่มจำนวนร้าน แต่คือการ “โตไปพร้อมกับคนของเรา” เพราะสุกี้ตี๋น้อยมีพนักงานจำนวนมากที่ต้องดูแล “เราไม่สามารถหยุดอยู่ที่เดิมได้ เพราะเรามีคนอีกหลายร้อยชีวิตที่ต้องโตไปด้วยกัน” ตอนนี้สุกี้ตี๋น้อยบุกตลาดภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง และมีแผนเปิดภาคใต้ในปีหน้า ทุกครั้งที่เปิดสาขาใหม่แล้วเห็นลูกค้ามีความสุข มันคือ “รางวัลที่ยิ่งกว่ากำไร” แม้จะเติบโตเร็ว แต่เธอก็ยังมองว่า “ธุรกิจยังไม่สำเร็จ” เพราะความท้าทายของเฟิร์นคือ “จะทำอย่างไรให้โตอย่างยั่งยืน”  ไม่ใช่แค่ร้านอาหารตามกระแส แต่เป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจคนไทยได้อีกหลายสิบปีข้างหน้า Potato Corner จากนักแสดงสู่ผู้บริหารแฟรนไชส์มันฝรั่งทอดระดับโลก คุณพีชเล่าว่าจุดเริ่มต้นของ Potato Corner เป็นเพียง “โปรเจกต์สนุก ๆ กับเพื่อน” ที่อยากเปิดร้านอาหาร แต่เมื่อเริ่มจริงจัง เขากลับพบว่านี่คือธุรกิจที่ต้องใช้การคิดและวางระบบอย่างลึกซึ้ง คุณพีชพูดถึงการ “localize” ธุรกิจแฟรนไชส์ต่างชาติให้เข้ากับคนไทยว่าเป็นหัวใจสำคัญ แม้ Potato Corner จะมี 4 รสชาติหลักจากต้นฉบับ แต่ทีมไทยต้องทำ R&D เองเพื่อให้รสชาติเข้ากับคนไทยมากที่สุด “ตลาดไทยไม่เหมือนใคร เราต้องเข้าใจคนไทยให้ลึกถึงพฤติกรรมและรสนิยม” อีกหนึ่งมุมที่น่าสนใจคือเรื่อง Personal Branding คุณพีชมองว่า การมีชื่อเสียงอาจช่วยได้ในช่วงเริ่มต้น แต่เขาอยากให้ธุรกิจอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง “วันหนึ่งถ้าไม่มีเรา ธุรกิจต้องไปต่อได้ นั่นคือแบรนด์ที่แท้จริง” iHAVECPU คุณเปาคือภาพแทนของ “SME ที่สร้างจากศูนย์”  เขาเริ่มต้นจากความฝันเรียบง่าย  “อยากรวยและมีอิสรภาพทางการเงิน”  แต่สิ่งที่ทำให้เขาต่างจากคนอื่นคือ เขา “ลงมือทำทันที” ด้วยสิ่งที่ถนัด คือการประกอบคอมพิวเตอร์ ในยุคที่ตลาดเต็มไปด้วยเจ้าใหญ่ ๆ เปาเลือกทางที่แตกต่าง  ทำ “คอมประกอบพร้อมใช้” ที่ลูกค้าซื้อแล้วใช้ได้เลย เหมือนบริการ “instant PC”  นั่นคือจุดกำเนิดของ iHAVECPU “ผมไม่แข่งเรื่องราคา แต่แข่งเรื่องความเชื่อถือ” สิ่งที่ทำให้แบรนด์นี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด คือ Personal Branding ที่จริงใจและมีพลัง  คุณเปาไลฟ์สดขายคอมแบบไม่ปักตะกร้า แต่ให้ความรู้ พูดคุยเหมือนเพื่อน แทรกคำคม และค่อย ๆ สร้างความเชื่อมั่น วันนี้ iHAVECPU มียอดขายกว่า 2,700 ล้านบาท และคุณเปายังย้ำว่า “CEO ต้องลงมือเองก่อนเสมอ เพราะนั่นคือสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งลูกค้าและทีมงาน” MizuMi จากมนุษย์เงินเดือนสู่ผู้ก่อตั้งแบรนด์สกินแคร์ไทยที่เติบโตในตลาดที่แข็งอย่าง “Red Ocean”  คุณหนุยเล่าว่า เธอเริ่มจากความเชื่อเล็ก ๆ ว่า “คนไทยก็สร้างแบรนด์สกินแคร์ระดับโลกได้” เธอเริ่มด้วยสินค้าชิ้นเดียว  คือครีมกันแดด Mizumi เพื่อให้ผู้บริโภค “จำแบรนด์ได้ทันที” “เราอยากเป็นแบรนด์ไทยที่คนจำได้ และยืนเคียงข้างแบรนด์ต่างชาติได้อย่างภาคภูมิ” Mizumi ใช้เวลา 5 ปีเต็มกว่าจะเติบโตและเป็นที่รู้จัก  คุณหนุยย้ำว่า “ธุรกิจที่ดีต้องไม่รีบ แต่ต้องคิดรอบด้าน”  เธอเลือกแนวทาง “ช้าแต่ชัวร์” ทำทุกอย่างเองตั้งแต่ต้น ทั้งวิจัยสินค้าและการตลาด ในยุคนี้ Mizumi นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยด้านมาร์เก็ตติ้ง สร้าง Visual และคอนเทนต์ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้รวดเร็ว “AI ทำให้ทีมเราทำงานเร็วขึ้นมาก สร้างคอนเทนต์ใหม่ได้ทุกเดือน ซึ่งถ้าไม่มีเทคโนโลยี เราคงทำไม่ได้” กลยุทธ์การหาช่องว่างในตลาด Red Ocean จุดร่วมสำคัญของทุกแบรนด์คือการค้นหา “ช่องว่าง” และทำในสิ่งที่คู่แข่งไม่ทำ เพื่อสร้างโอกาสในตลาดที่มีการแข่งขันสูง: 1.Blue in Red Ocean (iHAVECPU): คุณเปาเน้นย้ำว่าการแข่งขันด้านราคา (Price War) นั้นเหนื่อยและไม่ยั่งยืน กลยุทธ์คือการสร้าง “Blue in Red” ด้วยการ Add Value ในส่วนของโปรโมชั่นและคอนเทนต์ ต้อวสร้างความเชื่อถือและความมั่นใจ ผ่าน Personal Branding โดยการ ไลฟ์สดให้ความรู้ และขายแบบ “ขายที่ไม่ขาย” (Give and Take) ลูกค้าอาจไม่ได้ซื้อทันที แต่จะนึกถึงแบรนด์นี้เมื่อพร้อม 2.Localization และ R&D (Potato Corner): คุณพีชมองว่าตลาดไทยมีความพิเศษและมี Preference ชัดเจน แม้เป็นแฟรนไชส์ระดับโลก แต่ต้อง Localize อย่างมาก ทำ R&D และทดสอบรสชาติอย่างเข้มข้นจนเจอจุดที่คนไทยชอบ และต้อง In-House การทำแคมเปญการตลาดที่ดุดันเพื่อให้แตกต่าง 3.Quality Over Price และ Dermatological Testing (Mizumi): คุณหนุย เน้นย้ำ 3 เรื่องหลัก: Quality Over Price: ใช้เทคโนโลยีญี่ปุ่นเพื่อให้สินค้ามีคุณภาพเกินราคาที่ผู้บริโภคจ่าย Accessibility: เน้นการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงคนง่ายที่สุด ไม่ใช่แบรนด์อินดี้ Confidence: มี Dermatology Testing เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพ และการเริ่มธุรกิจอย่าง “ช้าแต่ชัวร์” เพื่อลดความเสี่ยงจากการเป็น Nobody AI และ Technology: AI คือตัวช่วย ไม่ใช่ตัวแทน ทั้งสี่ธุรกิจเห็นตรงกันว่า AI และเทคโนโลยีไม่ใช่สิ่งที่มาแทนที่ "คน" แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน: Suki Teenoi: ใช้ POS และ Technology หลังบ้านในการ ปิดความเสี่ยงเรื่องการโกง และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้ขยายสาขาโดยใช้คนน้อยลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น MizuMi: ใช้ AI อย่างเข้มข้นในฝั่ง Marketing โดยเฉพาะการสร้าง Visual Cartoon Characters และ Artwork ใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกเดือน และดึงดูด Gen Z iHAVECPU: ใช้ AI และ ERP ในการจัดการ Back Office เช่น การ Suggestion คำตอบ Chatbot (Super Admin), การจัดซื้อ Inventory และ Logistics Potato Corner: ใช้ AI ช่วย Lean Cost ในบางส่วน เช่น การทำ Graphic Direction หรือ Simulation Artwork เพื่อให้เห็นภาพรวมก่อนเริ่มจริง ทิ้งท้าย เมื่อถามว่า “ถ้าให้เริ่มใหม่อีกครั้ง จะเลือกทำธุรกิจเดิมไหม?”  ทุกคนตอบเหมือนกัน  “ใช่” เพราะแม้ธุรกิจจะเหนื่อยและเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่พวกเขาทุกคน “รักในสิ่งที่ทำ” และนั่นคือเชื้อไฟที่ทำให้พวกเขายังเดินต่อได้ทุกวัน คำแนะนำจาก 4 ผู้ประกอบการถึงคนทำธุรกิจไทย คุณพีช: “นี่คือช่วงเวลาที่ SMEs จะโตเร็วที่สุด อย่ากลัว ต้องมี Agility และลงมือ” คุณหนุย: “ปรับตัวให้เร็ว เรียนรู้ให้เร็ว และต้องวิเคราะห์ความเสี่ยงให้เป็น” คุณเปา: “ธุรกิจทุกวันนี้แข่งสูง ต้องเด่นจริง ๆ อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง” คุณเฟิร์น: “ต้องชัดเจนว่าเราทำธุรกิจเพื่ออะไร เพราะเป้าหมายคือสิ่งเดียวที่ทำให้เราไม่ยอมแพ้” “Thai SMEs Reshape 2026” ไม่ใช่แค่เวทีแชร์ประสบการณ์ แต่คือพื้นที่ที่ทำให้เราเห็นว่า การทำธุรกิจไม่ใช่แค่แพชชั่น แต่คือการหาช่องว่างที่คนอื่นไม่เห็น แล้วลงมือทำอย่างมีวินัย ทั้ง 4 วิทยากรพิสูจน์แล้วว่า คนไทยก็สามารถสร้างแบรนด์ให้ยั่งยืนได้ ถ้ามี “หัวใจนักสู้” และ “ความเข้าใจในผู้คน” “เพราะความสำเร็จของธุรกิจ ไม่ได้อยู่ที่ใครเริ่มก่อน แต่อยู่ที่ใครไม่ยอมแพ้ก่อนต่างหาก” สรุปเวที Panel Discussion: Shark Restage 2026 : ล่าธุรกิจไทย โตไกลสู่เวทีโลก เวทีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของงาน Bitkub Summit ปีนี้ ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะได้สามผู้นำทางธุรกิจของไทยมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างเข้มข้น ได้แก่ คุณชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ, คุณกฤษณ์ ศรีชวาลา และ คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ภาวะเศรษฐกิจ : เจ็บนานและโอกาสที่ลดลง ในการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นช่วงที่หนักที่สุดในรอบ 40 ปี คุณกฤษณ์ ศรีชวาลา ชี้ให้เห็นว่าปัญหาหลักคือ "กระแสการเงิน" (Flow) ในระบบการเงินไทยที่ถูกล็อก ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้ยาก ทั้งยังถูกซ้ำเติมด้วยกฎหมายที่ทำให้การซื้อขายฝืดเคือง คุณกฤษณ์มองว่าแม้ในอดีตวิกฤตจะหนักแต่ฟื้นตัวเร็ว (เช่น ต้มยำกุ้ง, โควิด) แต่ช่วง 2-3 ปีหลังโควิดนี้ กลับเป็นภาวะ "เจ็บน้อยแต่เจ็บนาน" ที่ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวัง ในทางตรงกันข้าม คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา กลับมีมุมมองที่น่าตกใจ โดยเตือนว่า "ปีนี้อาจเป็นปีที่ดีที่สุด และหลังจากนี้จะแย่ลงเรื่อยๆ" คุณท๊อปชี้ไปที่เทรนด์ระยะยาวจากเวที World Economic Forum ที่บอกว่า "Old Economy ไม่มี Premium เหลือแล้ว" กลายเป็น Red Ocean ที่มีการเติบโตติดลบ (เมื่อรวมเงินเฟ้อ) ในขณะที่ Digital Service และ AI กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ความท้าทายของประเทศไทยคือ หากไม่สามารถ Reskill/Upskill ทรัพยากรมนุษย์ได้ จะนำไปสู่การตัดราคา และที่น่ากังวลคือปัญหา Aged Economy โดยยกตัวอย่างข้อมูลการเกิดของเด็กใหม่ที่ลดลงเหลือเพียง 4 แสนคนต่อปี ทำให้ Consumption หายไปถึงครึ่งหนึ่ง Aging Society กับทางรอดของธุรกิจไทย คุณกฤษณ์เสริมว่า การที่คนไทยอายุยืนขึ้นแต่มีลูกน้อยลง ทำให้เรากำลังเข้าสู่ Old Economy อย่างเต็มตัว ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะแย่ แต่ “ต้องมองหาโอกาสใหม่ในพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป” “วันนี้คนใช้เงินกับสุขภาพ ความเป็นอยู่ และความยั่งยืน มากกว่าของฟุ่มเฟือย” ธุรกิจสาย Wellness, Longevity และ Health จึงเป็นแนวทางใหม่ที่น่าจับตา เพราะตอบโจทย์สังคมสูงวัยที่ยังมีกำลังจ่ายและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต ด้านคุณท๊อปเสริมว่า เทรนด์ Aged Economy เป็นเรื่องทั่วโลก แต่การจะยกระดับไปสู่ Premium Economy ได้ ต้องมี “โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล” ที่แข็งแรง เขายกตัวอย่างอุตสาหกรรม Tourism & Hospitality ที่ต้องเปลี่ยนจากการจับตลาดหรู ไปสู่ตลาด “สุขภาพและการใช้ชีวิตระยะยาว” ซึ่งสามารถสร้าง Value Added ได้มากกว่า “เด็กรุ่นใหม่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แต่ไปวิ่ง เข้าร่วม Run club ไปซาวน่า สนใจเรื่องสุขภาพ ถ้าเราออกแบบธุรกิจที่ตอบโจทย์กลุ่มนี้ จะสร้าง S-Curve ใหม่ให้ประเทศได้” จาก Old Economy สู่ New Economy – บทเรียนจากจีน คุณชนาพรรณมองว่า ประเทศไทยสามารถเรียนรู้จาก “โมเดลจีน” ที่เปลี่ยนผ่านจาก Old Economy สู่ New Economy ได้สำเร็จ เพราะเขาลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไว้แน่นก่อน แล้วค่อยต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เธอเล่าตัวอย่างของอินโดนีเซีย ที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่าง Nickel (แร่สำหรับผลิตแบตเตอรี่รถ EV) ให้เกิดมูลค่าเพิ่มด้วยการแปรรูป แทนที่จะขายวัตถุดิบดิบๆ “ประเทศไทยเองส่งออกยางพาราเป็นหลัก ถ้าเราดึงนักลงทุนมาช่วยแปรรูปให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เราก็จะขยับจากผู้ขายวัตถุดิบไปเป็นผู้สร้างนวัตกรรมได้เหมือนกัน” DNA ธุรกิจไทยสู่ Global Stage เมื่อพูดถึงคุณสมบัติของนักธุรกิจไทยที่สามารถ Scale ไป Global ได้ จุดแข็งที่เห็นชัดคือ: Hospitality & Service Mind: คุณกฤษณ์ มองว่าการบริการและอัธยาศัยไมตรีคือจุดเด่นที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ เป็น "Physical Touch" ที่มีเสน่ห์ดึงดูด และสอดคล้องกับเทรนด์ Wellness ความพร้อมและการบริหารจัดการ: คุณชนาพรรณ ย้ำถึงความสำคัญของการ "เข้าใจตลาด" ที่จะไป และ "ความสามารถในการแข่งขัน" สตาร์ทอัพที่คิดจะไป Global ต้องใหญ่และพร้อมจริง รวมถึงการ "บริหารจัดการ Supply Chain" ในยุคสงครามการค้า/สงครามจริง ให้สินค้าถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอนและรักษาความเป็น Thai Authentic การลงทุนในอนาคต: Top 3 Sectors หากต้องเลือกลงทุนในธุรกิจใหม่ ผู้บริหารทั้งสามท่านเลือกจากจุดแข็งและเทรนด์ของโลก: 1.คุณท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เลือก Longevity / Health เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่ Super Aging Economy อย่างเต็มตัวภายใน 5 ปี และ Hospitality คือจุดแข็งของเรา ท่านมองว่าควรลงทุนในสิ่งที่ประเทศแข็งแรง แต่ต้องเพิ่ม Health Curve/Value Added เข้าไป 2.คุณชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ เห็นด้วย และเสริมว่าแนวทางที่น่าจับตาอีกอย่างคือ Green Energy และ Climate Tech เพราะคนรุ่นใหม่ทั่วโลกเริ่ม “ซื้อสินค้าด้วยความเชื่อ” และอยากสนับสนุนสิ่งที่ช่วยโลก 3.คุณกฤษณ์ ศรีชวาลา: เลือก Lifestyle Sport / Back to Basic ในยุคที่คนมีเวลาว่างจากงานมากขึ้น (จากการเข้ามาของ AI) ผู้คนจะต้องการใช้ Quality Time ในการทำกิจกรรมและเล่นกีฬา สนามกีฬา หรือสถานที่ที่รองรับ Lifestyle Sport จะกลายเป็นเทรนด์สำคัญ บทเรียนชีวิตและจุดเปลี่ยนของผู้นำ คุณกฤษณ์บอกว่า การทำธุรกิจไม่มีใครไม่พลาด มันคือการ "หลับๆ ตื่นๆ" ตลอดเวลา แต่สิ่งสำคัญคือการ “รู้ตัวและปรับตัวให้ทัน” เพราะหลายเหตุการณ์ เช่น โควิด หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ล้วนสอนให้เราต้องเตรียมแผนสำรองไว้เสมอ คุณชนาพรรณ แบ่งปันมุมมองที่น่าจดจำว่า “ไม่มีใครทำธุรกิจ 30 ปีโดยไม่พลาด แต่เราต้องทำให้ทุกความผิดพลาดเป็น Quality Mistake พลาดได้ แต่ต้องพัฒนาได้” เธอทิ้งท้ายด้วยประโยคที่โดนใจว่า “กล้าที่จะออกจากสิ่งที่ไม่ใช่ เพื่อไปอยู่ในสิ่งที่ใช่ คือ Turning Point ที่แท้จริงของชีวิต” ส่วน คุณท๊อป เล่าอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาเองก็เคยพลาดในการบริหารเงินสด และเคยเติบโตผิดจังหวะ แต่บทสรุปที่สำคัญที่สุดคือ "มันไม่ได้อยู่ที่ใครมาก่อน แต่มันอยู่ที่เราอยู่นานแค่ไหน" หาก Macro Trend มาถูกทาง การอดทนและอยู่รอดในวงการได้นานคือกุญแจสำคัญสู่ชัยชนะ ทั้งสามคนร่วมกันถอดบทเรียน เศรษฐกิจไทยในยุคเปลี่ยนผ่าน ความท้าทายของธุรกิจในประเทศ และเส้นทางที่ภาคธุรกิจไทยจะก้าวไปสู่ “เวทีโลก” ได้อย่างยั่งยืน ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาชีพและธุรกิจได้ที่ Jobcadu

    Oct 27, 2025
    Thumbnail for “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ไลฟ์ร้อยล้าน” บทเรียนแรงบันดาลใจสำหรับคนทำงานยุคใหม่

    “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ไลฟ์ร้อยล้าน” บทเรียนแรงบันดาลใจสำหรับคนทำงานยุคใหม่

    จากเวทีเพลง สู่เวทีชีวิตการทำงาน ปรากฏการณ์ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ไลฟ์ร้อยล้าน” กลายเป็นไวรัลครั้งใหญ่บนโลกโซเชียล จากศิลปินลูกทุ่งหญิงที่เคยยืนบนเวทีคอนเสิร์ต วันนี้เธอกลายเป็นแม่ค้าสุดพลังที่ไลฟ์ขายของจนยอดวิวพุ่งทะลุหลักล้าน และสร้างยอดขายถล่มทลายเเบบฉฉุดไม่อยู่ สิ่งที่ผู้คนตกหลุมรัก ไม่ใช่แค่ความสนุกของการขาย แต่คือ พลังงานบวก ความขยันไม่รู้จักเหนื่อย และความจริงใจ สิ่งที่เจนนี่ทำ มันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการขายของ แต่มันคือการโชว์ให้เห็นว่า คนธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าตั้งใจทำอะไรสักอย่างอย่างเต็มที่ ก็สามารถสร้างปรากฏการณ์ได้จริง เจนนี่ = ตัวแทนของคนทำงานที่ “สู้ด้วยพลังใจ” เจนนี่ในวันนี้ไม่ใช่แค่ศิลปินอีกคน เธอคือผู้ประกอบการ นักสื่อสาร และแรงบันดาลใจที่เดินบนเส้นทางใหม่อย่างไม่กลัวล้ม ไม่กลัวเหนื่อย เธอมี "เสียง" ที่สื่อสารกับคนฟังได้ดี มี "วิสัยทัศน์" ที่มองเห็นโอกาสก่อนใคร และที่สำคัญ มี "ความกล้า" ที่จะลองทำในสิ่งที่คนอื่นยังไม่เคยทำเเละคิดสิ่งใหม่ๆที่คนอื่นไม่เคยคิดมาก่อน เหมือนคนทำงานยุคนี้ที่ต้องแบกหลายบทบาทไปพร้อมกัน บางทีเราต้องเป็นทั้ง "คนนำเสนอ" ที่พูดให้คนฟัง "คนขาย" ที่โน้มน้าวให้คนเชื่อ และ "คนวางแผน" ที่คิดหาทางรอดให้ทั้งทีม 3 บทเรียนจาก “เจนนี่ ไลฟ์ร้อยล้าน” ที่คนทำงานนำไปใช้ได้จริง 1. อย่ากลัวที่จะเปลี่ยน เพราะการปรับตัวคือทักษะที่ล้ำค่าที่สุดในยุคปัจจุบัน เส้นทางของเธอพิสูจน์ว่า การยืดหยุ่น คือสิ่งที่ทำให้เราอยู่รอดในยุคที่โลกหมุนเร็วแบบนี้ เธอไม่ได้ติดอยู่กับความสำเร็จเก่า ๆ แต่กล้าที่จะก้าวออกมา ทดลองสิ่งใหม่ แม้จะดูไม่เข้ากับภาพลักษณ์เดิมก็ตาม สำหรับเรา นี่คือการเน้นย้ำว่า อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนบทบาท เมื่อโอกาสเดินเข้ามา เพราะบางทีสิ่งที่เราคิดว่าเป็น "ก้าวถอยหลัง" อาจกลายเป็น "จุดเริ่มต้นใหม่" ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม 2. ฟังคนฟัง เข้าใจคนดู เหมือนคุยกับเพื่อน คนดูไลฟ์เจนนี่บอกว่า รู้สึกเหมือนคุยกับเพื่อนหรือพี่สาวมากกว่าดูแม่ค้าขายของ เธอไม่ได้แค่ขาย แต่เธอฟังคำถาม หัวเราะไปด้วยกัน และตอบโต้อย่างเป็นธรรมชาติ นี่คือจุดเด่นที่ทำให้คนรู้สึกว่าเธอเข้าใจเเละรู้ว่าคนดูต้องการอะไรจริง ๆ สำหรับคนทำงาน นี่คือบทเรียนเรื่อง Empathy การเข้าใจความรู้สึกของคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย ลูกค้า หรือเพื่อนร่วมงาน การทำงานไม่ใช่แค่ทำตามหน้าที่ แต่คือ การรับรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร และเราจะช่วยได้อย่างไร 3. วินัยและความสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญ ไม่มีใครเห็นผลลัพธ์ร้อยล้านในวันเดียว เจนนี่ไลฟ์แทบทุกวัน ด้วยพลังเต็มร้อยเหมือนวันแรก และความสม่ำเสมอนั่นเองที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ชมและลูกค้า สำหรับคนทำงานทั่วไป “ความต่อเนื่อง” คือสิ่งที่แปลงความตั้งใจให้กลายเป็นผลลัพธ์จริงได้ในระยะยาว คำว่า “ได้หมดถ้าสดชื่น” ของเจนนี่ ไม่ได้หมายถึง “ต้องทำได้ทุกอย่าง” แต่มันคือ “กล้าทำทุกอย่างที่ทำได้ให้ดีที่สุด” นี่คือหัวใจของ Growth Mindset แนวคิดของคนยุคใหม่ที่พร้อมเรียนรู้ ปรับตัว และลงมือทำ ไม่ว่าเราจะเป็นพนักงานออฟฟิศ แม่ค้า ฟรีแลนซ์ หรือเจ้าของกิจการ บทเรียนจาก "เจนนี่ ไลฟ์ร้อยล้าน" กำลังบอกเราว่า พลังใจ ความสม่ำเสมอ และความจริงใจ คือสิ่งที่สร้างคุณค่าของคนทำงานได้จริง ถ้าเราทำงานด้วยความตั้งใจ ไม่ยอมแพ้ และยิ้มได้ทุกวัน โลกก็จะเห็นเรา เหมือนที่โลกเห็นเจนนี่วันนี้ พร้อมจะเริ่มต้นเส้นทางของคุณแล้วหรือยัง? 🔗หางานที่ใช่สำหรับคุณตอนนี้ได้ที่ Jobcadu.com

    Oct 16, 2025
    Thumbnail for Exclusive Interview with Mutant | เอเจนซี่ที่ไม่ได้ทำแค่ PR แต่แก้โจทย์ธุรกิจจริง

    Exclusive Interview with Mutant | เอเจนซี่ที่ไม่ได้ทำแค่ PR แต่แก้โจทย์ธุรกิจจริง

    เมื่อพูดถึง PR Agency ที่มาแรงในเอเชีย หนึ่งในชื่อที่ได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ระดับโลกไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหรือผู้ให้บริการสตรีมมิ่งแถวหน้ารวมถึงแบรนด์สายการบินอย่าง Scoot ตลอดจนองค์กรชั้นนำอีกมากมาย คือ Mutant Communications บริษัท Strategic Communications Agency ที่ก่อตั้งขึ้นในสิงคโปร์เมื่อปี 2012 และได้ขยายสาขาไปยังหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย Mutant ไม่ได้มองการทำประชาสัมพันธ์เพียงแค่เรื่อง “สื่อ” แต่เป็นการ ใช้ PR และการสื่อสารเพื่อแก้โจทย์ทางธุรกิจจริง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างยอดขาย การดึงดูดคนเก่งเข้ามาร่วมงาน การยกระดับภาพลักษณ์ ไปจนถึงช่วยธุรกิจระดมทุน บทความนี้จะพาไปสำรวจเบื้องหลังของ Mutant เอเจนซี่ด้านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ที่โดดเด่นและเติบโตอย่างรวดเร็ว ผ่านบทสัมภาษณ์สุดพิเศษกับผู้ก่อตั้งและ CEO คุณ K.Joseph Barratt และคุณชนิดาภา จงปติยัตต์ (คุณเชอร์รี่) ผู้อำนวยการของ Mutant Thailand จุดเริ่มต้นของ Mutant คุณโจเซฟเล่าว่า แรงบันดาลใจในการก่อตั้ง Mutant มาจากความไม่พอใจที่เคยพบเจอในการทำงานเอเจนซี่อื่นๆ ในอดีต เขาต้องการสร้างเอเจนซี่ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจที่แท้จริงให้กับลูกค้า แทนที่จะมุ่งเน้นแค่การเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว สำหรับเขาแล้ว Public Relations (PR) เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดขาย, ดึงดูดพนักงานที่มีคุณภาพ, สร้างโปรไฟล์ให้เป็นที่รู้จัก, หรือแม้แต่ช่วยในการระดมทุน ส่วนชื่อ "Mutant" มาจากความชื่นชอบส่วนตัวในภาพยนตร์ X-Men และแนวคิดเรื่อง "วิวัฒนาการและการกลายพันธุ์" (Evolution and Mutation) คุณโจเซฟมองว่าอุตสาหกรรมนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ดังนั้นการที่ Mutant จะยืนหยัดอยู่แถวหน้าได้ จำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขความท้าทายใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ความท้าทายในวันแรก ในช่วงแรก Mutant ต้องแข่งขันกับเอเจนซี่ระดับอินเตอร์ที่ครองตลาดอยู่แล้ว การสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าไม่ใช่เรื่องง่าย คุณโจเซฟจึงเลือกทางที่ต่างออกไป คือ การลงทุนกับคน โดยการจ้างนักเขียนหรือคนเก่งที่มีประสบการณ์ เพื่อสร้างผลงานที่ทำให้ลูกค้าประทับใจตั้งแต่เริ่มต้น อีกหนึ่งความท้าทายคือเรื่องเงินทุนและกระแสเงินสด คุณโจเซฟเล่าว่าใน 2 ปีแรกเขาไม่ได้รับเงินเดือนเลย และต้องทำงานหนักถึง 7 วันต่อสัปดาห์ การเติบโตของ Mutant จึงเป็นแบบ Organic Growth คือค่อยๆ ขยายทีมไปพร้อมกับการเพิ่มจำนวนลูกค้า และยังคงรักษาแนวคิดนี้ไว้จนถึงปัจจุบัน วัฒนธรรมองค์กร Mutant ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานที่สุดในเอเชีย และเพิ่งคว้ารางวัล Best Asian Agency to Work For จากเวที PRovoke Media’s SABRE Awards คุณโจเซฟเล่าว่า สำหรับวัฒนธรรมองค์กรในวันนี้ Mutant ให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับแรก การดูแลพนักงานอย่างดีทำให้พวกเขามีความสุขและทุ่มเทในการทำงาน ซึ่งส่งผลดีต่อลูกค้าและนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ Mutant ยังให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการทำงาน (High Performance) ควบคู่ไปกับวัฒนธรรมที่ดี เพราะทั้งสองสิ่งนี้ต้องไปด้วยกันเพื่อที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน Mutant มีสำนักงานในสิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมไปถึงฟิลิปปินส์ และเตรียมเปิดตัวที่เวียดนามภายในปีหน้า คุณโจเซฟมองว่าในยุคที่เทคโนโลยีและ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญ Mutant มีความได้เปรียบในฐานะเอเจนซี่อิสระ ที่สามารถปรับตัวและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วกว่าบริษัทขนาดใหญ่ บทบาทของผู้อำนวยการ Mutant Thailand: คุณเชอร์รี่ คุณเชอร์รี่ (ชนิดาภา จงปติยัตต์) ผู้อำนวยการของ Mutant Thailand ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Mutant ไม่ได้ให้บริการแค่ PR เท่านั้น แต่ยังมีบริการด้านอื่นๆ เช่น โซเชียลมีเดีย, การฝึกอบรมสำหรับผู้บริหาร และแบรนดิ้ง ซึ่งในตลาดไทยเน้นงาน PR เป็นหลัก การบริหารจัดการทีม คุณเชอร์รี่กล่าวว่าหน้าที่สำคัญของเธอคือการ "Lead by Example" คือการเป็นตัวอย่างที่ดีในการรับมือกับความท้าทายและนำพาให้ทีมก้าวผ่านไปได้ นอกจากนี้ Mutant ยังมีโปรแกรม Mutant Mentorship เพื่อช่วยพัฒนาทักษะของพนักงานผ่านการฝึกอบรมแบบลงมือปฏิบัติจริง และยังได้นำ Productivity Tools ที่พัฒนาขึ้นเองมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เร็วขึ้นและดีขึ้น ความร่วมมือระหว่างประเทศ ปัจจุบัน Mutant มีสำนักงานใน 5 ประเทศหลัก ได้แก่ สิงคโปร์, ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ การทำงานแบบ "Cross-Market" จึงเป็นดีเอ็นเอที่สำคัญของ Mutant คุณเชอร์รี่กล่าวว่ามีการส่งพนักงานจากแต่ละประเทศไปช่วยงานกัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้วัฒนธรรมการทำงานที่แตกต่าง ทำให้การทำงานของทุกคนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน Mutant Thailand: Trusted Business Partner Mutant Thailand เปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2024 และในมุมมองของคุณเชอร์รี่ เธอต้องการให้ลูกค้าจดจำ Mutant ในฐานะ "Trusted Business Partner" ที่เป็นมากกว่าแค่เอเจนซี่ทั่วไป เมื่อได้รับโจทย์จากลูกค้า Mutant จะไม่ทำตามทันที แต่จะตั้งคำถาม เพื่อทำความเข้าใจถึงเป้าหมายทางธุรกิจที่แท้จริง ตลอดจนปัญหาที่ลูกค้าพบเจอ และนำเสนอโซลูชันที่สามารถช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้ คำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่ในสายงาน PR สำหรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจทำงานในวงการ PR คุณเชอร์รี่ให้คำแนะนำว่าทักษะที่สำคัญคือ ความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity) และ ทัศนคติเชิงบวก (Can-Do Attitude) ที่ไม่ย่อท้อต่อปัญหา รวมถึงความอดทนและความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learner) ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะโลกของ PR มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คุณเชอร์รี่ทิ้งท้ายด้วยการเชิญชวนให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสัมผัสประสบการณ์การทำงานที่ Mutant ซึ่งนอกจากจะท้าทายและสนุกสนานแล้ว ยังเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับคนและการรับฟัง ซึ่งช่วยให้พนักงานเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้นได้ทั้งในชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว “PR Agency คือโลกที่หมุนไว เต็มไปด้วยความท้าทายและการเรียนรู้ทุกวัน แต่ก็สนุกและได้โอกาสทำงานกับแบรนด์ระดับโลก ที่ Mutant เราให้คุณค่ากับทุกเสียง ทุกไอเดีย และจะช่วยให้คุณเติบโตเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด” บทสรุป ตลอดกว่า 12 ปี Mutant เติบโตจากเอเจนซี่เล็ก ๆ ในสิงคโปร์ จนกลายเป็นหนึ่งใน PR Agency ชั้นนำของเอเชีย เบื้องหลังความสำเร็จนี้มาจาก “คน” วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง และความเชื่อมั่นว่า PR ต้องช่วยแก้โจทย์ทางธุรกิจได้จริง วันนี้ Mutant Thailand กำลังเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์นี้ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดไทย และพร้อมก้าวไปสู่อนาคตที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

    Sep 29, 2025
    Thumbnail for Exclusive Interview with K. Pui “จากวิกฤตโควิด สู่การ Scale Up ครั้งใหญ่ บทเรียนธุรกิจจากคุณปุ้ย ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ GoWabi”

    Exclusive Interview with K. Pui “จากวิกฤตโควิด สู่การ Scale Up ครั้งใหญ่ บทเรียนธุรกิจจากคุณปุ้ย ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ GoWabi”

    เมื่อพูดถึงการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการนวด สปา ทำผม หรือแม้กระทั่งการตรวจสุขภาพและฟิตเนส หลายคนอาจคุ้นเคยกับชื่อ GoWabi แอปพลิเคชันที่รวมบริการความงามและสุขภาพครบวงจรไว้ในที่เดียว แต่รู้หรือไม่ว่า จุดเริ่มต้นของแพลตฟอร์มนี้มาจาก “ปัญหาการจองร้านทำผมของชาวต่างชาติ” เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณปุ้ย–วิภาวี วงศ์สิริศักดิ์ CCO & Co-Founder ของ GoWabi ถึงเส้นทางตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ไปจนถึงการเป็นหนึ่งใน Health & Wellness Super App ของไทยในวันนี้ จุดเริ่มต้นจาก Pain Point เล็ก ๆ สู่แพลตฟอร์มใหญ่ ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีก่อน GoWabi เริ่มจาก pain point ที่ดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่สร้าง impact ได้มหาศาล “ตอนนั้น Co-Founder อีกสองท่านเป็นชาวสวีเดนและรัสเซีย เขามีปัญหาแค่จะหาร้านทำผม โทรไปก็ไม่สะดวก ไม่เข้าใจภาษา บางทีก็ไม่ได้คิว ผมของต่างชาติก็ไม่เหมือนคนไทย เลยอยากหาช่างที่เหมาะสม” คุณปุ้ยเล่า โจทย์คือทำไมไม่มีเครื่องมือที่ “กดแล้วจองได้เลย” ดูรายละเอียดร้านได้ จ่ายเงินได้ทันทีโดยไม่ต้องโทรจองให้ยุ่งยาก นี่จึงกลายเป็นจุดกำเนิดของ GoWabi ตอนเริ่มแรก ทีมงานยังโฟกัสที่ผู้ชายด้วยการหาพาร์ทเนอร์บาร์เบอร์ช็อป แต่ไม่นานก็ขยายสู่หมวดร้านนวด ออนเซน และต่อยอดไปสู่คลินิกความงาม เพราะมองเห็นกำลังซื้อของผู้หญิงที่อยากสวย อยากมั่นใจ จนปัจจุบัน GoWabi ไม่ได้มีแค่บริการความงาม แต่ยังรวมถึง โรงพยาบาล, Health Check-up, วัคซีน, และคลาสฟิตเนส เพื่อตอบโจทย์ “Health & Wellness” อย่างแท้จริง “เรารู้สึกว่าความสวยและสุขภาพคือการมอบความมั่นใจจากภายใน พอเราส่องกระจกแล้วรู้สึกสวย มันคือวันที่ complete จริง ๆ” บททดสอบครั้งใหญ่: Covid-19 เส้นทางของสตาร์ทอัพไม่มีวันราบรื่น และหนึ่งในบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือช่วง Covid-19 “ตอนนั้นร้านนวด ร้านสปาในแอปถูกปิดหมด ขายอะไรไม่ได้เลย ถือว่าเป็นช่วงที่หนักที่สุด” คุณปุ้ยเล่า “เราเลยลองหาทางออก เช่น ทำ Coupon Buy Now, Use Later ให้ลูกค้าซื้อเก็บไว้ก่อน เพื่อให้ร้านมีเงินหมุน หรือขายแพ็กเกจตรวจโควิดผ่านคลินิกพาร์ทเนอร์ในราคาย่อมเยา เพราะตอนนั้นหาที่ตรวจยากและแพงมาก” แม้ต้องเผชิญวิกฤติ แต่ GoWabi ยังยืนหยัดได้โดยไม่ปลดพนักงานแม้แต่คนเดียว และยังช่วยร้านค้าพาร์ทเนอร์ให้ก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน “เรารู้สึกดีใจมากที่ร้านค้าขอบคุณเราที่พยายามหาทางช่วยเขา” ก้าวต่อไป: จากแอปจองสู่แพลตฟอร์ม Health & Wellness เมื่อผ่านวิกฤติโควิด วันนี้ GoWabi กลายเป็นมากกว่าแอปจองร้านสปา แต่พัฒนาสู่การเป็น Health & Wellness Ecosystem ร่วมมือกับโรงพยาบาลและคลินิก ขยายพาร์ทเนอร์ไปยัง SME และแบรนด์ใหญ่ เปิดตัวระบบ POS (Point of Sale) สำหรับร้านค้า ลดการจดคิวบนกระดาษ ทำให้เจ้าของร้านจัดการธุรกิจง่ายขึ้น พร้อมดู Insight และ Data แบบครบวงจร เตรียมพัฒนา AI Chat Support และ Line Chatbot ช่วยร้านค้าในการจองคิว “เราต้องการให้ GoWabi เป็นเครื่องมือที่ทำให้ทั้งผู้ใช้และร้านค้าสะดวกขึ้น และตอบโจทย์เทรนด์การดูแลสุขภาพที่กำลังมาแรง” Culture ที่ GoWabi: Freedom + Responsibility เมื่อถามถึงวัฒนธรรมองค์กร คุณปุ้ยเล่าว่า GoWabi เชื่อใน DNA เดียวกัน มากกว่ากฏระเบียบที่เคร่งครัด “เราไม่ได้จำกัดกรอบว่าพนักงานต้องทำงานแบบไหน ถ้าวันเสาร์ลูกค้าทักมา จะตอบทันทีหรือตอบวันจันทร์ก็แล้วแต่การจัดการของแต่ละคน ไม่มีใครผิด ทุกคนมี mindset และ vision เดียวกันอยู่แล้ว” GoWabi เชื่อในการให้อิสระ พร้อมความรับผิดชอบ พนักงานทุกคนไม่เพียงทำงานตามหน้าที่ แต่ “ทำด้วยใจ” ทิ้งท้าย สุดท้าย คุณปุ้ยฝากว่า  “อย่าลืมดาวน์โหลดแอป GoWabi เอาไว้ในมือถือ เรามีดีลและส่วนลดปัง ๆ เยอะมาก ครอบคลุมทั้งสวย สุขภาพ และฟิตเนส อยากให้ทุกคนตื่นเช้ามาแล้วเปิด GoWabi เพื่อเลือกสิ่งที่ทำให้คุณมั่นใจขึ้นในทุก ๆ วัน” จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่การเป็น Health & Wellness Super App ของไทย GoWabi ไม่ได้แค่เปลี่ยนการจองร้านให้สะดวกขึ้น แต่ยังช่วยสร้าง “วันที่ complete เเละมั่นใจ” ให้กับผู้คนจำนวนมาก

    Sep 18, 2025
    Thumbnail for 7 ผู้ประกอบการไทยเปิดใจ: เส้นทางสู่ความสำเร็จที่แตกต่างในงาน Bitkub Meetup 2025 ครั้งที่ 7

    7 ผู้ประกอบการไทยเปิดใจ: เส้นทางสู่ความสำเร็จที่แตกต่างในงาน Bitkub Meetup 2025 ครั้งที่ 7

    “ การสร้างสตาร์ทอัพ ไม่ได้เริ่มจากเงิน แต่เริ่มจากความเชื่อ ความพยายาม และการเรียนรู้จากความผิดพลาด ” นี่คือสารหลักจากเวที Bitkub Meetup ครั้งใหญ่แห่งปี ภายใต้หัวข้อ “Rebuilding Thailand Startup Spirit” ที่บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ปจัดขึ้น เพื่อเปิดพื้นที่ให้เหล่ายูนิคอร์นและผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง เส้นทางธุรกิจ และบทเรียนสำคัญสู่ความสำเร็จ ตลอดงาน ผู้ฟังจะได้ดื่มด่ำไปกับการบรรยายจากหลากหลายเวที ตั้งแต่ The Unicorn Stage ที่รวบรวมผู้ก่อตั้งบริษัทระดับยูนิคอร์นของไทย ไปจนถึง Rising-Star Entrepreneurs & Startups Stage ที่จุดประกายให้คนรุ่นใหม่กล้าฝันและกล้าลงมือ Session 1:  Rising-Star Entrepreneurs & Startups Stage 1.อูน Diamond Grains: "เราเป็นป่า เราเป็นดิน" ทำไมต้องแตกหลายแบรนด์? คุณอูนตอบชัดเจน "มันลดความเสี่ยงได้มากกว่า ถ้าเรากระจายธุรกิจมาอยู่ในหลาย industry แล้วมันสนุกด้วย" ด้วยทีมเดียวกัน 200 คน บริหารหลายแบรนด์ได้สำเร็จ คุณอูนแชร์มุมมองที่แตกต่างว่าธุรกิจไม่ควรมีแค่ KPI ที่ตัวเลข แต่คือการสร้าง "ระบบนิเวศน์" ที่แข็งแรงในองค์กร เธอเชื่อว่าพนักงานต้องมีสุขภาพจิตที่ดี และมองว่าปัญหาไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่คือโอกาสที่ทำให้เราเติบโต พร้อมเปรียบเทียบธุรกิจเป็นป่าที่ต้องดูแลดินให้ดี เพื่อให้ทุกต้นกล้าเติบโตอย่างแข็งแรงและเป็นสุข เคล็ดลับการบริหารคน: "เราไม่เชื่อว่าเอาคนเก่งมาใช้ความเก่ง แต่ต้องเอาคนเก่งมาพัฒนาให้เก่งขึ้นในโปรเจ็กต์ของเรา" ให้พนักงานทดลองใช้สินค้าทุก SKU ที่บ้าน เข้าใจสินค้าก่อนทำคอนเทนต์ "ต้องตื่นมาแล้วมีความสุขให้ได้ ชีวิตเราไม่ได้มีแค่งาน" "เรื่องที่สำคัญคือต้องมี healthy relationship กับปัญหา ปัญหาคือเรื่องผิดปกติ แต่จริงๆมันไม่ได้ผิดปกติ เพราะปัญหาทำให้เราโต" 2.CK Fastwork: "กล้าที่จะฝัน อย่ากลัวที่จะล้มเหลว" คุณ CK จาก Fastwork ย้ำชัดถึงปรัชญาการบริหารทีมที่เน้น "การจ้างคนที่เก่งที่สุดมาทำงานด้วย" เพราะคนเก่งไม่จำเป็นต้องบริหาร แค่ชี้เป้าหมายให้ชัดเจนและให้พวกเขาได้ลองผิดลองถูกเอง แต่ในฐานะผู้นำต้อง involve และ follow-up เพื่อตามหาปัญหาที่แท้จริง เป้าหมายใหญ่ของ Fastwork: อยากให้ Fastwork สำคัญจนประเทศขาดไม่ได้ ปัจจุบันเป็นแอปยอดดาวน์โหลดอันดับ 1 แล้ว เคล็ดลับการหา Product Market Fit: "สิ่งที่ต้องตามหาในวงการสตาร์ทอัพคือ product market fit ถ้าเราอัดเงิน SEM ยิงแอด เราจะได้ fake user growth จุดที่ยากคือทำให้ user growth ด้วยโปรดักต์จริงๆ ของดีจริงมันไม่ต้องทำการตลาดก็ได้" 3.คุณเปา iHAVECPU: "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน" คุณเปา iHaveCPU ผู้สร้างอาณาจักรจากเงินทุน 40,000 บาท สู่ธุรกิจ 3 พันล้านบาท บอกว่าไม่มีสูตรลับความสำเร็จ แต่เป็นเรื่องของ "ความพยายามและการสะสมประสบการณ์" พร้อมย้ำว่าเขาเป็นมวยรองที่ต้องเก่งกว่ายักษ์เสมอ ถอดบทเรียนการทำธุรกิจ: แนวคิดการทำงาน: "งานตามเงิน เงินตามงาน" ถ้าคุณเก่งมากกว่าคนอื่น คุณก็มีสิทธิได้เงินมาก การบริหารคน: ยอมรับในความแตกต่างของพนักงาน และมองว่าการเป็นพนักงานประจำไม่ใช่เรื่องแย่ เพราะรายได้มั่นคง และได้ความรู้ สิ่งสำคัญที่สุด: "มีวินัยและซื่อสัตย์กับตัวเอง" 4.คุณปุ้ย Gowabi: "อดทน มันอธิบายได้ด้วยคำเดียว" คุณปุ้ย Gowabi เชื่อในการจ้างคนที่มี "แพชชั่น" แม้จะไม่มีประสบการณ์ เพราะคนกลุ่มนี้เหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว พร้อมที่จะเรียนรู้ และมีพลังขับเคลื่อนที่เงินซื้อไม่ได้ การทำงานกับ Gen Z: "เงินก็ซื้อไม่ได้แล้วสำหรับ Gen Z อยู่ที่ว่าเราให้หน้าที่อะไรเขา ทำให้เขาเติบโตรึเปล่า" ความภาคภูมิใจ: การได้ช่วยร้านต่อขนตาที่มีแค่เตียงเดียว ขยายสาขาได้ นั่นคือสิ่งยิ่งใหญ่กว่าตัวเลขและเม็ดเงิน Session 2: “The Unbreakable Unicorns” 1.คุณยอด LINE MAN WONGNAI:  "ความบ้าและความอยากรวย" คุณยอดจาก LINE MAN WONGNAI เผยว่าจุดเริ่มต้นของเขาคือ "ความบ้า" และความอยากรวยล้วนๆ แต่ความบ้าที่ว่ามาพร้อมความพยายามที่ยาวนานกว่า 15 ปี การมองเห็นโอกาส: 15 ปีที่แล้ว แค่คิดว่าอยากทำเว็บรีวิวร้านอาหาร ไม่เคยคิดว่าต้องทำ food delivery, payment, POS เคล็ดลับการเติบโต: "ตอนที่เริ่มพาร์ทเนอร์กับไลน์แมนใหม่ๆ เราแชร์ database ไม่คิดเงิน ขอ revenue sharing ในอนาคต แทนที่จะทำงานระยะสั้น ระยะยาวเราก็เป็นเหมือน owner" การเลือกคนทำงาน: "เลือกคนทำงานที่มีศีลธรรมเหมือนกัน พร้อมจะทำงานหนัก ไม่ใช่ว่าเข้ามาแล้วอยากรีบที่จะไป" 2.คุณท็อป Bitkub: "จงเชื่อ แล้วเราจะเห็น" คุณท๊อป Bitkub เล่าถึงการใช้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์การเงินเพื่อ "เชื่อมโยงจุดต่างๆ ในอดีต" (Connecting the dots) ทำให้เขาเห็นโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น และสามารถบุกเบิกตลาดคริปโตในไทยได้สำเร็จ ช่วงที่ยากที่สุด: "ผ่านช่วง war time ที่ต้องอดทนจนไม่มีเงินเดือนจ่ายให้ตัวเอง 10 เดือน และเหลือเงินก้อน 2 เดือนสุดท้าย" สิ่งสำคัญที่เรียนรู้: "อุปสรรคมีอยู่ทุกธุรกิจ สิ่งสำคัญคือการพักผ่อนให้เพียงพอ และเชื่อว่าสุขภาพสำคัญที่สุด" การสร้าง Trust: "แต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน เราข้ามมาเฟส 3 เลย สร้างสถาบันการเงิน แล้วถ้ามันไม่มี trust ก็จบ" 3.คุณคมสันต์ Flash Express: "สิ่งที่ทำให้สำเร็จคือเพราะเราไม่รู้" คุณคมสันต์ Flash Express บอกว่าความสำเร็จของเขามาจากการที่ "ไม่รู้" พอไม่รู้เลยไม่กลัวที่จะลองทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ "เราเห็นที่จีนทำแล้วสำเร็จ แต่ยังไม่รู้นะว่าเขาทำยังไง เลยลองอะแด็ปมาทำในไทย" ปัญหาของการมีเงินมาก: "อุตสาหกรรมมันใหญ่เพราะมันเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เงินเข้ามาเยอะๆ แต่ใช้ไม่เป็น บริหารไม่เป็น เพราะไม่เคยเจอเงินเยอะ มันหนักกว่าตอนไม่มีเงินอีก" ข้อคิด: "ทุกเสตจของการเติบโตล้วนมีราคาที่ต้องจ่าย วันนี้ที่รู้คือสุขภาพสำคัญมาก แต่วันที่ไม่มีทางเลือก คุณต้องเอาเวลาลงทั้งหมด ไม่มีทางอื่นนอกจาก All in" ที่สุดแล้ว เส้นทางของผู้ประกอบการไม่มีสูตรสำเร็จแน่นอน แต่มีหลักการเดียวที่ทุกคนยืนยัน: "ทำให้เต็มที่ในแต่ละวัน พยายาม ทำในระยะเวลาที่ยาว ก็จะผ่านมันมาได้" งาน "Rebuilding Thailand Startup Spirit" ได้พิสูจน์แล้วว่า ผู้ประกอบการไทยไม่ได้ขาดแคลนไอเดีย แต่สิ่งที่เราต้องการคือการแบ่งปันประสบการณ์จริง เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางที่ไม่ง่าย แต่คุ้มค่าแน่นอน

    Aug 22, 2025
    Thumbnail for ไขความลับการเรียนรู้แบบเจาะลึกสไตล์ Barbara Oakley: เคล็ดลับจากผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ ทอย DataRockie

    ไขความลับการเรียนรู้แบบเจาะลึกสไตล์ Barbara Oakley: เคล็ดลับจากผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ ทอย DataRockie

    ในรายการ The Master ได้เชิญ คุณทอย เจ้าของเพจ DataRockie และผู้เชี่ยวชาญด้าน Data Analytics มาร่วมพูดคุยถึงแรงบันดาลใจและทักษะการเรียนรู้ที่สำคัญ โดยเฉพาะจากเรื่องราวของ บาบาร่า โอ๊คลี่ (Barbara Oakley) ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ มิชิแกน ซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์คอร์สชื่อดัง Learning How to Learn ที่มีผู้เรียนทั่วโลกกว่า 3 ล้านคน เรื่องราวชีวิตของบาบาร่า โอ๊คลี่ 1.ความล้มเหลวในวัยเด็ก บาบาร่าเคยเป็นคนที่ไม่ถนัดวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในช่วงประถมถึงมัธยมต้น เนื่องจากวิชาเหล่านี้มีลักษณะการเรียนแบบ Sequential ซึ่งต้องเข้าใจพื้นฐานก่อนจึงจะต่อยอดได้ ทำให้เธอรู้สึกว่า “ตัวเองไม่เหมาะกับการเรียนวิชานี้” 2.การค้นพบตัวเองในวัยผู้ใหญ่ แม้ชีวิตเริ่มต้นจากความสนใจด้านภาษาและวัฒนธรรม (เรียนภาษารัสเซียและทำงานเป็นนักแปลในกองทัพ) แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อเธอได้สัมผัสกับงานด้านวิศวกรรม เธอรู้สึกว่าถ้าเธอเข้าใจคณิตศาสตร์ได้ ชีวิตจะมีโอกาสและความหลากหลายมากขึ้น 3.ก้าวข้ามขีดจำกัด บาบาร่าตัดสินใจกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้งในวัย 26 ปี เพื่อศึกษาวิศวกรรมศาสตร์จนจบปริญญาเอก และปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ที่เชี่ยวชาญในสายงานที่เธอเคยล้มเหลวมาก่อน เคล็ดลับการเรียนรู้ของบาบาร่า โอ๊คลี่ บาบาร่าพัฒนาแนวคิด “เรียนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ” โดยมีหลักสำคัญที่ช่วยเพิ่มพลังการเรียนรู้ 1.เข้าใจระบบสมอง สมองคนเรามีโหมดการคิด 2 แบบ • Focused Mode: ใช้สมาธิอย่างหนักเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า • Diffuse Mode: ปล่อยให้สมองผ่อนคลายและทำงานในเบื้องหลัง หากคุณติดปัญหาการเรียน ให้พักสมองด้วยการทำกิจกรรมอื่น เช่น เดินเล่นหรือฟังเพลง ซึ่งช่วยให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.การออกจาก Comfort Zone การเรียนรู้เรื่องยากและการเผชิญสิ่งใหม่เป็นการพัฒนาตัวเองที่แท้จริง บาบาร่าเป็นตัวอย่างที่ดีในการพาตัวเองออกจากความคุ้นชิน เช่น การทำงานในสถานที่ห่างไกลอย่างแอนตาร์กติกา 3.เรียนรู้ผ่านการสอน บาบาร่าเน้นว่า “การสอนคือวิธีเรียนรู้ที่ดีที่สุด” การถ่ายทอดความรู้ให้คนอื่นเป็นการฝึกกระบวนการคิดและทำให้เข้าใจเนื้อหาลึกซึ้งยิ่งขึ้น บทเรียนจากคุณทอย คุณทอยเล่าว่าเขาได้แรงบันดาลใจจากบาบาร่ามากมาย และนำแนวคิดเหล่านี้มาปรับใช้ในชีวิตการทำงาน เช่น: • การพักผ่อนอย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (นอนเมื่อเหนื่อยและกินเมื่อหิว) • การตั้งคำถามสำคัญเวลาเรียน: เราเรียนรู้อย่างไร และจะถ่ายทอดต่ออย่างไร? • การหาโอกาสออกจาก Comfort Zone เช่น การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ในสายงาน ความสำเร็จของบาบาร่าและแรงบันดาลใจระดับโลก คอร์ส Learning How to Learn ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เรียนทั่วโลก แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การศึกษาเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เรื่องราวของบาบาร่า โอลี่ เป็นเครื่องเตือนใจว่า “ความล้มเหลวในอดีตไม่ใช่อุปสรรค หากเราเปิดใจเรียนรู้และกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง”

    Dec 19, 2024
    Thumbnail for ชาร์คประพล ผ่านพ้นวิกฤตมาได้อย่างไร และกลายมาเป็นนักลงทุนพันล้าน? มาเรียนรู้กลยุทธ์การมองวิกฤตให้เป็นโอกาส

    ชาร์คประพล ผ่านพ้นวิกฤตมาได้อย่างไร และกลายมาเป็นนักลงทุนพันล้าน? มาเรียนรู้กลยุทธ์การมองวิกฤตให้เป็นโอกาส

    เปิดใจเศรษฐี Shark Tank: เบื้องหลังความสำเร็จและมุมมองเศรษฐกิจ ในวงการการลงทุนระดับประเทศ ชื่อของ ประพล พิรินจินดา ไม่ใช่ชื่อที่ใครจะมองข้ามได้ง่ายๆ ด้วยการทุ่มทุนกว่า 200 ล้านบาท ในโครงการ Shark Tank ทำให้เขากลายเป็นนักลงทุนที่ถูกจับตามองที่สุดในซีซันที่ผ่านมา แต่คำถามที่ทุกคนอยากรู้คือ “เขาทำได้อย่างไร?” และ “เราจะสร้างความมั่งคั่งเหมือนเขาได้หรือไม่?” ในบทสัมภาษณ์สุดพิเศษนี้ ประพลเผยถึงจุดเริ่มต้นจากวัยเด็กที่ไม่มีความฝันเป็นเศรษฐี แต่มีหัวใจรักการเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ๆ จนก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และกลายเป็นผู้นำด้านการเงินที่เชื่อมั่นในพลังของ Long-Term Mindset ความลับของเศรษฐีพันล้าน “ถ้าคุณมี 10 บาท คุณต้องกล้าลงทุนทั้ง 10 บาท ถ้าคุณมั่นใจว่ามันไม่แพ้” ประพลเผยถึงปรัชญาในการลงทุนที่ช่วยให้เขาเปลี่ยนเงินหลักล้านเป็นหลักพันล้าน ด้วยการเลือกลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืน (sustainable) ซึ่งแม้ในภาวะตลาดผันผวน เขาก็ยังคงมั่นใจว่า “เงินที่อยู่เฉยๆ เท่ากับเงินที่เสียโอกาส” ตลาดหุ้นไทย: ศูนย์กลางที่น่าจับตามอง ในมุมมองของประพล ตลาดหลักทรัพย์ในไทยยังคงมีศักยภาพสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน แม้จะมีความท้าทายจากดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก แต่โครงสร้างของตลาดไทยยังคงแข็งแรง โดยเฉพาะในด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุนระดับสากล อย่างไรก็ตาม เขาเตือนนักลงทุนว่า “อย่าตามกระแสมากเกินไป” และย้ำถึงความสำคัญของวินัยในการลงทุน ว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน Money Mastery: หนังสือแห่งความมั่งคั่ง เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์กว่า 5 ปีในการลงทุน ประพลได้เขียนหนังสือ Money Mastery ที่เขาเปรียบเสมือน “ยาสามัญประจำบ้าน” สำหรับทุกคนที่อยากมีอิสรภาพทางการเงิน พร้อมเคล็ดลับการสร้างรายได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว “หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ช่วยแค่ให้คุณรวยเงิน แต่ยังช่วยให้คุณมั่งคั่งในชีวิต ทั้งด้านสุขภาพ เวลา และความสุข” เขากล่าว นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต: ความเห็นที่ไม่ธรรมดา เมื่อถามถึงนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ประพลให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “การใส่เงินในระบบเปรียบเสมือนการปล่อยน้ำเข้าสู่เขื่อนใหญ่ ถ้าจัดการให้ดี เงินนี้จะหมุนเวียนกลับมาเป็นประโยชน์ แต่ถ้าไม่ ก็เหมือนน้ำที่ไหลลงทะเล” ประสบการณ์ชีวิตและวิกฤติที่หนักที่สุด ประพลเคยประสบวิกฤติทางธุรกิจครั้งใหญ่เมื่อลงทุนในหุ้นกู้ของรัฐวิสาหกิจ (การบินไทย) ด้วยความเชื่อมั่นในเครดิตและความปลอดภัย แต่ผลกลับไม่เป็นไปตามคาด เงินทุนกว่า 400 ล้านบาทสูญหาย ธุรกิจจึงอยู่ในภาวะล้มละลายและถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้แก้ปัญหาภายใน 7 วัน ด้วยความร่วมมือของครอบครัว เพื่อน และพันธมิตร ทำให้สามารถระดมทุนได้และกอบกู้ธุรกิจกลับมาได้สำเร็จ บทเรียนสำคัญจากการลงทุน วินัยและการบริหารการเงิน: ธุรกิจ SME หรือ Startup ต้องมีวินัยในเรื่องการจัดการรายได้และการเสียภาษี อย่าหลงระเริงใช้จ่ายเกินตัว หรือกระจายการลงทุนเร็วเกินไปจนสูญเสียโฟกัส การบริหารภาษี: แนะนำให้บริหารภาษีอย่างถูกต้อง ไม่หลบเลี่ยง เพราะการทำบัญชีให้โปร่งใสจะช่วยเพิ่มมูลค่าของธุรกิจในระยะยาวและเปิดโอกาสให้สามารถดึงดูดนักลงทุนได้ง่ายขึ้น ความยั่งยืนในธุรกิจ: อย่ารีบขยายหรือแตกไลน์ธุรกิจจนกว่าธุรกิจหลักจะแข็งแรงเพียงพอ มุมมองการลงทุนใน Startup • เวลาประเมินธุรกิจใหม่ ๆ จะดูปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความเติบโต ศักยภาพเทคโนโลยี เทรนด์อนาคต และความยั่งยืน • พิจารณาทั้งตัวธุรกิจและทีมผู้ก่อตั้ง เช่น บุคลิก ความกระตือรือร้น และความตั้งใจ • บางครั้งอาจใช้กลยุทธ์การ “จิตวิทยา” ในการต่อรองราคา เพื่อสร้างโอกาสให้ตนเองได้ดีลที่ดีที่สุด ข้อเสนอแนะและแรงบันดาลใจสำหรับ SME ไทย • ควรเลิกมองตนเองเป็น SME แต่ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้นเหมือน Startup ที่ไร้ขีดจำกัด • ประเทศไทยมีศักยภาพสูงทั้งในด้านเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และคนรุ่นใหม่ พร้อมเข้าสู่เวทีโลกอย่าง Globalization • การใช้เทคโนโลยี เช่น AI และข้อมูลจำนวนมาก สามารถช่วยให้ธุรกิจเติบโตและแข่งขันได้อย่างรวดเร็ว บทสัมภาษณ์ของชาร์กประพลในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่บทสัมภาษณ์ แต่เป็นการเปิดประตูสู่ความคิดของนักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของไทย สำหรับใครที่ฝันอยากจะมีอิสรภาพทางการเงิน การเริ่มต้นที่ “ล้านแรก” อาจยากที่สุด แต่ประพลยืนยันว่า เมื่อคุณมีวินัย รู้จักเรียนรู้ และมีความกล้า คุณจะสามารถสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนได้อย่างแน่นอน _____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ In Thailand’s investment world, the name Prapol Pirinjinda is hard to overlook. With an investment of over 200 million baht in Shark Tank, he has become one of the most talked-about investors in recent seasons. But the big questions are: “How did he do it?” and “Can we achieve wealth like him?” In this exclusive interview, Prapol shares his journey from a childhood without dreams of becoming rich to his love for learning and trying new things. This eventually led him into the stock market and made him a financial leader with a strong belief in the power of a long-term mindset. The Secrets of a Billionaire “If you have 10 baht, you must be willing to invest all 10 if you’re confident it won’t fail,” Prapol shares his philosophy. He turned millions into billions by investing in sustainable businesses. Even in uncertain market conditions, he believes, “Money left idle is money losing opportunities.” Thailand’s Stock Market: A Hub to Watch According to Prapol, the Thai stock market remains one of the strongest in Southeast Asia, despite challenges like U.S. interest rates and global economic trends. He emphasizes the importance of discipline in investing, warning against blindly following trends, and sees this as a cornerstone of sustainable wealth. Money Mastery: A Guide to Financial Freedom To share his five-plus years of investment experience, Prapol wrote Money Mastery, which he calls a “household necessity” for anyone seeking financial independence. The book offers tips for building both short-term and long-term wealth. “This book isn’t just about money; it’s about wealth in all aspects of life—health, time, and happiness,” he says. Digital Wallet Policy: A Unique Perspective When asked about the government’s digital wallet initiative, Prapol compares it to “pouring water into a large dam.” If well-managed, it can bring benefits to the economy. If not, it risks becoming wasted potential. Lessons from Life’s Biggest Challenges Prapol once faced a major business crisis after investing 400 million baht in state enterprise bonds (Thai Airways) due to overconfidence in their credit rating. When things didn’t go as planned, his business was on the brink of bankruptcy. He had just seven days to recover, as ordered by regulators. With the help of family, friends, and partners, he managed to raise funds and revive his business successfully. Key Lessons in Investment 1. Discipline and Money Management: SMEs and startups must manage income and taxes responsibly. Avoid overspending or diversifying investments too quickly. 2. Tax Management: Keep transparent accounts and pay taxes properly. This can increase the long-term value of your business and attract investors. 3. Business Sustainability: Strengthen your core business before expanding or diversifying. Insights into Investing in Startups • Evaluate factors like growth potential, technology, future trends, and sustainability. • Assess both the business and the founding team’s passion and commitment. • Use negotiation tactics, sometimes psychological, to secure the best deals. Advice and Inspiration for Thai SMEs • Stop seeing yourself as just an SME—think big, like startups without limits. • Thailand has high potential in technology, infrastructure, and young talent to compete globally. • Utilize technology like AI and big data to grow and thrive in the competitive landscape. This interview with Shark Prapol opens a window into the mind of one of Thailand’s most successful investors. For those dreaming of financial freedom, he reminds us that the hardest part is earning your first million. With discipline, learning, and courage, he assures that sustainable wealth is within reach.

    Dec 19, 2024
    Thumbnail for คำสารภาพจากยูนิคอร์น: ท๊อป จิรายุส คมสันต์ ลี ตอนที่ 1 – ความประมาทที่เกือบทำให้ทุกอย่างพัง | The Secret Sauce

    คำสารภาพจากยูนิคอร์น: ท๊อป จิรายุส คมสันต์ ลี ตอนที่ 1 – ความประมาทที่เกือบทำให้ทุกอย่างพัง | The Secret Sauce

    การเติบโตของธุรกิจในยุคดิจิทัล: บทเรียนจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ การเติบโตของธุรกิจในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ประกอบการรุ่นใหม่หลายรายที่สามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจยุคดิจิทัลได้มักมีการเรียนรู้จากความท้าทายที่ต้องเผชิญและการปรับตัวในสภาวะที่ไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้เราจะสรุปประสบการณ์จากการสัมภาษณ์ของสองผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่าง คุณคมสันต์ ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express และ คุณท๊อป จิรายุส ผู้ก่อตั้ง Bitkub ซึ่งทั้งสองได้แบ่งปันบทเรียนจากการเติบโตของธุรกิจในช่วงเวลาที่รวดเร็วและท้าทาย 1. ความท้าทายในการเติบโตของธุรกิจในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทั้ง Flash Express และ Bitkub ต่างก็เผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายระหว่างการขยายตัวของธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจต้องเติบโตในช่วงเวลาที่สั้นมาก เช่น ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกด้านทั้งด้านต้นทุนและการดำเนินงาน คุณคมสันต์ ลี กล่าวถึงความท้าทายที่ Flash Express ต้องเผชิญเมื่อการขนส่งและบริการโลจิสติกส์กลายเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงการระบาดของโควิด-19 การต้องรับมือกับ ต้นทุนที่สูงขึ้น เช่น ค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทต้องหากลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้า ในขณะที่คุณท๊อปได้พูดถึงวิกฤตที่ Bitkub ต้องเผชิญในช่วงที่ตลาดคริปโตได้รับความนิยมอย่างมากในไทย ซึ่งทำให้เกิดความท้าทายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำธุรกรรมที่มีความซับซ้อนและต้องรับมือกับการปรับตัวทางกฎหมาย และปัญหาทางการเงินต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาดคริปโต 2. การปรับตัวในช่วงวิกฤตและบทเรียนจากการเรียนรู้ ทั้งสองผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการปรับตัวอย่างรวดเร็วและการเรียนรู้จากความท้าทายที่เกิดขึ้น คุณคมสันต์เล่าว่า ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 เขาต้องตัดสินใจที่สำคัญหลายครั้ง เช่น การ ปิดคลังสินค้า เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ซึ่งแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ได้รับการสนับสนุนจากทีมงานและลูกค้า ทำให้ธุรกิจยังคงสามารถดำเนินไปได้ ในด้านของคุณท๊อป การที่ Bitkub ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากภาวะตลาดที่ผันผวนและความไม่แน่นอนของกฎหมายในบางประเทศ เป็นการทดสอบความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวขององค์กร เขายอมรับว่า ความล้มเหลวและการปรับแผนในช่วงเวลาที่วิกฤตเกิดขึ้น เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถเรียนรู้และฟื้นตัวจากความผิดพลาดได้ 3. การออกแบบองค์กรและความสำคัญของการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง ทั้งสองผู้ประกอบการได้พูดถึงความสำคัญของการ ออกแบบองค์กร (Organization Design) ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับการเติบโตของบริษัทได้ดี การออกแบบองค์กรไม่ใช่เพียงแค่การสร้างโครงสร้างของทีมงานหรือการแบ่งแยกหน้าที่ให้ชัดเจนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความยืดหยุ่นและส่งเสริมการทำงานร่วมกัน คุณคมสันต์เน้นย้ำถึงการสร้างทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายด้านเพื่อให้สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และมองเห็นปัญหาจากมุมมองที่หลากหลาย คุณท๊อปก็พูดถึงการบริหารทีมว่าในการขยายธุรกิจ ต้องเน้นการสร้างทีมที่มีความเข้าใจร่วมกันและสามารถทำงานได้ดีภายใต้ความกดดัน เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กับการปรับตัวต่อสถานการณ์ใหม่ ๆ 4. การกระจายอำนาจและการสร้างการตัดสินใจที่รวดเร็ว อีกหนึ่งบทเรียนที่ทั้งสองผู้ประกอบการกล่าวถึงคือการกระจายอำนาจภายในองค์กรในช่วงที่ธุรกิจเริ่มเติบโตขึ้น เมื่อบริษัทขยายตัว การตัดสินใจไม่ควรจำกัดอยู่แค่ผู้บริหารสูงสุด แต่ควรกระจายไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์กรเพื่อให้การตัดสินใจสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การสร้างโครงสร้างที่ decentralized ทำให้ทุกคนในองค์กรสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ทันที คุณคมสันต์เล่าถึงการที่ Flash Express ให้ความสำคัญกับการกระจายการตัดสินใจไปยังฝ่ายต่าง ๆ ภายในบริษัท โดยเฉพาะในการบริหารจัดการงานที่ต้องการการตัดสินใจเร็ว การกระจายอำนาจไม่เพียงแต่ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ทันท่วงที แต่ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน 5. การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการเติบโต การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ การที่ทีมงานทุกคนมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร จะช่วยให้พนักงานมีแรงจูงใจและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนให้พนักงานสามารถพัฒนาทักษะและมีความสุขในการทำงาน คุณท๊อปกล่าวว่าในช่วงที่ Bitkub เติบโตอย่างรวดเร็ว พวกเขามุ่งเน้นที่การสร้างทีมงานที่มีความเข้าใจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงาน เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างธุรกิจและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่สำคัญ 6. การพัฒนาเทคโนโลยีและการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การนำเทคโนโลยีใหม่ มาปรับใช้ในธุรกิจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณคมสันต์และคุณท๊อปต่างเห็นพ้องว่า การนำ Web 3.0, บล็อกเชน, และ AI (ปัญญาประดิษฐ์) มาใช้จะช่วยให้ธุรกิจมีความทันสมัยและสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็วขึ้น ในกรณีของ Bitkub, คุณท๊อปมองว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการกับการเงินในโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ขณะที่คุณคมสันกล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีที่มีความทันสมัยเพื่อช่วยให้ Flash Express สามารถจัดการกับข้อมูลการขนส่งได้แม่นยำและรวดเร็ว 7. การมองไปข้างหน้า: การสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ ทั้งคุณคมสันต์และคุณท๊อปเห็นว่า การเติบโตที่ยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าแค่การเติบโตในระยะสั้น โดยต้องมองไปข้างหน้าถึงการพัฒนาองค์กรในระยะยาว ทั้งในเรื่องของการ พัฒนาผลิตภัณฑ์, การปรับตัวทางเทคโนโลยี, และการสร้าง กลยุทธ์ที่รองรับการเติบโตในอนาคต _______________________________________________________________________________________________________________________________________________________ Business Growth in the Digital Era: Lessons from Successful Young Entrepreneurs Growing a business in today’s fast-changing world isn’t easy. Many young entrepreneurs who succeed in the digital age learn to adapt to challenges and uncertainties. This article highlights key lessons from two successful entrepreneurs: Khomsan Lee, founder of Flash Express, and Topp Jirayut, founder of Bitkub. They share their experiences of overcoming challenges and growing their businesses during fast-paced and difficult times. 1. Challenges in a Rapidly Changing Era Both Flash Express and Bitkub faced various challenges while expanding their businesses, especially during short and intense periods like the COVID-19 crisis. • Flash Express: Khomsan shared how logistics became essential during the pandemic. Rising costs, like fuel prices, forced the company to develop strategies to stay competitive without affecting customers. • Bitkub: Topp discussed how the rising popularity of cryptocurrency in Thailand brought challenges like complex transactions, adapting to legal changes, and managing financial risks from volatile markets. 2. Adapting During Crises and Key Lessons Quick adaptation and learning from challenges were crucial for both entrepreneurs. • Khomsan: During the pandemic, he made difficult decisions, like temporarily closing warehouses to prevent the spread of the virus. These actions, although tough, gained support from his team and customers, allowing the business to continue. • Topp: Bitkub faced uncertainty from fluctuating markets and legal changes. Topp emphasized learning from failures and adjusting plans as essential to recovering and moving forward. 3. Building a Flexible Organization and Strong Teams Both highlighted the importance of organizational design and team strength. • Khomsan: He emphasized creating teams with diverse skills to handle change and solve problems from multiple perspectives. • Topp: He focused on team management, ensuring everyone worked well under pressure and shared a common understanding, which helped the business grow and adapt to new situations. 4. Decentralizing Decision-Making As businesses grow, decision-making should not be centralized. • Flash Express: Khomsan explained that decentralizing decisions to different departments allowed faster responses to challenges and increased organizational flexibility. • Bitkub: Topp highlighted how empowering teams to make decisions helped Bitkub adapt quickly and stay competitive. 5. Creating a Positive Company Culture A strong company culture is essential for sustainable growth. • Khomsan: A positive culture motivates employees and creates an environment where they feel part of the organization, boosting efficiency and satisfaction. • Topp: During Bitkub’s rapid growth, building strong relationships within teams ensured everyone contributed to business decisions and felt valued. 6. Using Advanced Technology Adopting new technologies is critical in a fast-evolving world. • Khomsan: He highlighted using modern technologies to improve logistics, enabling accurate and fast delivery. • Topp: He saw blockchain as a tool for managing digital finance more securely and efficiently while incorporating Web 3.0 and AI to modernize their operations. 7. Focusing on Sustainable Growth Both emphasized that sustainable growth is more important than short-term gains. • Long-term strategies: Developing products, adapting to new technologies, and planning for future growth were identified as essential for lasting success. These lessons from Flash Express and Bitkub show that adaptability, teamwork, and a focus on sustainability are key to thriving in the digital era.

    Dec 19, 2024
    Thumbnail for "วิธีค้นหาความชอบที่แท้จริง" บทเรียนจากการท่องโลกของ ALAN BUS | We Mahidol (ALAN BUS "Discovering What You Love" by Exploring the World and Yourself)

    "วิธีค้นหาความชอบที่แท้จริง" บทเรียนจากการท่องโลกของ ALAN BUS | We Mahidol (ALAN BUS "Discovering What You Love" by Exploring the World and Yourself)

    มาทำความรู้จักกับ“อลัน” กับหน้าที่ลีดเดอร์วง BUS (Because Of You I Shine) วง Boy band T-Pop ที่มาแรงมากในตอนนี้ Q: อลันคือใคร และมีความสามารถหรือทักษะอะไรบ้าง? A: อลันเป็นหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีทักษะโดดเด่นด้านภาษาและเทคโนโลยี สามารถพูดได้หลายภาษา ได้แก่ อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และไทย ปัจจุบันกำลังศึกษาในสาขา Creative Technology ที่มหาวิทยาลัย MUIC ซึ่งเลือกเพราะความสนใจในเทคโนโลยีและการออกแบบ ทักษะด้านภาษานี้ช่วยให้อลันปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมต่างๆ และเข้าถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง Q: ชีวิตของอลันในสิงคโปร์มีผลอย่างไร? A: อลันใช้ชีวิตในสิงคโปร์ประมาณ 3 ปี ในช่วงแรกรู้สึกคิดถึงบ้านและไม่กล้าคุยกับเพื่อนใหม่ แต่ก็พยายามปรับตัวโดยเริ่มต้นบทสนทนาด้วยคำถามเล็กๆ อย่างการถามถึงเมนูโปรด จากนั้นจึงค่อยๆ สร้างมิตรภาพที่แน่นแฟ้นกับเพื่อนๆ ประสบการณ์นี้ทำให้เติบโตในด้านการใช้ชีวิตและการเข้าสังคม โดยมองเพื่อนที่สิงคโปร์เป็น “ครอบครัวที่เขาเลือกเอง” Q: เพราะอะไรอลันถึงตัดสินใจหยุดเรียนเพื่อทำ Gap Year? A: อลันต้องการสำรวจความสนใจของตัวเอง เขาจึงหยุดเรียนเพื่อทำ Gap Year ช่วงนี้ได้ลองสอนเด็กที่อยากไปเรียนต่อสิงคโปร์ และติววิชาเลขกับภาษาอังกฤษซึ่งช่วยให้เข้าใจบทบาทของครู นอกจากนี้ยังได้ทำงานเบื้องหลังในกองถ่ายโฆษณาและ MV ซึ่งทำให้เขาค้นพบความสนใจในงานศิลปะการถ่ายภาพและวิดีโอมากขึ้น Q: มุมมองต่อการทำ Gap Year? A: อลันรู้สึกสบายใจกับการไม่ต้องเดินตามเส้นทางที่คนอื่นมักเดิน เขาเชื่อว่าเส้นทางของแต่ละคนแตกต่างกัน ช่วงพักนี้ทำให้มีโอกาสสำรวจโลกและตัวเองมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าสิ่งที่เลือกเรียนคือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ เป็นเวลาที่เขาได้เรียนรู้และรู้จักตัวเองอย่างเต็มที่ Q: อะไรทำให้อลันก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง? A: หลังจาก Gap Year อลันเริ่มต้นทำงานเบื้องหลังก่อนจะมีโอกาสได้เข้าร่วมการแคสซีรีส์และโครงการ “789 Survival” ที่ต้องเรียนรู้ทั้งการแสดง ร้องเพลง และเต้น แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์มาก่อน การเข้าวงการนี้ทำให้เขาได้พัฒนาทักษะใหม่ๆ และได้ทำงานร่วมกับทีมมืออาชีพซึ่งช่วยให้เขาปรับตัวและเรียนรู้ได้มากขึ้น Q: อลันมีบทบาทอย่างไรในฐานะ Leader ของกลุ่ม? A: ในการเป็น Leader อลันเน้นการนำพาทุกคนไปในทิศทางเดียวกันโดยใช้การสื่อสารและการสนับสนุนแทนการใช้อำนาจ ปรับวิธีสื่อสารให้เหมาะสมกับบุคลิกและความต้องการของแต่ละคน พร้อมเปิดใจคุยกับเพื่อนๆ เพื่อสร้างความเป็นทีม โดยมีเพื่อนๆ คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือเมื่อเผชิญความท้าทาย Q: วิธีรับมือกับคำวิจารณ์เชิงลบในโลกออนไลน์อย่างไร? A: อลันมองคำวิจารณ์เชิงลบเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเอง เชื่อว่าคำวิจารณ์เหล่านี้สามารถทำให้เขาเรียนรู้และปรับปรุงตัวได้ดีขึ้น จัดสรรเวลาเพื่อบริหารทั้งการเรียนและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกด้าน Q: ประสบการณ์ทั้งหมดนี้มีผลอย่างไรต่อการพัฒนาตัวเอง? A: จากการใช้ชีวิตในต่างประเทศ การทำงานเบื้องหลัง การเป็นศิลปิน และการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ทำให้อลันเติบโตและค้นพบเส้นทางที่ต้องการเดิน ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้เขามีความเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิตและมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองในทุกๆ ด้าน _______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ Talking with “Alan” and his role as the leader of the popular T-Pop boy band BUS (Because Of You I Shine) Q: Who is Alan, and what skills does he have? A: Alan is a young man with strong language and technology skills. He speaks English, Chinese, Japanese, and Thai. Currently, he’s studying Creative Technology at MUIC because of his interest in technology and design. His language abilities help him adapt to different environments and deeply understand diverse cultures. Q: How did Alan’s life in Singapore impact him? A: Alan lived in Singapore for about three years. At first, he felt homesick and shy around new friends, but he started adjusting by beginning conversations with small questions, like asking about favorite foods. Over time, he built close friendships, seeing his friends in Singapore as “the family he chose.” This experience helped him grow in life and social skills. Q: Why did Alan decide to take a gap year? A: Alan wanted to explore his interests, so he took a gap year. During this time, he taught students who wanted to study in Singapore and tutored math and English, which helped him understand the role of a teacher. He also worked behind the scenes in ads and music videos, which sparked his interest in photography and video art. Q: What’s Alan’s perspective on taking a gap year? A: Alan feels comfortable not following the usual path and believes that everyone has their own unique journey. The gap year gave him time to explore the world and himself, helping him be sure about what he really wants to study. It was a time for him to fully learn about and understand himself. Q: How did Alan enter the entertainment industry? A: After his gap year, Alan began working behind the scenes before getting a chance to join casting for a series and the “789 Survival” project, where he learned acting, singing, and dancing. Despite having no prior experience, working in this industry helped him develop new skills and work with a professional team, which taught him how to adapt and learn. Q: What is Alan’s role as the leader of the group? A: As the leader, Alan focuses on guiding everyone in the same direction through communication and support rather than authority. He adjusts his communication style to fit each member’s personality and needs, and he’s open to conversations with his teammates to build a strong team spirit. His friends provide encouragement and support whenever challenges arise. Q: How does Alan handle negative comments online? A: Alan views negative comments as motivation to improve. He believes these comments help him learn and become better. He manages his time to balance studying and working, aiming to achieve the best results in everything he does. Q: How have these experiences affected his personal growth? A: Living abroad, working behind the scenes, being an artist, and handling challenges have all helped Alan grow and find his path. These experiences made him a lifelong learner with a commitment to developing himself in every aspect.

    Nov 13, 2024